สำนักนายกรัฐมนตรี
1.1 การปรับปรุงโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในส่วนราชการ
1.1.1 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่เมื่อ
ปี 2547 โดยจัดตั้งศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อรองรับงานด้านการเป็นศูนย์ข้อมูลและสารสนเทศของสำนักนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ได้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคขึ้นเป็นหน่วยงานภายในสำนักตรวจราชการ เพื่อให้เป็นกลไกที่มีประสิทธิภาพของรองนายกรัฐมนตรีในการกำกับและติดตาม
ผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการต่าง ๆ ในส่วนภูมิภาค
1.1.2 สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ เมื่อปี 2549 เพื่อรองรับภารกิจในการสนองงานการจัดประชุมของคณะรัฐมนตรีและงานวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรีให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดตั้งเป็นกองการประชุมคณะรัฐมนตรี พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนบทบาทภารกิจของสำนักบริหารการประชุมคณะรัฐมนตรีและเปลี่ยนชื่อเป็นสำนักวิเคราะห์เรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี นอกจากนี้ได้จัดตั้งสำนักพัฒนายุทธศาสตร์และติดตามนโยบายพิเศษของคณะรัฐมนตรีขึ้นใหม่ เพื่อเป็นการรองรับประเด็นยุทธศาสตร์ตามแผนการบริหารราชการแผ่นดิน และเป็นหน่วยขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลทางการบริหาร และรองรับภารกิจพิเศษในเรื่องของการชำระและพัฒนา
มติคณะรัฐมนตรี
1.1.3 สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ ใน
ปี 2549 โดยจัดตั้งสำนักแผนและการพัฒนาการคุ้มครองผู้บริโภคขึ้นใหม่ เพื่อรองรับบทบาทภารกิจในด้านการเป็นหน่วยนโยบายและแผนงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค และการสร้างเครือข่ายในงานด้านคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้เกิดพลังร่วมที่เข้มแข็งในการผลักดันงานคุ้มครองผู้บริโภคให้มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ได้พัฒนางานบริการด้านการร้องเรียนและการดำเนินคดีแทนผู้บริโภคโดยยกฐานะกองนิติการขึ้นเป็นสำนักกฎหมายและคดี
1.1.4 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้มีการปรับบทบาทภารกิจให้เป็นหน่วยงานหลักรับผิดชอบงานข่าวเศรษฐกิจ เพื่อจัดเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจการค้าของประเทศให้เป็นปัจจุบัน ทันเหตุการณ์ และเพียงพอต่อการเจรจาการค้า โดยมีขอบเขตงานแต่ละส่วนราชการ ดังนี้
- สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ รับผิดชอบหลักในการจัดทำข้อมูลข่าวกรองเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นข้อมูลเศรษฐกิจเชิงลึกที่จะต้องมีการศึกษาวิเคราะห์ ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ สังคม และต้องมีการเฝ้าระวังสถานการณ์ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงเป็นปกติประจำ
- สำนักข่าวกรองแห่งชาติ รับผิดชอบหลักในการจัดทำข้อมูลข่าวกรองเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ หรือที่มีผลกระทบต่อการเมือง และความมั่นคงของประเทศ ซึ่งจำเป็นต้องสืบสวนเจาะลึก
1.2 การจัดตั้งองค์การมหาชน
1.2.1 สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้10 จัดตั้งขึ้นเพื่อให้มีการบริหารจัดการ การเรียนรู้ตลอดชีวิตของประชาชนที่กว้างขวางมีความคล่องตัวในการดำเนินงาน และสอดคล้องกับเหตุการณ์และความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเรียนรู้ รวมทั้งประสานการสร้างเครือข่ายของภาคส่วนต่าง ๆ ที่ให้บริการความรู้เข้าด้วยกัน เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสเรียนรู้และเสริมสร้างพัฒนาความสามารถของตน โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้สาธารณะอันเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิต เป็นการสะสมและเสริมสร้างปัญญา ขยายฐานความรู้และสร้างศักยภาพทางความรู้ให้แก่ตนเอง ซึ่งจะเป็นการลงทุนทางปัญญาและพัฒนาบุคลากรของประเทศโดยผ่านสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆ
1.2.2 สำนักงานบริหารการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน11 จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการติดตาม ประสานงานระหว่างส่วนราชการต่าง ๆ และภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องกับการแปลงสินทรัพย์เป็นทุนซึ่งจะนำทรัพย์สินของภาครัฐและภาคเอกชนมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดหรือเกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ อันจะเป็นการสร้างโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบ เกิดกระบวนการสร้างงาน สร้างรายได้และกระตุ้นให้มีผู้ประกอบการรายใหม่ ส่งผลให้มีการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
1.2.3 องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน12 จัดตั้งขึ้นเพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวซึ่งจะช่วยเพิ่มและกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่น โดยให้มีการบริหารและพัฒนาพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงบูรณาการ หรือส่งเสริมและพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการท่องเที่ยวให้มีการบริหารจัดการพื้นที่เพื่อการท่องเที่ยวในเชิงคุณภาพ รวมทั้งสามารถระดมบุคลากร งบประมาณ และเครื่องมือเครื่องใช้มาใช้ในการบริหารจัดการท่องเที่ยวอย่างมีเอกภาพและแก้ไขปัญหาโดยรวดเร็ว ตลอดจนส่งเสริมให้มีการนำความรู้ด้านการบริหารจัดการสมัยใหม่มาใช้เพื่อให้บรรลุผลตามเป้าหมายที่วางไว้
1.3 การจัดตั้งหน่วยงานในกำกับ
กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ13 จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ. 2547 โดยปรับเปลี่ยนจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เพื่อเป็นแหล่งเงินทุนสำหรับจัดสรรเงินทุนหมุนเวียนแก่กองทุนหมู่บ้าน เป็นกลไกให้ประชาชนในหมู่บ้านหรือชุมชนเมืองนำไปใช้ในการพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ หรือเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายในหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง และเพื่อให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ รวมทั้งกองทุนหมู่บ้านและกองทุนชุมชนเมืองสามารถพัฒนาเป็นสถาบันการเงินชุมชนในอนาคต โดยมีกระบวนทัศน์ด้านการบริหารและการพัฒนาที่มุ่งสร้างกระบวนการเรียนรู้ที่มีรูปแบบ วิธีการคิด และมุมมองที่เปิดกว้าง มีคุณธรรมและมีการเรียนรู้ร่วมกัน โดยอาศัยหลักของการเอื้ออาทรในรูปแบบกัลยาณมิตร ตลอดจนมีการสร้างและพัฒนาความคิด ความเข้าใจให้เป็นระบบในลักษณะของการบูรณาการทุกเรื่องเข้าด้วยกันและสนับสนุนให้เกิดเครือข่ายกองทุนในทุกระดับอย่างยั่งยืนและต่อเนื่อง ที่เป็นการเสริมสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเองของหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้วยการให้ชุมชนเป็นผู้กำหนดอนาคตและจัดการหมู่บ้านหรือชุมชนตามภูมิปัญญาหรือทุนทางสังคมของตนเอง
1.4 การแปรสภาพหน่วยงานเป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ (Service Delivery Unit : SDU)
1.4.1 การแปรสภาพสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และสถาบันการประชาสัมพันธ์ กรมประชาสัมพันธ์ เป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ14 โดยสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11) คงดำรงวัตถุประสงค์เดิมที่ไม่มีการโฆษณายกเว้นเฉพาะการโฆษณาในลักษณะที่เป็นการเผยแพร่ภาพพจน์ขององค์กร (Corporate Image) โดยยังได้รับการสนับสนุนเงินงบประมาณอย่างเพียงพอ
1.4.2 การแปรสภาพกองโรงพิมพ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เป็นสำนักพิมพ์คณะรัฐมนตรีและ
ราชกิจจานุเบกษา (หน่วยบริการรูปแบบพิเศษ) และการแปรสภาพสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ15 ทั้งนี้ ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีดำเนินการเบิกจ่ายในส่วนงานโรงพิมพ์จากเงินกองทุนหมุนเวียนจำนวน 97,430,664.61 บาท ต่อไป
1.4.3 การจัดตั้งสำนักงานกำกับระบบการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) เป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ 16 โดยให้สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไปก่อน และเมื่อพิจารณาจัดวางระบบครบถ้วนสมบูรณ์แล้วให้โอนไปสังกัดกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังต่อไป
10 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2547
11 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2546
12 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2546
13 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2547
14 ตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2548
15 ตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมวันที่ 20 มิถุนายน 2549 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคม 2548
16 ตามมติคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2549
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 11 กรกฎาคม 2551 12:18:04 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 11 กรกฎาคม 2551 12:18:04