กพร.ทราบหรือไม่ว่า มีความไม่เป็นธรรมอย่างมากเกี่ยวกับการจัดสรรเงินรางวัลในส่วนราชการต่าง ๆ มีทั้งหารเฉลี่ย คนทำไม่ได้ คนที่ได้ไม่เคยทำ นายส่งชื่อลูกน้องมาเป็นฝูงเพื่อจะได้มีชื่อเป็นผู้จัดเก็บ บางคนทำงานในตัวชี้วัดนั้นมาตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ เอาว่าตั้งแต่ยังเป็นวุ้น แต่พอใกล้ปลายปีมีเหตุบังเอิญให้ต้องโอนย้ายงานบ้าง เหนื่อยเหลือเกินแล้วทนสภาพไม่ไหวลาออกบ้าง กลับไม่ได้รับการจัดสรรเงินแม้แต่น้อย ด้วยเหตุผลง่าย ๆ เพียงว่า ไม่มีชื่อในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ณ วันที่ตัดยอดนั้น ... กพร. น่าจะกำหนดแนวทางที่เหมาะสมให้มีความชัดเจนและเป็นธรรมแก่คนทำงานมากกว่านี้ บางครั้งการให้อิสระแก่หน่วยงานมากจนเกินไปก็ใช่ว่าจะดี เพราะบางครั้งผู้เกี่ยวข้องมองเอาง่ายเข้าว่า ขอเสนอให้คิดในลักษณะของสัดส่วนจำนวนเดือนที่ทำงานตัวชี้วัดนั้นจริงไปเลย ว่าใน 12 เดือน ของปีงบประมาณ คน ๆ นั้น ปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้กำกับหรือผู้จัดเก็บกี่เดือน จะ 1 เดือน 3 เดือน หรือกี่เดือนก็ให้ไปตามนั้น จะโอนย้ายหรือลาออกก็ควรจะให้ เพราะเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้งานบรรลุผลจริง
ถ้า กพร. ไม่หาแนวทางที่เหมาะสมซะตั้งแต่แรก ณ วันที่มีการถ่ายทอดค่าเป้าหมายถึงระดับบุคคล มีการแบ่งค่าเป้าหมายกันตาม job family จะเกิดปัญหาได้ แล้วยิ่งถ้า กพ. เอาเรื่อง Performance Management มาคิดด้วย เพื่อเอาไปเป็นส่วนประกอบในการคิดค่าเงินเดือน ยิ่งวุ่นวายไปกันใหญ่
ถ้า กพร. ไม่รีบหาแนวทางที่เหมาะสม ก็คงไม่มีใครอยากมาทำงานตัวชี้วัดแล้ว เพราะไม่เป็นการนำไปสู่ ความเป็นธรรม ความมีประสิทธิภาพได้เลย นอกจากจะไม่สร้างแรงจูงใจแล้ว ยังสร้างความสลดหดหู่ใจ ให้แก่คนที่ตั้งใจทำงานอีกด้วย งานก็มีแต่จะมากขึ้น ยากขึ้น หาความชัดเจนไม่ได้ อย่ามัวแต่วิ่งตามก้นฝรั่ง หาเครื่องมือใหม่ ๆ มาเล่นไปวัน ๆ สร้างความปวดสมองให้หน่วยงานไม่จบสิ้น แต่ละเรื่องแสนจะยุ่งยาก ทำไม่กี่วันก็เลิก Blueprint หายเห่อแล้วละซิ PSO ก็เหมือนกันไปอยู่ไหนแล้วล่ะ...PMQA อีก เวลาเงินรางวัลออกที่ไร คนที่ดีใจที่สุด คือ คนธรรมดาทั่วๆ ไป ที่อยู่เฉย ๆ ก็ได้เงิน มากน้อยก็ยังดี ดีกว่าปวดหัวความดันขึ้น เงินรางวัลที่ได้อย่าว่าแต่ไม่ได้ช่วยสร้างแรงจูงใจเลย ไม่พอซื้อยาแก้ปวดหัวไมเกรนซะด้วยซ้ำ ไม่ได้ต้องการจะต่อว่า กพร. แต่อยากให้ใส่ใจในรายละเอียดบ้าง เป็นห่วงว่าหลักการที่ตั้งไว้สวยหรูจะทำไม่ได้จริง ถ้าอยากให้หน่วยงานภาครัฐเป็น Good governace อย่างแท้จริง |