สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับ ธนาคารโลกแถลงข่าวผลการจัดอันดับความยาก-ง่าย
ในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2013)
สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับธนาคารโลกจัดงานแถลงข่าวผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลกซึ่งประเทศไทยยังคงรักษาอันดับ 20 อันดับแรกของประเทศที่น่าลงทุนไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี ค.ศ. 2013 ประเทศไทยได้อันดับที่ 18 จาก 185 ประเทศทั่วโลก ซึ่งงานนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2555ณ ห้องประชุมไชยโย ธนาคารโลกประจำประเทศไทย อาคาร Siam Tower โดยมี นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา สุทธปรีดา ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการและดร. กิริฎาเภาพิจิตร เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารโลกเป็นผู้ร่วมแถลงข่าว
|
|
ดร. กิริฎา เภาพิจิตร เศรษฐกรอาวุโส ธนาคารโลกเปิดเผยว่า ธนาคารโลกได้จัดทำรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business ซึ่งเป็นการวิจัยแบบสำรวจความคิดเห็นของบริษัทที่ทำงานเกี่ยวกับด้านบัญชี และด้านกฎหมาย เกี่ยวกับขั้นตอนระยะเวลาการให้บริการ การอำนวยความสะดวก ต้นทุนค่าใช้จ่าย และกฎระเบียบต่างๆของรัฐว่ามีส่วนสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจอย่างไร โดยมีตัวชี้วัดในการสำรวจ 10 ด้าน ตามวงจรธุรกิจตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจจนถึงการปิดกิจการ ซึ่งในปีนี้ ประเทศไทยได้อันดับที่ 18 จาก 185 ประเทศทั่วโลก เป็นอันดับที่ 3 ในอาเซียนและอันดับที่ 6 ในเอเชีย ซึ่งอยู่ในอันดับที่ดีและอันดับไม่ได้ต่างจากปีที่แล้วมากโดยด้านที่ประเทศไทยได้ปฏิรูปการบริการ มี 2 ด้าน คือ การเริ่มต้นธุรกิจ ที่มีการลดขั้นตอนในการจัดตั้งธุรกิจ และด้านการจ่ายภาษี ที่ปีนี้ไทยมีการลดอัตราภาษีภาคธุรกิจส่วนด้านที่ประเทศไทยได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้น ได้แก่ ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน ด้านการชำระภาษี และด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง
|
|
|
ต่อจากนั้น นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา สุทธปรีดา ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการได้กล่าวว่าการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลกมีตัวชี้วัดทั้งหมด 10 ตัวชี้วัดซึ่งเป็นกระบวนการต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ในกระบวนการต้นน้ำคือ เริ่มตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจ การขออนุญาตก่อสร้าง การขอใช้ไฟฟ้า การจดทะเบียนทรัพย์สิน การได้รับสินเชื่อ การคุ้มครองผู้ลงทุน นำไปสู่กระบวนการกลางน้ำคือ การชำระภาษี การค้าระหว่างประเทศ การบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และสุดท้ายกระบวนการปลายน้ำ คือการปิดกิจการ ซึ่งในปีนี้ประเทศไทยได้อันดับที่ 18 จาก 185 ประเทศ แม้ว่าระบบราชการจะทำงานได้ไม่ถึง 9 เดือน เนื่องจากประสบกับภาวะวิกฤตในเรื่องของอุทกภัยก็ตาม แต่เราก็ยังคงรักษาอันดับให้อยู่ใน 20 อันดับแรกได้ และยังได้ชี้แจงถึงการปรับปรุงในด้านที่ประเทศไทยมีอันดับดีขึ้น 3 ด้าน คือ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจที่ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ได้แก่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานประกันสังคม กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน และกรมสรรพากร โดยได้พัฒนาระบบเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยใช้เลขประจำตัวผู้เสียภาษี (Single Number) เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการมีการให้บริการ ณ จุดเดียวกัน (Single Point) ใช้แบบฟอร์มร่วมกัน (Single Form)และใช้เอกสารประกอบชุดเดียวกัน (Single Document) ในอีกด้านที่ได้มีการปรับปรุงคือ ด้านการชำระภาษีที่มีการลดรายการประเภทของการเสียภาษีอีกทั้งนโยบายรัฐบาลที่ประกาศลดภาษีนิติบุคคล จึงคาดว่าในปีหน้าเรื่องของอันดับเกี่ยวกับภาษีน่าจะดีขึ้น และด้านสุดท้าย คือ ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง ที่ได้ใช้ระยะเวลาในการดำเนินการลดลง ทั้งนี้ ผลของความสำเร็จทั้งหมด สำนักงานก.พ.ร. เป็นเพียงหน่วยในการบูรณาการให้หน่วยงานภาคราชการ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องร่วมมือกันทำงาน เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชนและยังคงมุ่งมั่นดำเนินการเพื่อปรับปรุงบริการต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนยิ่งๆขึ้นไป
|
อีกทั้งสำนักงาน ก.พ.ร. มีแนวทางในการดำเนินการเพื่อปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจในอนาคต ได้แก่ 1. วิเคราะห์เพื่อวางแผนการปรับปรุงบริการแบบบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะส่งผลต่ออันดับของประเทศไทยให้ดีขึ้น โดยเลือกประเด็นที่มีโอกาสพัฒนาสูงมาดำเนินการเช่น ด้านการชำระภาษีที่ประเทศไทยมีจำนวนและเวลาในการชำระภาษีมาก จึงอาจสนับสนุนให้มีระบบรวมศูนย์ให้ผู้ประกอบการสามารถชำระภาษีได้เพียงครั้งเดียว 2. นำผลการศึกษาแนวทางการปรับปรุงการบริการจากคณะผู้เชียวชาญของประเทศ Champion Economy มาดำเนินการให้บรรลุผล เช่น ศึกษาการดำเนินการจากประเทศสิงคโปร์ที่นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเชื่อมโยงข้อมูลของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการขออนุญาตก่อสร้างมาอยู่ในฐานข้อมูลเดียวกันและให้ผู้ประกอบการยื่นคำร้องผ่านอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณา 3. เร่งรัดและปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการปรับปรุงการให้บริการ เช่น ปรับปรุงพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. 2544 เพื่อใช้รองรับการยื่นเอกสารหลักฐานทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้
|
|
|
|
|
|
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ 2555 11:13:47 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ 2557 18:31:48