เวทีความเห็น และรับเรื่องร้องเรียน

จากผลการปฏิรูประบบราชการ จนกลายเป็นการพัฒนาระบบราชการส่วนกลาง และกำลังพัฒนาส่วนภูมิภาค(ในเวลาอีกไม่นานนัก) โดยให้ ผวจ. บริหาร แบบเมทริกซ์ ทั้ง  functional และ Area base และ มติ ครม. 29 เมย 51 เห็นชอบให้ ผวจ. ตั้งงบประมาณได้ เป็นหลักประกันได้ว่า กพร. มีพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงระบบราชการได้ทั้งระบบ แต่เราคิดว่า ยังไม่ครบอีก 1 ระบบ คือ ระบบบริหารราชการท้องถิ่น ซึ่งปัจจุบันอยู่ในกำกับของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีระบบการคลัง ระบบงบประมาณ และระบบบุคลากร เป็นของตนเอง (ถูกควบคุมภายใต้กรมส่งเสริมฯ) ซึ่งขัดกับ รัฐธรรมนูญ ที่ให้ท้องถิ่นมีอิสระ จึงขอเสนอให้ ก.พ.ร. ศึกษาวิเคราะห์ และจัดรูปแบบกระทรวงที่ดูแลเรื่องการพัฒนาระบบบริหารราชการท้องถิ่น ซึ่งมีองค์ประกอบคล้ายๆ กับ      ก.พ.ร. (ปัจจุบันมีสำนักงานคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น) เพื่อจะได้มีพลังการขับเคลื่อนให้เกิดการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างต่อเนื่องและเป็นรูปธรรม เพื่อประชาชนได้รับบริการสาธารณะที่ดีอย่างแท้จริง และมีการใช้จ่ายงบประมาณของแผ่นดินอย่างคุ้มค่า ประกอบกับระบบการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินแผ่นดินในส่วนของท้องถิ่น สตง. มีบุคลากรน้อย ใช้วิธีสุ่มตรวจ สงป.ในส่วนติดตามการใช้จ่ายงบประมาณก็เช่นกัน ไม่สามารถตรวจสอบและควบคุมการใช้จ่ายเงินได้อย่างจริงจัง จึงเป็นช่องทางให้มีการทุจริตของข้าราชการ และบุคลากรท้องถิ่นอย่างกว้างขวาง จึงอยากให้ ก.พ.ร.ในส่วนที่ทำงานเกี่ยวกับท้องถิ่นช่วยรับไปพิจารณาโครงสร้างองค์กรบริหารราชการท้องถิ่นแบบใหม่ให้ด้วย และอยากเสนอให้การบริหารราชการแผ่นดินทั้งส่วนกลาง ภูมิภาค และท้องถิ่น ขึ้นกับนายกรัฐมนตรี แล้วกระจายอำนาจให้ ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด และนายก อบต. นายก อบจ. เทศมนตรี โดยมีระบบการสื่อสารที่รวดเร็ว ที่ตึกบัญชาการทำเนียบรัฐบาล  

เห็นด้วยครับ โดยเฉพาะการตรวจสอบในการใช้งบประมาณ

เห็นด้วยอย่างยิ่งเลยค่ะ เพราะอยากให้ท้องถิ่นได้มีการพัฒนาโดยเฉพาะศักยภาพของบุคคลากร

ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งเลยครับ
เพราะโครงสร้างและอำนาจหน้าที่ไม่เหมาะสมกับสภาพสังคมของท้องถิ่น  การบริหารงานส่วนใหญ่ตกอยู่ที่ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น  การมอบหมายสั่งการของนายก อปท.  ต้องผ่านปลัด อปท.
ปัญหาและอุปสรรคเหล่านี้ผมต้องลาออกจากการเป็นลูกจ้าง  เพราะเนื่องจากงานที่ผมทำส่วนใหญ่เป็นงานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่เป็นการสั่งการจากนายก อปท.โดยตรง  ผมจึงไม่ได้รายงานให้ปลัด อปท.ทราบ เพราะเป็นงานที่เกี่ยวกับความมั่งคงทางเศรษบกิจสังคม  นายกไม่สามารถที่จะช่วยอะไรผมได้เพราะอำนาจหน้าที่และสเถียรภาพทางการเมืองก็ไม่มั่นคง ซึ่งทุกอย่างเกิดจากผู้ที่ทำหน้าที่กำหนดบทบัญญัติในแผนพัฒนาท้องถิ่นที่เป็นกฎหมายลำดับรอง  กำหนดบทบัญญัติเอื้อต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตนตามสายการบังคับบัญชา  ใช้เป็นช่องทางแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่สุจริต  โดยปลัด อปท. ในรายที่ผมเจอต้องการให้มีการเลือกตั้งใหม่ซ้ำๆ เพื่อใช้แสวงหาผลปรโยชน์ในช่วงรักษาการตำแหน่งนายก อปท.