โดย สุรศักดิ์ อมรรัตนศักดิ์
กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ พ.ศ.2539 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นหลักประกันการจ่ายบำเหน็จบำนาญและให้ประโยชน์ตอบแทนการรับราชการแก่ข้าราชการเมื่อออกจากราชการ
โดยให้โอกาสข้าราชการที่รับราชการอยู่ก่อนวันที่ 27 มีนาคม 2540 สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นสมาชิก กบข.หรือไม่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจ แต่ข้าราชการที่เข้ารับราชการตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2540 ทุกคน จะต้องเป็นสมาชิก กบข.
ในช่วงแรกของการชักชวนข้าราชการให้สมัครเป็นสมาชิกของ กบข. (ประมาณปี พ.ศ.2539) นั้น กบข.ได้ทำโปรแกรมคำนวณผลตอบแทนที่สมาชิกแต่ละคนจะได้รับไปแจกจ่ายและชี้แจงถึงผลดีของการเป็นสมาชิก กบข. ให้สมาชิกรับทราบ ซึ่งการคำนวณผลตอบแทนจากโปรแกรมที่ กบข. จัดทำขึ้นนั้นสมาชิกแต่ละคนจะได้รับผลตอบแทนสูงมาก โดยเมื่อเกษียณอายุสมาชิกแต่ละคนจะได้รับเงินล้านกว่าบาทหรือไม่ก็ใกล้ๆ ล้านบาททุกคน ตัวเลขที่ กบข. คำนวณให้ดังกล่าวทำให้ข้าราชการตาลุกเป็นไฟและสมัครเข้าเป็นสมาชิก กบข.เป็นจำนวนมาก
แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่าผลตอบแทนที่สมาชิกแต่ละคนได้รับไม่ได้เป็นไปตามโปรแกรมการคำนวณของ กบข. แต่อย่างใด นี่ทำให้ข้าราชการรู้สึกว่าถูก กบข. หลอกลวงเป็นครั้งแรก
คงต้องยอมรับความจริงว่าผลตอบแทนที่สมาชิก กบข. ได้รับไม่เป็นไปตามผลการคำนวณจากโปรแกรมของ กบข. นั้น ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 (วิกฤตต้มยำกุ้ง) ทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับลดลงแตกต่างจากที่คาดหวังไว้มาก แม้จะไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่ กบข. เคยชักชวน แต่สมาชิก กบข. ส่วนใหญ่ก็ยอมได้เพราะถึงอย่างไรผลประโยชน์ที่สมาชิกได้รับก็ยังเป็นบวก
แต่ในปี 2551 ผลประโยชน์ที่สมาชิกได้รับกลับเป็นลบ และเป็นลบจริงๆ มิใช่เป็นการขาดทุนกำไรตามที่เลขาธิการ กบข. ชี้แจงแต่อย่างใด เลขาธิการ กบข. เลือกใช้ประโยชน์จากตัวเลขบางตัวมาหลอกลวงสมาชิกและประชาชนทั้งประเทศ ประชาชนจำนวนหนึ่งไม่เข้าใจเรื่องตัวเลขมากนัก (รวมทั้งพิธีกรทางทีวีด้วย) ก็เลยพลอยหลงเชื่อไปตามที่เลขาธิการ กบข. แถลง แต่อย่าลืมว่าประชาชนคนไทยไม่ได้โง่อย่างที่เลขาธิการ กบข.คิดทุกคน คนที่รู้ทันท่านมีจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
ท่านเลขาฯ จะเอาผลประโยชน์ที่สมาชิกได้รับตั้งแต่ปี 2540 มาถึง 2550 มารวมกันแล้วบอกว่ายังได้รับผลตอบแทนมากกว่า 120% ได้อย่างไร ตอนนี้สิ่งที่สมาชิกติดใจก็คือผลตอบแทนที่สมาชิกแต่ละคนจะได้รับในปี 2551 ว่าติดลบหรือไม่ และผลตอบแทนที่ท่านว่าได้มากกว่า 120% ตั้งแต่ปี 2540 นั้น จริงๆ แล้วมิได้เป็นผลตอบแทนที่เกิดจากผลการดำเนินงานของท่านเพียงอย่างเดียว แต่ผลตอบแทนดังกล่าวนั้นมันเกิดจากเงินประเดิม เงินสมทบ และเงินชดเชย ที่รัฐบาลจ่ายให้กับสมาชิกแต่ละคน
เลขาธิการ กบข. ควรจะต้องออกมายอมรับความจริงว่า ผลการดำเนินงานในปี 2551 ของ กบข. ขาดทุนจริงๆ ท่านพูดได้อย่างไรว่า เป็นการขาดทุนกำไร และไม่มีผลกระทบต่อยอดเงินต้นของสมาชิก ท่านไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือที่โกหกสมาชิกหน้าตาเฉย
อยากให้ท่านเลขาฯ ใช้สมองลองพิจารณาตัวเลขยอดเงินของสมาชิก กบข. ท่านหนึ่งแล้วท่านยังจะพูดได้ไหมว่าไม่มีผลกระทบต่อยอดเงินต้นของสมาชิก
สมาชิก กบข. ท่านหนึ่งมียอดเงินรวมถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 จำนวนเงิน 966,073.77 บาท โดยแยกเป็นเงินต้น 578,609 บาท ผลประโยชน์ 387,464.77 บาท ในปี 2551 สมาชิกท่านดังกล่าวได้จ่ายเงินเข้า กบข. จำนวน 18,193.50 บาท รัฐบาลจ่ายเงินสมทบให้ 18,193.50 บาท และจ่ายเงินชดเชยให้อีก 12,132 บาท รวมเป็นยอดเงินที่จ่ายเข้า กบข. ในปี 2551 จำนวน 48,519 บาท นั่นหมายความว่าโดยไม่ต้องได้รับผลประโยชน์ใดๆ เลยจาก กบข. ยอดเงินรวมของสมาชิกท่านนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ควรจะเป็น 1,014,592.77 บาท (966,073.77+48,519) แต่ใบแจ้งยอดเงินของสมาชิกท่านนี้จาก กบข. พบว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 สมาชิกท่านนี้มีเงินในกองทุน กบข. จำนวน 965,803.39 บาท แล้วอย่างนี้จะพูดได้อย่างไรว่ายอดเงินที่หายไปจำนวน 48,789.38 บาท ไม่กระทบต่อยอดเงินต้นของสมาชิก นี่ย่อมแสดงว่าผลประโยชน์ตอบแทนที่สมาชิกท่านนี้ได้รับจาก กบข. ติดลบ สูงถึง 48,789.38 บาท ไม่ใช่ติดลบคนละหมื่นกว่าบาทตามที่ท่านเลขาฯ เคยแถลงแต่อย่างใดไม่ อย่างนี้จะหมายความว่าในปี 2551 สมาชิกและรัฐบาลไม่ได้ส่งเงินเข้า กบข. เลยหรือทั้งๆ ที่ความจริงได้ส่งเงินเข้า กบข. สูงถึง 48,519 บาท นับเป็นการโกหกหลอกลวงอีกครั้งของ กบข. และทำให้คนจำนวนไม่น้อยพลอยหลงเชื่อตามคำชี้แจงของท่าน
แล้วอย่าออกมาแก้ตัวอีกนะว่าการลงทุนทุกชนิดมีความเสี่ยง เพราะตอนที่พวกท่านไปชักชวนให้เขามาสมัครเป็นสมาชิก กบข. ในปี 2539 นั้น ท่านไม่เคยบอกหรือประชาสัมพันธ์ให้สมาชิกทราบเลยว่าการสมัครเข้าเป็นสมาชิก กบข. เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยง ข้าราชการทุกคนที่สมัครเป็นสมาชิก กบข. ในขณะนั้นก็ไม่เคยรู้สึกว่ากำลังลงทุนในเรื่องที่มีความเสี่ยง ข้าราชการที่สมัครเป็นสมาชิกทุกคนกลับคิดว่านี่เป็นการสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตในอนาคต
บริหารกองทุนผิดพลาดแล้วยังไม่รับผิดชอบ มีแต่ออกมาแก้ตัวไปวันๆ แล้วอย่างนี้จะต้องจ้างคุณวิสิฐ ตันติสุนทร เดือนละหลายแสนบาทมาบริหารทำไม จ้างนายแมวที่ไหนมาบริหารก็ได้ ออกมายอมรับอย่างลูกผู้ชายเถิดว่าพวกท่านบริหารกองทุนผิดพลาด และขอโทษสมาชิก
|