เวทีความเห็น และรับเรื่องร้องเรียน

จะปลูกพืชต้องเตรียมดิน
จะกินต้องเตรียมอาหาร    
จะพัฒนางานต้องพัฒนาคน
จะพัฒนาตนต้องพัฒนาจิตใจ  
จะพัฒนาใครก็ต้องพัฒนาตนเองก่อน

จากการรับราชการมาเป็นเวลา 30 กว่าปี เคยรับราชการ
กรม รพช.ซึ่งถูก***ไปแล้ว ระบบการเลื่อนระดับใช้อาวุโส การครองตำแหน่ง เงินเดือน อายุราชการเป็นหลัก ซึ่งเป็นการพัฒนาข้าราชการให้เป็นมืออาชีพ การวิ่งเต้นก็น้อยลง เนื่องจากมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน แต่ตั้งแต่มาอยู่กรม ปภ.มีการวิ่งเต้นกันมาก การสอบเลื่อนระดับ คละกัน คือ คนทุกรุ่นมาสอบข้อสอบเดียวกัน ความได้เปรียบเสียเปรียบมีมาก มองแล้วไม่ยุติธรรมสำหรับคนรุ่นเก่าอายุ 50 ปี ไปสอบแข่งขันกับคนอายุรุ่น 25-30 ปี องค์ความรู้ ประสบการณ์ ความมีวุฒิภาวะก็แตกต่างกัน แต่เรื่องความจำ ของคนรุ่น 50 ปี กับ 25-30 ปี แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดจะเรียกหาความยุติธรรมคงไม่มี ระบบเด็กนายมีมากมาย อีกไม่กี่ปีก็จะเกษียณอายุแล้ว อยากให้ระบบการพัฒนาข้าราชการไทย
ชัดเจน มีคุณธรรม จริยธรรม มากกว่านี้ ถ้าหากเป็นอย่างกรม ปภ.แล้ว ทุกหน่วยงานก็จะมีแต่คนรุ่นใหม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าขาดประสบการณ์  วุฒิภาวะ องค์ความรู้เก่งเฉพาะด้าน ระบบการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลก็จะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ เหมือนในกรม ปภ ขนาดนี้ คนรุ่นเก่าจะชิงออกจากราชการ ความรู้  ประสบการณ์ที่ควรจะถ่ายทอดสิ่งที่มีประโยชน์ให้แก่คนรุ่นใหม่ก็คงจะอยาก เพราะคนรุ่นใหม่ ยึดหมั่นในตนเองสูง ไม่ฟังความคิดเห็นคนรุ่นเก่า นี้คือการสะท้อนให้เห็นว่าระบบการพัฒนาข้าราชการของประเทศเรากำลังก้าวไปทิศทางที่หมิ่นเหม่ อยากให้ทางสำนักงาน กพร.เข้าทำการตรวจสอบการเลื่อนระดับของกรม ปภ.และสร้างมาตรฐาน ที่ควรจะนำหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมกับคนทุกรุ่น ในการเลื่อนระดับ

เรื่องนี้ขอชมกรมตำรวจเขา เขาทำงานอย่างชาญฉลาด นายดาบอายุ 50 อัพ ให้นายร้อยโดยให้สอบคัดเลือก เงินเดือนเท่าเดิมไม่ขยับขี้นหรือลง การโยกย้ายถ้าไม่จำเป็นให้อยู่ที่เดิม คือให้แต่ยศแต่ทุกอย่างเหมือนเดิม ได้ใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานไปเต็ม ๆ ทั้ง ๆ ที่กรมตำรวจเองก็ไม่ได้เสียอะไรเลยแม้แต่น้อย ดาวติดบ่าเขาก็ซื้อใส่กันเอง ส่วนสิ่งที่กรมตำรวจได้เต็ม ๆ ก็คือประโยชน์ของทางราชการ พวกนายดาบก่อนสอบเขาก็ทบทวนทั้งความรู้เก้า ๆ ที่สั่งสมเป็นประสพการณ์มาจัดทำเป็นรูปเล่ม ซึ่งแต่ละเล่มเป็นผลงานที่ทรงคุณค่ามากสำหรับคนรุ่นหละง และยังทำให้เขาศึกษาเรื่องราวใหม่ ๆ ไปพร้อม ๆ กัน อย่างนี้ซิถึงจะเรียกว่าพัฒนาระบบกันจริง ๆ ไม่ลองศึกษาแบบเขาบ้างหรือ

อันที่จริงการพัฒนาระบบราชการในส่วนของการพัฒนาคนก่อนพัฒนางานนั้น อาจถือได้ว่าเป็นหลักทั่วไปของการพัฒนาทั้งหลาย
ข้าราชการครู ข้าราชการตำรวจเขาทำกันมานานแล้ว
ครู เดี๋ยวนี้ไม่มีครูที่วุฒิต่ำกว่าปริญญาตรีแล้ว
แม้แต่ครูที่สอนระดับประถมหรือระดับอนุบาล
ตำรวจชั้นประทวนก็รับผู้ที่จบปริญญาตรขึ้นไปเท่านั้น
มีแต่ข้าราชการพลเรือนนี่แหละที่ยังงมโข่ง
หาทางออกกันไม่เจอ ตัวใครตัวมัน
ไม่สนใจว่าใครจะพัฒนาตัวเองกันหรือไม่
ใครที่พัฒนาตัวเองแล้วจนจบปริญญาตรี แม้จะตรงสายงานที่ทำอยู่
ก็ไม่สนใจที่จะปรับวุฒิปรับตำแหน่งให้
กลายเป็นไม้ตายซากเต็มประเทศไปหมด
เออร์ลี่รีไทร์แต่ละปีจึงมีคนแย่งกันออกจนเกินโควต้า

ปรบมือให้คุณ sarit
โดนใจอย่างแรง

เห็นด้วยกับคุณ suadth หากความสามาถยังวัดกันด้วยใบปริญญา การพัฒนาก็จะเกิด โอกาสเรียนของแต่ละคนไม่เท่ากัน แต่เชื่อว่าสมองในการทำงานมีกำลังเท่ากัน เพราะทุกคนที่เข้ารับราชการได้ได้ผ่านการสอบของ ก.พ.มาเกือบทุกคน ซึ่งกว่าจะผ่านแต่ละด่านมาได้ก็ไมใช่ของง่าย งานราชการเป็นงานที่ต้องใช้ประสบการณ์ ซึ่งผู้ที่ทำงานหลายปีย่อมที่จะเรียนรู้มาก การพัฒนาตนเองอยู่ในตัวของมันเองอยู่แล้ว ยอมรับมั๊ยว่าปริญญาซื้อขายกันได้ เรียนเพื่อเอาปริญญามาปรับตำแหน่ง ถามว่าความรู้ที่ได้รับจริงมีแค่ไหน หรือเรียนเพื่อผ่าน ๆ ยอมรับมั๊ยว่าปริญญาซื้อขายกันได้ ทำไมลุงประยงจบป.4 ถึงได้ปริญญา

เห็นด้วยกับ คห1.ผม คนรพช.อายุงาน21ปี ตอนนี้อยู่ปภ.
ผมว่ามันมีคน3กลุ่มที่นายต้องพิจารณา
1.เก่งไม่มีเส้น..ก็ต้องพิจารณา
2.ทำงานไม่เป็น..เส้นใหญ่..ก็ต้องพิจารณา
3.เก๋ง+มีเส้น...ต้องได้แน่ๆๆ
คนที่ขอรีไทม์..ส่วนใหญ่(ที่ผมรู้จัก)..เป็นคนทำงานเก๋ง..แต่ท้อใจหลายเรื่อง...คนไม่ทำงานนอนกินเงินเดือนสบายๆ  ..ลาออกให้โง่
ทั้งนี้ขอให้ยึดมั่นใน  ในหลวงของเรา..เราคือข้ารับใช้สนองพระบาทพระองค์ท่าน...แล้วเราจะมีแรงฮึดทำงานอีกครั้ง(มีแรงขนเรือ.ขนเต็น..ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์..ต่อไป