Logo of OPDC ก.พ.ร. FAQ สำหรับการค้นหา  |  ภาษาไทย   |   English   |   Mobile   |   Help   |  

หน้าหลัก หน้าหลัก | ติดต่อ | ผังเว็บไซต์ |  หน้าหลัก
Share แชร์ พิมพ์หน้านี้

เวทีความเห็น และรับเรื่องร้องเรียน

อาชีพเรือจ้าง คุณครู ในพื้นที่เสี่ยงภัยถึงชีวิต ของ 3 จังหวัดชายแดนใต้


นับตั้งแต่ปลายปี 2547 ตลอดระยะเวลา 6 ปีกว่า หรือ 72 เดือนกว่ามาแล้ว...ที่เมฆหมอกแห่งความรุนแรงของการซุ่มทำร้ายเหยื่อครูใต้ผู้บริสุทธิ์ที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลง.....คงปกคลุมพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา ที่มีครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องสังเวยชีวิตไปแล้วกว่า 114 ราย และได้รับความทุกข์ทรมานจนถึงขั้นทุพพลภาพไปเป็นจำนวนไม่น้อยกว่า 200 ราย

อยากขอร้องถามถึงหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม อาทิ สำนักนายกรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงมหาดไทย ตลอดจนหน่วยงานอื่นๆ ที่ต้องมีความข้องเกี่ยวกับบุคลากรทางการศึกษา คุณครู ว่า ท่านผู้บริหารระดับสูงๆ ทุกท่าน พวกท่านได้รับทราบถึงความยากลำบากหรือความทุกข์ยากของบุคลากรในสังกัดของท่านหรือไม่ว่า ปัจจุบันทุกวันนี้ การปฏิบัติงานในเขตพื้นที่สีแดง (ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้) มันมีความรุนแรงมากขึ้นทุกวัน ซึ่งคงยากที่จะเยียวยาให้สงบสุขลงได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดก็ตามแต่ บุคลากรในหน่วยงานสังกัดองค์กรของพวกท่าน ก็ยังคงต้องลงไปปฏิบัติงานในหน้าที่ เพื่ออาชีพหรือปริญญาทางการศึกษา ที่ได้รับมาและถูกตีตราว่า คุณครู จิตวิญาณของอาชีพครู ที่กลุ่มคุณครูทั้งหมดของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ทุ่มเทเสียสละ ถือว่าเป็นจิตและวิญาณที่ประเสริฐสุดๆ

แต่บุคลากรทางการศึกษา คุณครู ในพื้นที่ฯ ดังกล่าวข้างต้น ก็ยังรักหวงแหนชีวิตและครอบครัว ตลอดจนยังคงต้องการความปลอดภัย ความมั่นคง การดูแลเอาใจใส่ และการรอความหวัง จากการช่วยเหลือหรือความเสียสละของพวกผู้บริหารระดับสูงๆ จากทุกๆ ท่านอยู่ว่าจะได้รับการช่วยเหลือ การแก้ไขปัญหา หรือการสรรหามาตรการต่างๆ ลงไปให้ความช่วยเหลือพวก คุณครู เหยื่อผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ อย่างไรกันบ้าง ? พวกพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ คงมีแต่ ชอล์ก ที่เป็นอาวุธคู่กายไว้สำหรับอบรมสั่งสอนเด็กนักเรียนให้เป็นคนดี เป็นพลเมืองที่ดีของประเทศชาติ พวก คุณครู ไม่มีอาวุธที่จะไปต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ ทุกวันนี้พวกเขาทั้งหลายเหล่านั้น คุณครู ในพื้นที่เสี่ยงภัยถึงชีวิต คงมีแต่การสวดมนตร์ขอพรจากสิ่งศักดิ์ที่เคารพนับถือให้ตนเองอยู่รอดและปลอดภัยจาก วิถีกระสุนและระเบิดสังหารกันไปวันๆ ก็คงจะเพียงพอแล้ว
คงไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่านี้ ขอเพียงมีแค่ลมหายใจ และมีชีวิตได้อยู่กับครอบครัวอย่างปกติสุขก็เป็นที่น่าพอใจมากแล้ว...และนี่คือ สิ่งที่พวก คุณครู ในพื้นที่คาดหวังกันจริงๆ ก็ต้องขอชมเชยหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม บางหน่วยงาน ที่ผู้บริหารระดับสูงยังมีวิสัยทัศน์ที่ดีและกว้างไกลในการให้ความช่วยเหลือผู้ใต้บังคับบัญชาชนชั้นผู้น้อย ให้ได้รับสิทธิและผลประโยชน์ต่างๆ ในการที่ได้รับผลกระทบจากการลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคในต้น ที่ถึงแม้จะเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ ก็ได้รับการปรับชั้นยศ ตำแหน่ง การเพิ่มขวัญและกำลังใจ เป็นการชดเชยให้จนเต็มกำลังที่ทางหน่วยงานจะให้การสนับสนุนให้ได้ อีกทั้งยังมีความห่วงใย และใส่ใจดูแลไปถึงบุคคลในครอบครัวที่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ไม่ได้ทอดทิ้งหรือตัดหางปล่อยวัดไปเลย

ซึ่งมันผิดแปลกแตกต่าง จากหน่วยงานหรือองค์กรที่ พวก คุณครู พ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติสังกัดกันโดยสิ้นเชิงเลย ทำไมหรือ ? พวก คุณครู ไม่ใช่ คน หรือ คนไทย หรืออย่างไร ? ทำไมจึงมีมาตรฐานที่ผิดแปลกแตกต่างกันมากมายขนาดนี้ ทางด้านสำนักนายกรัฐมนตรีได้ออกมติ ครม. ในด้านการให้ความเยียวยาแก่ผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแค่ให้แค่เงินเป็นขวัญและกำลังใจก็จบๆ กันไปเพียงแค่นี้หรือ ที่พวก คุณครู พึงควรจะได้รับกัน ทำไม ? ไม่ทำการปรับขั้น ปรับเงินเดือน ปรับตำแหน่ง ให้มีมาตรฐานเดียวกันกับที่ทางกองทัพ กระทำกันบ้าง ทำไม ? การให้ความเยียยาในกรณี ที่ผู้ได้รับผลกระทบเสียชีวิตและเป็นโสด ยังถือว่าไม่ค่อยจะยุติธรรมเลย ถ้าคุณครู ผู้นั้นต้องเป็นผู้ดูแลครอบครัวของท่านล่ะ ใครจะรับผิดชอบแทน เงินจากการเยียวยาจะพอให้คนในครอบครัวของผู้ได้รับผลกระทบอยู่กันไปจนตายเลยหรือ ? อีกทั้งพวก คุณครู ที่ได้รับผลกระทบถึงขั้นพิการทุพพลภาพ ใครจะมาดูแลล่ะ ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว การทำงานปฏิบัติหน้าที่ ก็ไม่ได้ดีเหมือนตอนมีร่างกายที่ครบ 32 เหมือนพวกท่านนี่ ? ความพิการทุพพลภาพมันถือเป็นความบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจ ยากที่จะเยียวยาให้หายได้ในเพียงวันหรือสองวัน มันคงต้องให้ผู้ได้รับผลกระทบต้องปรับสภาพจิตใจ ยอมรับชะตากรรมที่ตนเองไม่ได้ก่อให้ได้ ยอมรับต่อกรรม ที่ต้องยึดถือหลักธรรมะเป็นที่ตั้งให้มีสภาพจิตใจที่เข้มแข็ง และดำรงตนให้อยู่ให้ได้ต่อไปในในสังคม นี่คือความจริงที่บุคลากรทางการศึกษา คุณครู บุคคลในครอบครัวของข้าพเจ้าไปประสบเหตุจริง และมีสภาพร่างกายและจิตใจ ตามที่กล่าวทั้งสิ้น

และที่เลวร้ายที่สุด ด้านกระทรวงมหาดไทย บุคลากรทางการศึกษา คุณครู ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้ประสบเหตุจากการถูกลอบยิงด้วยกระสุนปืน จำนวน 7 นัด ถึงขั้นอาการสาหัสปางตายเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2550 และในช่วงระหว่างนั้นได้มีการยื่นขอส่งผลงานวิจัยเพื่อขอปรับเลื่อนวิทยฐานะเป็นอาจารย์ 3 และมีประวัติผลการทำงานที่ดีมาโดยตลอด แต่ด้วยเวรช้ำหรือกรรมชัดไม่ทราบ ผลการประเมินจากทางกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ประเมินให้ไม่ผ่านการปรับวิทยฐานะ ด้วยเหตุผลที่ว่า ผู้ที่ยื่นขอทำและส่งผลงานไม่ได้มีการทำการเรียนการสอนในช่วงระยะเวลาดังกล่าว ซึ่งผลการประเมินมันไม่สร้างสรรค์เอาเลย คนป่วยถึงขั้นพิการจะไปทำการเรียนการสอนได้อย่าร มันมีใบรับรองจากแพทย์ที่รักษาจาก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ส่งผลการตรวจรักษาไปให้หน่วยงานต้นสังกัดมาอย่างต่อเนื่อง ก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า กระบวนการทำงานของกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น มีวิธีคิดและวิธีการประเมินผลในแนวทางเดียวหรืออย่างไร ? ถ้ามีแนวทางเดียวก็คงต้องขอบอกผ่านท่านพ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ ที่ดำรงตำแหน่งสังกัด กรมการปกครองส่วนท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย ให้ทำใจยอมรับผลกรประเมิน (ถ้าท่านต้องอยู่ในพื้นที่เสี่ยงของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และถ้าท่านอาจจะต้องตกเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์ของเหตุการณ์ความไม่สงบ และขอทำผลงานเพื่อปรับขั้นหรือเลื่อนวิทยฐานะ ขอให้ทำใจไว้ได้เลยครับว่าท่านไม่ได้รับการประเมินผลให้ผ่านแน่นอนครับ) นี่แหละ ! ประเทศไทย ทุกฝ่ายทุกคนต่างก็มาเล่าร้องให้ รู้รักและสามัคคี แต่ถ้าหน่วยงาน กระทรวง ทบวง กรม ไม่มีความยุติธรรม แล้วคนไทยจะไปเรียกร้อง ให้รู้รักและสามัคคี ไปทำไมหรือ ? แค่ความยุติธรรมที่จะหาให้แก่ข้าราชการชั้นผู้น้อย ยังตามหากันไม่ได้ ผู้ใหญ่ระดับกระทรวงจะไปทำอะไร ?

ข้อสงสัยอีกประการหนึ่ง ของด้านกระทรวงศึกษาธิการ ในกรณีของพวก คุณครู ที่ได้รับผลกระทบทำไม่ถึงไม่สามารถใช้มาตรฐานเดียวกันกับที่ทางพวกทหาร เขาใช้กันล่ะครับ ในการให้ขวัญและกำลังใจ การปรับชั้น ตำแหน่ง และการเฝ้าดูแลห่วงใยถึงครอบครัวของผู้ประสบเหตุด้วย ทำไมถึงทำไม่ได้ ? ทั้งๆ ที่เป็นประเทศไทยองค์กร ก็ตั้งอยู่บนพื้นแผ่นดินไทย แต่ทำไมมาตรฐานมันถึงมีความเหลื่อมล้ำ ผิดแปลก แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ? นี่หรือประเทศไทย ?

จากบทความที่เขียนถ่ายทอดอยากฝากให้สื่อมวลชน ช่วยกันเป็นกระบอกเสียงหรือส่งผลสะท้อนไปถึง หน่วยงาน องค์กร ที่ได้กล่าวถึง ขอให้มีคิดทบทวนและลองปรับ กฎ ระเบียบ มติ ครม. ให้มีความยืดหยุ่น หรือให้มันง่ายต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ แทนพวก ท่านๆ ทั้งหลายที่นั่งบนหอคอย โดยไม่เคยก้มลงมองบนพื้นด้านล่างเลยว่ามันมีความเดือดร้อน หรือกำลังรุกรามเป็นไฟไหม้บ้านไหม้เมือง กันไปใหญ่แล้ว...สงสารคนไทยด้วยกันเถิดครับ และรักประเทศไทยกันมากๆ ครับ.... สวัสดีครับ พี่น้องชาวไทย                เรียบเรียงโดย.....     (Khuntikpr)

.....................................................................................................
 
khuntikpr    15 มีนาคม 2553 13:40:30    IP: 124.120.110.xxx
    ลิงค์     |     สมาชิกเครือข่าย     |     RSS feed     |     คำถามที่พบบ่อย            

เกี่ยวกับ

กฏหมายและระเบียบ

หนังสือเวียน

ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ

ศูนย์ความรู้

ประชาสัมพันธ์

W3C   Facebook Facebook สำนักงาน ก.พ.ร.   PMQA Channel  ฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ  ipv6 ready  www.info.go.th  การปฏิเสธความรับผิดชอบ |  Webmail| Intranet สำหรับข้าราชการ | ผังเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ 

Slocan

สงวนลิขสิทธิ์โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

59/1 ถนนพิษณุโลก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร. 02 356 9999 โทรสาร 02 281 7882 สายด่วน 1785 e-mail: administrator@opdc.go.th