การให้อำนาจหน่วยงานราชการดำเนินการสรรหาและสอบคัดเลือกเองนั้น ปรากฏว่าหน่วยงานราชการหลาย ๆ แห่ง ส่วนใหญ่ใช้ขั้นตอนสรรหาและคัดเลือกตามขั้นตอนของกพ.จริง แต่ไม่ยึดหลักคุณธรรม มุ่งเอื้อประโยชน์พรรคพวกเพื่อนพ้องญาติพี่น้องเป็นหลัก เมื่อพนักงานเหล่านี้ได้เป็นพนักงานราชการแล้ว ประสิทธิผลที่หน่วยงานต้องการได้ต่ำลงมาก เนื่องจากเป็นลูกท่านหลานเธอ ทำงานเช้าชามเย็นชาม (ยิ่งกว่าระบบเดิม) เวลาทำงานนั่งเล่นเน็ต คุยโทรศัพท์ ทำงานไม่ใช้สมองต่อยอดของงาน วิเคราะห์ไม่เป็น ไม่ศึกษาหาความรู้กับงานที่ทำ งานผิดพลาดท้วงติงมีอารมณ์โกรธแค้น ไม่เคยไปทบทวนหรือศึกษาหาความรู้ ไม่เสียสละ ต้องตรงต่อเวลา(เลิกงาน) ทำต่อมีปัญหา ไม่พอใจ ประการสำคัญเนื่องจากนโยบายลดข้าราชการ แต่อาศัยพนักงานราชการเป็นผู้ช่วย งานหน้าที่บางประเภทต้องอาศัยความแม่นยำของเนื้อหาสาระ เช่นงานวิจัย/งานประเมินผล งานนโยบาย เหล่านี้มีความสำคัญต่อชาติมาก หากพนักงานราชการไม่สนใจใฝ่ฝึกฝน โอกาสสร้างปัญหาให้วฃกับวงการราชการมาก สงสารบัณฑิตที่ดี มีฐานะไม่ค่อยดี แต่มีความอดทน ใฝ่รู้อีกมาก ทำไมไม่เอื้อโอกาสให้กับคนเหล่านี้มาก ข้าพเจ้าคนหนึ่งที่จะนำลูกหลานมาใช้ระบบนี้ พวกไม่ปรารถนาให้ระบบคุณธรรมหายไป ดิฉันร้องให้ผู่มีอำนาจได้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ให้มาก เพราะข้าราชการมีน้อยลง ต้องอาศัยพนักงานงานที่มีศักยภาพจริง ๆ แต่ยังมีพนักงานราชการส่วนหนึ่งที่ขยันขันแข็งทำงาน ใฝ่รู้ และสามารถต่อยอดงานวิชาการได้ก็มีแต่น้อย(ประมาณ 5%ของพนักงานราชการทั้งหมด) เห็นควรให้ กพ. 1. เร่งสำรวจโดยแยกเป็นพวก ได้แก่ งานบริการ งานสารบรรณ งานวิชาการ ซึ่งเหล่านี้มีความแตกต่างในเรื่องสาระความสำคัญของแต่ละเนื้อหา 2. เห็นควรทบทวนการลดอัตราข้าราชการตามประเภทของงาน เช่น งานวิชาการที่มีผลต่อการวางนโยบาย การแก้ไขปัญหาโครงการของชาติบ้านเมือง พนักงานงานราชการซึงเป็นผู้ช่วย ผู้ปฏิบัติการ ต้องมีคุณภาพเพื่อรองรับ ต่อยอดงานวิชาการได้ มิใช่ประพฤติตน ปฏิบั้ติตัวเลวร้ายกว่าก่อน
จึงเรียนมาเพื่อได้โปรดพิจารณาได้นำผลการประเมินเสนอต่อผู้บริหารชั้นสูงได้หาแนวทางแก้ไข ยิกเลิกระบบอุปถัมภ์แอบแฝงโดยด่วน และให้โอกาสบัณฑิตที่ไร้ญาติเพื่อนพ้องได้มีโอกาสรับใช้ชาติด้วย และข้าราชการจะได้ไม่ปวดหัวเช่นทุกวันนี้ ขอบคุณอย่างสูง |