เงินรางวัล (โบนัส)แต่ละปีได้รับน้อยหรือมาก สืบเนื่องจากการทำตัวชี้วัดให้ผ่านหรือได้คะแนนเยอะ ๆ ใช่หรือไม่?
การจัดสรรเงินรางวัลสำหรับส่วนราชการ จังหวัด
และสถาบันอุดมศึกษา ประกอบด้วย
1.หลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัลสำหรับส่วนราชการ
จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา
1.1 ผลการปฏิบัติราชการของหน่วยงาน
หน่วยงานที่จะได้รับการจัดสรรเงินรางวัลจะต้องมีผลการประเมินการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการตั้งแต่ระดับคะแนน3.0000 คะแนนขึ้นไป ซึ่งเป็นคะแนนในระดับเกณฑ์มาตรฐาน
ซึ่งมีน้ำหนักในการจ่ายเงินรางวัล เท่ากับ ร้อยละ 90และกำหนดให้เพดานของผลการประเมินการปฏิบัติราชการที่มีผลงานดีเลิศหรือดีเยี่ยมเป็นค่าสูงสุดในระดับคะแนน5.0000 มีน้ำหนักในการจ่ายเงินรางวัล เท่ากับ ร้อยละ 100 ดังนั้น
หากหน่วยงานใดบุคลากรเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการผลักดันการปฏิบัติราชการให้บรรลุเป้าหมาย
ส่งผลให้การปฏิบัติราชการสามารถสัมฤทธิ์ผล
ทำให้ผลการประเมินการปฏิบัติราชการอยู่ในเกณฑ์ดี
เช่น ระดับ 3.0000 คะแนน
ก็จะส่งผลให้ได้รับการคำนวณวงเงินรางวัลของหน่วยงานอยู่ในเกณฑ์ดีด้วย คือ น้ำหนักการจ่ายคิดเป็นร้อยละ 90ของวงเงินที่ส่วนราชการจะได้รับจัดสรร รายละเอียดตามตาราง
ผลคะแนน
|
น้ำหนักในการจ่ายเงินรางวัล |
5.0000 |
100.00 |
4.7500 |
98.75 |
4.5000 |
97.50 |
4.0000 |
95.00 |
3.5000 |
92.50 |
3.0000 |
90.00 |
2 |
0 |
1 |
0 |
1.2 ขนาดของส่วนราชการ
จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษา โดยใช้ฐานเงินเดือนรวมของข้าราชการและลูกจ้างประจำ ณ
วันที่ 1 กันยายนของปีงบประมาณที่ทำคำรับรองและประเมินผลการปฏิบัติราชการ
มาคำนวณกับผลประเมินการปฏิบัติงานของหน่วยงานที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการไว้
และเมื่อคำนวณเงินรางวัลเป็นจำนวนเงินเท่าไร สำนักงาน ก.พ.ร.จะจัดส่งให้หน่วยงาน
เพื่อให้หน่วยงานจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฎิบัติราชการและหลักเกณฑ์การจัดสรรเงินรางวัลให้กับข้าราชการและลูกจ้างในสังกัดที่มีการเบิกจ่ายเงินเดือน
ณ วันที่ 1 กันยายน โดยไม่ขัดต่อหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่
ก.พ.ร.กำหนด
2. วิธีการคำนวณเงินรางวัล
2.2 การคำนวณวงเงินรางวัล
จะคำนวณจากจำนวนหน่วยงานทั้งหมดที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการไว้ในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2551 จำนวน 289 หน่วย และวงเงินงบประมาณที่ใช้สำหรับจัดสรรเป็นเงินรางวัลจำนวน 5,550 ล้านบาท
โดยคิดให้ทุกหน่วยงานสามารถปฏิบัติราชการได้สูงกว่าเป้าหมายอย่างดีเสิศครบถ้วนทุกตัวชี้วัดที่ระดับคะแนน5.0000 ซึ่งทำให้แต่ละหน่วยงานได้รับวงเงินในการจัดสรรเงินรางวัลสำหรับกรณีที่ได้คะแนนเต็ม5.0000 คะแนน
2.3การคำนวณการจ่ายเงินรางวัล ให้ส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันอุดมศึกษาเมื่อผลการประเมินการปฏิบัติราชการครบถ้วนแล้วจะมีการคำนวณการจ่ายเงินรางวัลตามผลการประเมินฯและมีน้ำหนักในการจ่ายดังตารางดังกล่าวข้างต้น
สูตรการคำนวณเงินรางวัลที่ได้รับทั้งสิ้น = A * W
A =เงินรางวัลรวมที่ใช้คำนวณ
W= อัตราการจ่ายรางวัล
W = B(Ri)Pi / ∑ B(Ri)Pi
= น้ำหนักการจ่ายรางวัลของส่วนราชการ × ฐานเงินเดือนของส่วนราชการ
ผลรวมของน้ำหนักการจ่ายรางวัลของส่วนราชการ× ฐานเงินเดือนของส่วนราชการ
จากหลักเกณฑ์ วิธีการ การจัดสรรเงินรางวัลดังกล่าว
(ตามข้อ 2.2)
เห็นได้ว่าวงเงินงบประมาณทั้งหมดที่ได้รับการจัดสรรในการจ่ายเงินรางวัลนั้น
จะได้รับการจัดสรรวงเงินจำกัด(วงเงินที่ได้รับการจัดสรรเท่ากันทุกปี)
ในขณะที่จำนวนหน่วยงานที่มีการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น
จึงทำให้แต่ละหน่วยงานจะได้รับวงเงินในการจัดสรรเงินรางวัลกรณีที่มีระดับผลคะแนนเต็ม5.0000 คะแนนลดลง ส่วนราชการจะได้รับกรอบวงเงินสำหรับการจัดสรรเงินจำนวนเท่าใดก็ยังขึ้นอยู่กับผลการประเมินการปฏิบัติราชการและฐานเงินดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำ
ณ วันที่ 1 กันยายน ของปีงบประมาณด้วย
และเมื่อส่วนราชการได้รับการจัดสรรเงินรางวัลไปแล้วจะต้องนำไปจัดสรรให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณาจัดสรรเงินรางวัลประจำปี
ได้แก่ ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ
โดยจะต้องจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการ
และหลักเกณฑ์วิธีการจัดสรรเงินรางวัลให้กับผู้ปฏิบัติงาน
สำหรับจำนวนเงินรางวัลที่ผู้มีสิทธิจะได้รับขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมผลักดันให้ผลงานของหน่วยงานบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
และผลการประเมินการปฏิบัติราชการของผู้มีสิทธินั้น ๆ ดังนั้น กรณีที่ว่าหน่วยงานเล็ก
ๆ จะได้รับเงินรางวัลมากกว่าหน่วยงานใหญ่ นั้น ไม่จริงเสมอไป
หน่วยงานใดจะได้รับการจัดสรรเงินรางวัลมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับผลการประเมินการปฏิบัติราชการ
และฐานเงินดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำ ณ วันที่ 1 กันยายน ของปีงบประมาณในแต่ละหน่วยงาน