เวทีความเห็น และรับเรื่องร้องเรียน

ประเด็นที่ 1 เรื่อง การพิจารณาความดีความชอบของหน่วยงานระดับอำเภอของส่วนราชการ ยังยึดติดอยู่กับพวก กลุ่ม  เช่น ข้าราชการที่ทำงานด้วยความตั้งใจมีผลงานปรากฎชัดกว่าคนอื่นๆในส่วนราชการระดับเดียวกับ ตลอดจนทุ่มเทงานให้กับราชการ  ปรากฎว่า เมื่อพิจารณาความดีความชอบคณะกรรมการที่มีอิทธิพลเสนออย่างไร กรรมการคนอื่นๆมีความคิดเห็นตามหมด กล่าวคือ เสนอว่า ข้าราชการที่เคยได้รับการพิจารณาขั้นพิเศษในเดือนเมษายนแล้วไม่มีสิทธิ์ได้อีกในเดือนตุลาคม แต่ในเดือนตุลาคมคนที่ไม่มีผลงานเด่นและไม่ทุ่มเทเวลาให้กับทางราชการกลับได้พิจารณาความดีความชอบ  
  สรุป ในรอบ 1 ปีได้ขั้นครึ่งเหมือนกับคนที่ทุ่มเททั้งงานและเวลา (ขั้นครึ่งเท่ากับแต่ขั้นเงินเดือนคนที่ทุ่มเทน้อยกว่า)  อย่างนี้ทำให้ข้าราชการที่ทำงานอย่างจริงจัง ขาดกำลังใจโดยเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน
 คำถาม 1. การพิจารณาความดีความชอบข้าราชการที่จะได้ 2 ขั้นนั้นจะต้องได้รับรางวัลด้านการทำงานระดับเขตหรือระดับชาติ?(กรรการบริหารส่วนราชการกำหนด)
          2. เมื่อกำหนดมาตรฐาน 2 ขั้นไว้สูงแต่ขั้นครึ่งตำมากและข้าราชการที่ทำดีจะขาดขวัญกำลังใจไหม?
          3. จากแนวคิดส่วนตัวเห็นว่าคนที่เคยได้ 1ขั้นตอนเดือนเมษายนควรจะได้รับการพิจารณาได้อีกเมื่อเขามีผลงานและความดี  และคนที่ไม่ทำงานและไม่ทุ่มเทควรจะไม่ได้ แนวคิดนี้ จะแสดงให้เห็นว่าคนที่ทำงานจะได้มีขวัญกำลังใจต่อไป และคนที่ไม่ได้ก็จะมีแนวโน้มปรับปรุงตัว ปรับปรุงงานให้ดีขึ้น
(แนวคิดนี้คนแย่งกันมุ่งมั่นพัฒนางาน)
(แนวคิดที่ได้และได้เหมือนกันทำให้คนเก่ง คนดีถดถอย ส่งผลต่องานถดถอย)

ผมเห็นว่าผู้บริหารก็ยังคงเห็นแก่พวกพ้อง คนที่ทำงานในองค์กร
กับคนที่ไม่อยู่ในองค์กร ผลงานไม่ชัดเจน ก็ได้ขั้นพิเศษเพราะเป็นคนของผู้บริหาร ในส่วนของการประเมินในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ก็เป็นพียงตัวเลขไว้ตบตา กพร ครับ ทำให้ทุกคนรู้สึกเบื่อหน่ายในการทำงานเป็นอย่างยิ่ง อยากให้ประเมินผู้บริหารโดยข้อมูลของผู้ใต้บังคับบัญชาแต่ละหน่วยงานเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ในการทำงานที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ซึ่งควรจะทำเพราะเป็นการประเมิน 360 องศาจริง ๆ ครับ