ผมได้รับการบรรจุแต่งตั้งเข้ารับราชการในตำแหน่งนิติกรปฏิบัติการ แต่งานที่ผมได้รับไม่มีส่วนใดๆเลยที่ต้องเอาความรู้ตามตำแหน่งมาใช้ ช่วงแรกก็เข้าใจว่าเรามาใหม่ผู้บังคับบัญชาคงให้เราเรียนรู้งานด้านอื่นๆไปก่อนเดี๋ยวคงเอางานตามสายงานมาให้เราทำเอง จนถึงปัจจุบันงานที่ผมควรต้องได้รับมอบหมายก็ไม่ได้ทำ ตลอดระยะเวลาที่ผมทำงานมา ผมพยายามแสดงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวเองออกมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ได้ชมตัวเองนะครับ แต่ข้าราชการที่ผมร่วมงานด้วยทุกคนก็ออกปากว่าผมไม่เหมือนข้าราชการบรรจุใหม่ แต่เหมือนข้าราชการที่ทำงานมาแล้วหลายปี แต่คำพูดเหล่านั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ผมต้องการงานในสายงานที่ผมตั้งใจสอบเข้ามาเพื่อรับราชการในตำแหน่งนี้ ขอแน้นย้ำนะครับ ผมไม่กลัวงานเยอะ แต่ผมกลัวงานที่ผมไม่ถนัด เพราะนอกจากไม่มีความสุขกับมันแล้ว ยังทำให้ความรู้ที่ผมรักและตั้งใจเรียนมามันจะเลื่อนจางไป คนเรียนกฎหมายรู้ดีครับว่ากฎหมายนั้น ถ้าไม่ได้ใช้ 3 วันก็เลือน 3 เดือนก็ลืมครับ แต่ที่เล่ามานี้ยังไม่รู้สึกท้อถอยและหดหู่เท่าตอนที่เข้าไปปรึกษากลุ่มงานบุคคลแล้วได้คำตอบว่า ที่เป็นอย่างนี้เพราะ กจ. บอกมาแต่เพียงว่าจะเอานิติกรมาให้ แต่จะเอาไปทำหน้าที่อะไรก็แล้วแต่สำนักงานฯ ทุกวันนี้ผมได้แต่ถามตัวเองว่ามาทำอะไรที่จังหวัดนี้ ระบบราชการต้องการใครก็ได้ที่มาทำอะไรก็ได้ให้งานมันผ่านๆไปได้ แล้วบอกกับคนของตัวเองว่า งานสำนักงานก็เป็นอย่างนี้แหละ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้วรับผมเข้ามาทำไมครับ รับนักจัดการงานทั่วไปมาก็ได้ ไม่ต้องใช้นิติกรหรอกครับ เหมือนผมถูกหลอกยังไงก็ไม่รู้ บอกตามตรงนะครับผมไม่มีใจในการทำงานแล้ว วันๆหาแต่หน่วยที่เปิดรับโอนครับ มีคนถามเหมือนกันว่าไปที่อื่นไม่กลัวเหมือนที่นี้หรือ ก็คิดเหมือนกันครับ แต่คิดว่าไปตายเอาดาบหน้ายังไงก็ดีกว่าอยู่แบบไปวันๆอย่างนี้ ได้แต่หวังว่าหน่วยอื่นคงใช้เราได้คุมกับภาษีของประชาชน และไม่ใช่ผมคนเดียวที่เป็นแบบนี้เพราะพี่ๆน้องๆที่บรรจุรุ่นเดียวกันและไล่ๆกันก็เป็นแบบนี้ และขอเสนอหลักคิดนะครับ ผมว่าระบบการทำงานเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้ทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่ผู้ใช้เครื่องมือนั้นต่างหากที่จะทำให้งานมีประสิทธิผล ระบบไม่ได้ทำให้งานเดิน คนต่างหากที่ทำงาน และคนก็ไม่ใช้สิ่งของครับ |