กระทรวงยุติธรรม
14.1 การจัดกลุ่มภารกิจ ได้ปรับปรุงการจัดกลุ่มภารกิจใหม่เมื่อปี 2547 โดยปรับปรุงชื่อและส่วนราชการในกลุ่มภารกิจด้านเสริมสร้างความยุติธรรมซึ่งมี กรมคุมประพฤติ และกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นกลุ่มภารกิจด้านบริหารงานยุติธรรม โดยนำกรมบังคับคดีมากำหนดแทนกรมคุมประพฤติ และนำกรมคุมประพฤติไปกำหนดเพิ่มในกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาพฤตินิสัย
14.2 การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในส่วนราชการ
14.2.1 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่เมื่อปี 2548 ให้สามารถรองรับนโยบายสำคัญและภารกิจเร่งด่วนของรัฐบาลด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามยุทธศาสตร์และขั้นตอนการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดเพื่อให้สามารถประสานและสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดโดยเพิ่มขีดความสามารถในการจัดการวางระบบเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของยาเสพติดให้ครอบคลุมทุกพื้นที่มากขึ้น ทั้งนี้ โดยปรับปรุงสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดภาคจาก 4 ภาคเป็น 9 ภาค และสำนักงานปัองกันและปราบปรามยาเสพติดกรุงเทพมหานคร และเพิ่มสถาบันวิชาการและตรวจพิสูจน์ยาเสพติด สถาบันสำรวจและติดตามการ
ปลูกพืชเสพติด ปรับปรุงกองการต่างประเทศเป็นสำนักการต่างประเทศ และสำนักนโยบายและแผนเป็นสำนักยุทธศาสตร์
14.2.2 กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน มีการกำหนดสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพิ่มขึ้นให้ครอบคลุมทุกเขตพื้นที่จังหวัดทั่วประเทศภายในเวลา 3 ปี โดยให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. 2547 และเพื่อให้เด็กและเยาวชนที่กระทำผิดได้รับการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมสำหรับเด็กและเยาวชนที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเท่าเทียมกันในทุกพื้นที่ของประเทศไทยตามสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 และตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก และได้นำกระบวนการยุติธรรมทางเลือกตลอดจนเครือข่ายความร่วมมือจากภาคประชาชนและภาคเอกชนเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนการดำเนินการ
14.2.3 กรมราชทัณฑ์ มีการจัดตั้งทัณฑสถานหญิงระยอง เรือนจำกลางเขาบิน เรือนจำกลางวังทอง ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ การยกฐานะเรือนจำจังหวัดเป็นเรือนจำกลาง 6 แห่ง (สุรินทร์ เพชรบุรี ตาก ปัตตานี สมุทรสงคราม และนครพนม) เพื่อรองรับผู้ต้องขังที่มีโทษสูง การจัดตั้งเรือนจำอำเภอ 3 แห่ง (ชัยบาดาล นาทวี และเกาะสมุย) การจัดตั้งสถานกักขังกลางจังหวัดเพิ่มขึ้น 3 แห่ง (ลำปาง ร้อยเอ็ด และนครศรีธรรมราช)จากเดิมซึ่งมีเพียง 2 แห่งในภาคกลาง และภาคตะวันออก คือ ปทุมธานีและตราด เพื่อรองรับการแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับมาตรการลงโทษผู้ต้องขังแทนค่าปรับซึ่งจะไม่ให้กักขังไว้ในเรือนจำ สถานีตำรวจ หรือสถานที่ควบคุมผู้ต้องหาของพนักงานสอบสวน
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 11 กรกฎาคม 2551 14:45:49 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 11 กรกฎาคม 2551 14:45:49