เวทีความเห็น และรับเรื่องร้องเรียน

คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2553  ได้มีมติให้สำนักงาน ก.พ.ร. ประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อขอให้จัดส่งแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงาน การขอขยายหน่วยงาน หรือจัดตั้งหน่วยงานใหม่ รวมทั้งการจัดตั้งองค์การมหาชนของรัฐ เพื่อนำไปพิจารณา
     สำนักงาน ก.พ.ร. จึงได้มีหนังสือแจ้งให้ปลัดกระทรวงทุกกระทรวง (ยกเว้นกระทรวงกลาโหม) ส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี และส่วนราชกรไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง ดำเนินการจัดทำหรือทบทวนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงาน (พ.ศ. 2554  พ.ศ. 2556)
 นี่แหละหน่วยงานที่นำพาประเทศชาติให้เกิดการพัฒนาสู่ความเป็นเลิศ เพื่อนข้าราชการดูเอาเองก็แล้วกันตั้งแต่ กันยา 53 จนเดี่ยวนี้ ตุลา 54 ปีกว่า ใครทราบบ้างว่าทิศทางไปถึงไหน เคยชี้แจงให้ข้าราชการได้เตรียมตัวหรือทราบบ้างหรือเปล่า ซึ่งกระผมได้กระทู้ไว้ ในหัวข้อ"พัฒนาระบบราชการไม่สำเร็จ" เพราะเมินเฉยในคามเสมอภาคและความยุติธรรม ซึ่งแสดงว่าท่านไม่สนใจจริงๆ
  ขอได้โปรด กพร.นำประเด็นหัวข้อ"พัฒนาระบบราชการไม่สำเร็จ"และข้อคิดเห็นของสมาชิกไปพิจารณาด้วย หรือจะให้เสนอเป็นเอกสารไปก็ยินดี แต่คงไม่ใช่หน้าที่เพราะได้แจ้งเฉพาะปลัดกระทรวงก็จบบนกระทรวง(yotasee@gmail.com)

วิกฤตการณ์มหาอุทกภัยถล่มลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่กำลังประสพกันอยู่ในทุกวันนี้
ทำให้มองเห็นสภาพการทำงานของระบบราชการทั้งหมดเพื่อ***้วิกฤติในครั้งนี้
ทั้งมาตรการการแก้ไขปัญหา(Corrective Action)
และมาตรการป้องกันปัญหา(Preventive Action)
ล้วนล้มเหลว
นับเป็นข้อเท็จจริง(Objective Evedence)ที่ประจักษ์มากที่สุด ว่าระบบราชการไทยล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
ไม่สามารถทำงานอย่างมืออาชีพได้ (ไม่ต้องพูดถึงความเป็นเลิศ)
ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้
เมื่อเจอกับวิกฤตหนัก ๆ ไม่ว่าวิกฤติทางการเงินการคลัง
หรือภัยธรรมชาติ
ระบบราชการไทยกลายเป็นเด็กปัญญาอ่อนไปทุกที
ระบบราชการแทบไม่สามารถช่วยเหลือประชาชนได้เลย
แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวแทบไม่รอด
(จนต้องกำหนดวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้ข้าราชการหนีตาย)
เหตุการณ์ครั้งนี้นับเป็นบทเรียนที่สำคัญ ที่ กพร.ควรจะใช้วิกฤตให้เป็นโอกาส ในการปฏิรูประบบราชการ
พัฒนาระบบราชการครั้งใหญ่
เพื่อให้ระบบราชการไทยเข้มแข็ง
เป็นระบบราชการระดับมืออาชีพ
สามารถที่จะผจญกับวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ได้จริง
เป็นที่พึ่งพิงของประชาชนได้
นโยบาย หรือหน่วยงานไหน ที่ทำให้ระบบราชการอ่อนแอ
เป็นไม้แคระ บอนไซ เช่น  กพ.
ก็ควรได้รับการปฏิรูปอันดับแรก
หรือหากไม่ยอมปฏิรูปหรือปฏิรูปไม่ได้ก็ควรถูกกำจัดทิ้ง
ไม่ใช่อยู่ ๆ กันไปวัน ๆ แบบตัวใครตัวมัน อาณาจักรใครอาณาจักรมัน
แตะต้องไม่ได้ ต้องใส่กุญแจ หรือปิดเวบบอร์ดหนี
เป็นกาฝาก เป็นปาราสิตเกาะกินประเทศชาติ
นอกจากทำงานไม่เป็นแล้วก็ยังกัดกร่อนทำลายชาติบ้านเมือง

เรียน คุณ yotasee
   สำนักงาน ก.พ.ร. ขอชี้แจงว่ากรณีที่สำนักงาน ก.พ.ร. มีหนังสือแจ้งให้เฉพาะปลัดกระทรวง ดำเนินการจัดทำหรือทบทวนแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงาน (พ.ศ. 2554  พ.ศ. 2556) เนื่องจากต้องการให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่เป็นผู้บูรณาการการกำหนดทิศทางร่วมกันของส่วนราชการในสังกัดกระทรวง  โดยร่วมกันกำหนดวิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ บทบาทภารกิจ และโครงสร้างส่วนราชการของกระทรวง เพื่อให้ได้ทิศทางการพัฒนากระทรวงในระยะ 3 ปีข้างหน้า จากนั้นส่วนราชการในสังกัดก็ต้องกำหนดทิศทาง วิสัยทัศน์ ยุทธศาสตร์ บทบาทภารกิจและโครงสร้างส่วนราชการให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนากระทรวงในระยะ 3 ปีข้างหน้าดังกล่าว
     ทั้งนี้ ในส่วนของบทบาทภารกิจต้องมีการกำหนดให้ชัดเจนว่า ภารกิจใดควร***เลิก ภารกิจใดควรถ่ายโอนให้ อปท.  ภารกิจใดควรมอบให้ภาคเอกชนหรือภาคส่วนอื่นดำเนินการแทน และภารกิจใดที่   ส่วนราชการยังคงต้องดำเนินการต่อไป เพื่อให้ส่วนราชการคงดำเนินการเฉพาะภารกิจที่สำคัญ จำเป็น และมีความคุ้มค่าในเชิงภารกิจภาครัฐ  รวมทั้งส่วนราชการต้องปรับปรุงระบบและกระบวนการทำงานตามบทบาทภารกิจใหม่  มีการจัดโครงสร้างส่วนราชการและกรอบอัตรากำลังให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ บทบาทภารกิจ และรองรับระบบและกระบวนการทำงานที่ปรับปรุงใหม่  จากนั้นกระทรวงต้องนำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาหน่วยงานในภาพรวม ไปรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ซึ่งข้าราชการในสังกัดทุกระดับก็จะมีโอกาสได้รับรู้ รับทราบทิศทางการดำเนินงานของกระทรวงด้วย และนำเสนอคณะกรรมการพัฒนาโครงสร้างระบบราชการของกระทรวง ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงในฐานะผู้กำหนดนโยบายของกระทรวงเป็นประธานพิจารณา ก่อนที่จะส่งให้สำนักงาน ก.พ.ร. ดำเนินการต่อไป

    สำหรับระยะเวลานับแต่วันที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อ 7 กันยายน 2553 ถึงปัจจุบันนั้น  ก็เป็นช่วงขั้นตอนของการดำเนินงาน  โดยสำนักงาน ก.พ.ร. ได้มีหนังสือลงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2553 แจ้งให้ส่วน-ราชการจัดทำหรือทบทวนแผนยุทธศาสตร์ฯ โดยกำหนดให้ส่งภายในวันที่ 31 มกราคม 2554  แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่ามีส่วนราชการหลายแห่งขอขยายเวลาการดำเนินการจัดส่งแผนยุทธศาสตร์ฯ ดังกล่าวออกไปอีกระยะหนึ่ง  ซึ่ง ก.พ.ร. ได้มีมติให้ส่วนราชการขยายเวลาการจัดส่งแผนยุทธศาสตร์ฯ ออกไปถึงวันที่ 31 มีนาคม 2554 และต่อมาได้ขยายเวลาถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2554  โดยขณะนี้สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับแผนยุทธศาสตร์จากส่วนราชการต่าง ๆ แล้ว จำนวน 13 กระทรวง 13 หน่วยงาน  และยังไม่ได้รับแผนยุทธศาสตร์ฯ อีกจำนวน 6 กระทรวง 3 หน่วยงาน  ซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร. ได้ทำการศึกษา วิเคราะห์ และนำเสนอแผนยุทธศาสตร์ฯ ของกระทรวงต่าง ๆ ต่อ อ.ก.พ.ร. เกี่ยวกับการทบทวนและปรับปรุงโครงสร้าง  ส่วนราชการ  เพื่อพิจารณาทิศทาง ยุทธศาสตร์ และการปรับบทบาทภารกิจ ไปแล้ว รวม 6 กระทรวง  อย่างไรก็ดี  โดยที่สำนักงาน ก.พ.ร. ยังได้รับแผนยุทธศาสตร์ฯ จากส่วนราชการต่าง ๆ ไม่ครบถ้วน ทำให้ภารกิจของบางกระทรวงที่มีความเชื่อมโยงกับกระทรวงอื่นขาดความชัดเจน และส่งผลกระทบต่อการวิเคราะห์แผนยุทธศาสตร์ฯ ในภาพรวม
     ขอขอบคุณ

เรียน คุณopdc
      ก่อนอื่นต้องขอบพระคุณ คุณopdcและ ก.พ.ร. เป็นอย่างสูงที่ให้ความสนใจในเนื้อหา คิดว่าท่านเข้าใจในความคิดของข้าราชการที่ได้กระทู้ไว้และมีความคิดเห็นต่างๆ เพราะท่านตอบได้ตรงประเด็น และเข้าใจว่า ก.พ.ร.เองก็คงหนักใจพอสมควร ที่ไม่อาจเป็นองค์กรที่จะปฏิรูประบบให้เข้าสู่จุดหมายสำเร็จใกล้เคียงความตั้งใจได้ อันนี้เราข้าราชการขอเอาใจช่วย แต่ต้องแสดงให้ข้าราชส่วนมากได้เห็นถึงความมุมานะของ ก.พ.ร.ก็ถือว่าสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว แต่ทั้งนี้ขอให้ ก.พ.ร.ได้นำความกังวลไปพิจารณาดูว่าท่านได้รับข้อมูลนำไปวิเคราะห์แล้วแต่ข้าราชการไม่ทราบสักอย่างแล้วข้อมูลต่างๆมาจากไหน ถ้าไม่ใช่จากการนั่งเทียนพรรษา แล้วจะวิเคราะห์ได้ถูกต้องได้อย่างไร ดูตัวอย่างจากมหาอุทกภัยมันไม่ใช่เรื่องทำเล่นๆ มันหมายถึงอนาคตประเทศและลูกหลานในอนาคต อยากเสนอข้อแก้ไขปัญหาระบบราชการสักข้อจังเลย
  ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
yotasee

ไม่มีการบูรณาการข้าราชการ ทุกกระทรวงกรมเพื่อการป้องกัน แก้ไข ยกตัวอย่างกรณีอุทกภัยครั้งนี้ ทำให้เห็นภาพชัดเจนมาก
เริ่มจาก ฝกตกหนัก ปริมาณการวัด การคำนวณเพื่อเก็บกัก หรือการระบาย จนถึง น้ำท่วมหนักจังหวัดลพบุรี นครสวรรค์ สิงห์บุรี กว่าจะถึงอยุธยา  ผ่านประตูระบายน้ำพัง ผ่านผังเมืองของจังหวัดต่างๆไป  ภาพที่เห็น วัชพืช ขวางทางน้ำ ถนน บ้านจัดสรร ฯลฯ ถ้ามีการบูรณาการระหว่างหน่วยงาน ตามปกติของภารกิจหลักแต่ละหน่วยงานก่อนแล้ว ภัยธรรมชาติครั้งนี้คงไม่หนักหน่วงอย่างที่เห็น