เวทีความเห็น และรับเรื่องร้องเรียน

จากมติชนวันที่ 19 ก.ย.2550 โดยคุณนันทิกร กาญจนะจิตรา ที่ปรึกษาระบบราชการ ของสำนักงาน กพ. เนื้อหาเกี่ยวกับตำแหน่งที่คลุมเคลืออยู่ 20000 ตำแหน่ง หรือ 5%ของทั้งหมดจากจำนวนระดับปฏิบัติการ (ซี 1-3) ที่เข้าทำงานโดยใช้วุฒิกการศึกษาต่ำกว่าระดับปริญญาตรี และไปเรียนเพิ่มเติม  กรณีนี้หมายถึงกลุ่มที่ยังไม่ได้ปรับเป็นนักวิชาการในขณะนี้ใช่หรือไม่  และในกรณีที่เข้าทำงานโดยใช้วุฒิปวส. และปัจจุบันได้ปรับตำแหน่งเป็นนักวิชาการแล้วโดยไม่ได้ไปสอบเปลี่ยนตำแหน่งจากกพ. (ใช้วุฒิการศึกษามาปรับ)  หากจะจัดลงเข้าแท่งจะจัดอยู่ในแท่งทั่วไปหรือวิชาการ
อนึ่งเนื่องจากขณะนี้ดำรงตำแหน่งนักวิชาการในระดับ 6 อยู่ และหน่วยงานไม่มีกรอบระดับ 7รองรับให้เนื่องจากไม่ได้อย่ในส่วนกลาง ทำให้เงินเดือนเต็มขั้นมาเป็นเวลา 8 ปี แล้ว ยังเหลืออายุราชการอีก 8 ปี   ไม่ทราบว่าทำอย่างไรจึงจะสามารถเลื่อนระดับได้บ้าง  ซึ่งเมื่อปรับเข้าแท่งหากเทียบเข้าแท่งวิชาการก็ไม่ได้รับเงินประจำตำแหน่งเพราะติดขัดที่อยู่เพียงระดับ 6  ในข้อนี้ ก.พ.ร. เคยคำนึงถึงขวัญและกำลังใจของบุคลากรบ้างหรือไม่และไม่ทราบว่าเมื่อปรับเปลี่ยนแล้วเงินตอบแทนพิเศษกรณีที่เงินเดือนถึงระดับที่ได้รับเพิ่มรายเดือนจะงดหรือไม่  เพราะหากงดจะเท่ากับกลุ่มคนประเภทนี้จะไม่ได้เงินเดือนขึ้นเหมือนคนอื่น
ขอคำตอบด้วยคะ ข้องใจจริงๆ  
thip    24 กันยายน 2550 19:54:09    IP: 203.130.133.xxx  

อยากให้กพร.เป็นที่พึ่งของประชาชนที่เป็นเด็กพิเศษ เช่นออทิสติก สมองพิการ ดาวน์ซินโดรม ฯลฯ ปัจจุบันหน่วยงานศูนย์การศึกษาพิเศษ พัฒนาสังคม ฯลฯ ยังทำงานแบบเดิมๆโดยไม่สนใจพัฒนาการให้บริการแก่เด็กเหล่านี้ ผู้บริหารหน่วยงานทุกจังหวัด ไม่มีลูกที่มีปัญหา จึงไม่เข้าใจคำว่าสร้างโอกาสการพัฒนาให้กับเด็กทันที่ที่พบเด็ก โดยเฉพาะศูนย์การศึกษาพิเศษสระบุรี อยู่มากี่ปีแล้วไม่มีผลงานด้านการพัฒนา มีแต่ตัวเลขและผลงานหลอกลวง ผู้ปกครองกี่รุ่นแล้วที่หนีออกมา ไม่ไปใช้บริการ เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่อยากพัฒนาการบริการแต่เป็นแคลูกจ้างหรือพนักงานราชการ จึงไม่มีสิทธิทำอะไรขัดกับความต้องการของผอ.ศูนย์ เด็กกี่รุ่นต่อกี่รุ่นต้องเสียโอกาสไปจนน่าสงสาร ดิฉันเป็นข้าราชการ มองออกว่าผอ.ศูนย์มุ่งแต่พัฒนาวัตถุเพื่อหาประโยชน์จากการจัดซื้อจัดจ้าง  ขอให้กพร.เร่งแก้ไขเอาผู้บริหารพันธ์เหลือบออกไป ควรส่งเสริมให้ผู้ปกครองรวมกลุ่มเป็นชมรมและส่งตัวแทนไปบริหารกิจการของศูนย์การศึกษาพิเศษ จะดีที่สุด และควรให้ผู้ปกครองมีส่วนประเมินผลงานของศูนย์ศึกษาพิเศษทุกจังหวัด ใครไม่มีผลงาน ใครไม่ตั้งใจทำงานให้บริการแก่เด็ก ก็ควรไล่ออกไป หรืออาจใช้วิธีการอื่นๆในการประเมิน คุยกันอีกยาว ถ้ากพร.สนใจติดต่อดิฉันได้ยินดีให้ความร่วมมือ เคยร้องเรียนไปที่กระทรวงศึกษาธิการแล้ว แต่ก็ยังไม่แก้ปัญหา ผอศึกษาพิเศษสระบุรี ก็ยังอยู่เป็นตัวถ่วงการพัฒนาองค์กรและเด็กที่น่าสงสาร  แต่คงไม่ใช่ผอ.คนนี้คนเดียวหรอก คิดว่า จังหวัดอื่นๆก็เป็นเหมือนกันแหล่ะ