จากภาพชีวิตจริงของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ที่สิ้นชีพด้วย เกียรติและศักดิ์ศรี ของนายตำรวจกล้าในพื้นที่เสี่ยงภัยของ อำเภอบันนังสตา จังหวัดยะลา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ต้องสิ้นลมอย่างสงบ ภายใต้สถานการณ์ที่ยังคงมีความขุกกรุ่นและไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงอย่างสิ้นเชิงในพื้นที่เสี่ยงภัย ถึงชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง ที่ชีวิตของประชาชนคนไทยในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยังคงต้องแขวงอยู่บนเส้นด้ายอย่างต่อเนื่องและตลอดไป
จากการให้หรือการพูนบำเหน็จรางวัล การปรับชั้นยศให้แก่ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา จะมีประโยชน์อันใดหรือ ? ในเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ท่าน พล.ต.อ.สมเพียร ได้เคยร้องขอโยกย้ายเพื่อให้ตนเองและครอบครัวได้มีการใช้ชีวิตอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว พ่อ แม่ และลูกๆ ต่อหน่วยงานต้นสังกัด แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอันเนื่องมากจากท่านไม่มีเส้นสาย หรือไม่มีเงินก้อนโต ที่จะต้องเอาไปแลกกับการขอโยกย้ายหรือไม่แต่อย่างใดไม่ทราบ ? (ที่เป็นเหมือนการค้นหาคำตอบของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ที่อยากถามหาความจริงให้ท่าน พล.ต.อ.สมเพียร ถึงความเป็นจริงว่าเป็นเช่นไร ?) คงเป็นที่ชัดเจนแล้วใช่หรือไม่ครับ จากการให้สัมภาษณ์ของบุคคลในครอบครัว เอกสมญา ที่ไม่อยากได้อะไรจากหน่วยงานภาครัฐบาล ที่ให้ต่อครอบครัว เอกสมญา เมื่อมันสายไปเสียแล้ว ทางครอบครัว เอกสมญา ไม่คิดที่อยากจะได้ในสิ่งที่หน่วยงานต้นสังกัดให้ เพื่อแลกกับชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัว มันแลกกันไม่ได้หรอครับ ท่านคณะรัฐบาลผู้ปกครองประเทศไทย ท่านทราบหรือไม่ว่า ? ความบอบช้ำ ความ ทรมาน ความทุกข์ และความเศร้าใจ ของการสูญเสีย หรือ การได้รับทราบว่าบุคคลอันเป็นที่ของคนในครอบครัว จะต้องมาประสบพบเจอหรือมาเผชิญกับเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ชีวิตต้องแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเช่นไร ความรู้สึกของการสูญเสีย ความรู้สึกถึงการสงสาร ของบุคคลในครอบครัวที่ต้องมาก้มหน้ายอมรับชะตากรรม แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะต้องปฏิบัติหน้าที่ภายใต้อาชีพ และการดำรงความเป็นช้าราชการภายใต้เบื้องพระยุคลบาท การ/
การให้ภายหลังความตายของข้าราชการหรือประชาชนผู้บรป็นการให้ที่สายเกินไป และไม่น่าที่จะรับเพื่อแลกกับชีวิตของบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งของครอบครัว บอกตามตรงเลยครับว่า ความอึดอัด ความอ่อนล้า ความท้อแท้ และการเริ่มมีอาการของความไม่รักชาติบ้านเมือง มันอาจจะเกิดขึ้นได้กับบุคคลในพื้นที่เสี่ยงของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ตราบใดก็ตามคณะรัฐบาลไทยยังคงนิ่งเฉย ต่อการแก้ไขสภาพปัญหาของพื้นที่เสี่ยงถึงชีวิต ตลอด 24 ชั่วโมง ของประชาชนทุกๆ คนในพื้นที่ไม่ว่า ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และครู ผมเชื่อแน่ว่าคนในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มีขีดความอดทน คงไม่มีใครหรอครับที่จะมานั่งอดทน และก้มหน้ายอมรับชะตากรรม และนอนรอความตายที่จะมาเยือนตรงหน้าตลอด 24 ชั่วโมง แต่ทางออกของการดิ้นรนและต่อสู้ จะเป็นในรูปแบบไหนผมเองก็ไม่สามารถจะคาดเดาได้ถูกหรอครับว่า ประชาชนในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่แสดงออกมาในรูปแบบอย่างไร ? แต่คิดว่าเมื่อวันนั้นมันมาถึง มาก็จะเป็นวันที่สายเกินไปสำหรับคณะรัฐบาลไทย ที่จะยากต่อการแก้ไขเสียแล้วครับ เพราะความไม่ใส่ใจ ความไม่แยแส ความไม่เดือดเนื้อร้อนใจ แต่ประการใดเลย เพราะพวกท่านไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง พวกคนในพื้นที่และเจ้าหน้าที่ ทหาร ตำรวจ ครู และประชาชนตาดำๆ ผู้บริสุทธิ์ ต้องกลายมาเป็นเหยื่อสังเวยชะตากรรมแทนพวกท่านกันไงล่ะครับ
ทุกวันนี้สภาพบ้านเมืองมันก็ย่ำแย่ลงทุกวันๆ ผมเองก็ไม่อยากจะมานั่งซ้ำเติมคณะรัฐบาลให้หนักเข้าไปอีก แต่มันก็อดเสียไม่ได้ที่ ตัวกระผมเองได้ประสบพบเจอมากับตนเอง ถึงความไม่ใส่ใจ ความไม่จริงใจ ความไม่แยแส ต่อการที่จะช่วยเหลือเยียวยา หรือการให้ความเอาใจใส่ดูแลแก่บุคคลในพื้นที่เสี่ยงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบอย่างจริงจัง ผมทำเรื่องร้องขอ ร้องเรียน เรียกร้องหาความยุติธรรมให้แก่ พี่สาวข้าราชการครูชั้นผู้น้อยที่มีความตั้งใจทำผลงานวิจัย เพื่อขอปรับวิทยฐานะ แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้รับการแยแสจากหน่วยงานต้นสังกัด จากคณะรัฐบาลไทย แต่อย่างใดเลยครับ หรือจะรอให้ท่านที่รอคอย ว่าคำตอบว่าผลงานที่ได้ยื่นขอทำไป และทางหน่วยงานต้นสังกัดประเมินผลออกมาแบบไร้ซึ่งความยุติธรรมและขาดสติ ตายตามไปกับปริศนาของือความต้องการของคณะรัฐบาลไทยที่อยากให้ประชาชนคนไทยในพื้นที่ของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ต้อง/
ต้องสูญสิ้นไปทีละคน สองคน กับเหตุการณ์ที่เหยื่อผู้บริสุทธิ์ ต้องมารับชดใช้ชะตากรรมแทนพวกท่านหรืออย่างไรครับ ? ผมอยากให้คณะรัฐบาลไทย ลองหาเวลาเพียงแค่เสี่ยววินาทีมา นั่งมอง นั่งคิด และแก้ไขสภาพปัญหาของชีวิตประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กันหน่อยเถิดครับ หาแนวทางให้พวกเขาไปพบความสงบสุข โดยเร็ววัน ผมบอกได้ตามตรงเลยว่าทุกวันนี้ ทางครอบครัวผมทั้งครอบครัว ต้องหนีตายกันทั้งครอบครัว ยอมทิ้งถิ่นฐานบ้านเกิด เพื่อหนีเอาชีวิตให้รอดปลอดภัยจากวิถีกระสุน หรือระเบิดสังหาร จากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เพราะไม่อยากให้ใครในครอบครัวต้องกลายมาเป็นเหยื่อบริสุทธิ์ ที่คณะรัฐบาลไทย ไม่เคยใส่ใจดูแล หรือให้ความแยแสแต่อย่างใดเลยครับ
มันเป็นเสมือนความเจ็บช้ำ และบอช้ำทางจิตใจ ที่ต้องกลายมาเป็นกลุ่มหรือพวกที่ต้องตกมาเป็นเหยื่อของความบริสุทธิ์ ที่ตนเองไม่ได้ก่อแต่ต้องมานั่งรับและชดใช้ชะตากรรมแทน คณะรัฐบาลไทย ที่ไม่คิดหาแนวทางการแก้ไขที่จริงจังและจริงใจ ต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แต่อย่างใดเลย ...ขอต้องขอฝากบอกไปยังให้พี่น้องชาว 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ยังต้องอดทน และต้องทนอยู่ จงอดทนต่อไปนะครับ และขอให้สิ่งศักดิ์ ที่พวกท่านเคารพนับถือ อำนวยพรอำนวยชัยให้ทุกๆ ท่านคาดแคล้วปลอดภัยจากวิถีกระสุน และระเบิดสังหาร จากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ผ่านพ้นไปด้วยดีทุกๆ วัน นะครับ...พี่น้องชาวใต้ที่รัก และน่าสงสาร
นามแฝงผู้เขียน (khuntikpr)
|