ธนาคารโลกได้เปิดเผยรายงานผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ Doing Business 2017 โดยจัดอันดับให้ไทยอยู่อันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศ ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา และเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน โดยมีด้านที่ดีขึ้น 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ด้านการได้รับสินเชื่อ ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง และด้านแก้ไขปัญหาการล้มละลาย โดยเปิดเผยผลการจัดอันดับในวันที่ 26 ตุลาคม 2559 ผ่านระบบ Video conference จากกรุงวอชิงตัน ดีซี มายังห้องประชุมสำนักงานธนาคารโลกประจำประเทศไทย ชั้น 30 อาคาร Siam Tower กรุงเทพฯ นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. เปิดเผย รายงาน Doing Business 2017 ประเทศไทยได้รับคะแนน เพิ่มขึ้นเป็น 72.53 คะแนน จากเดิม 71.65 คะแนนในปีที่ผ่านมา โดยมีผลการจัดอันดับรายด้านดีขึ้นถึง 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ จากอันดับที่ 96 มาเป็นอันดับที่ 78 ด้านการได้รับสินเชื่อ จากอันดับที่ 97 มาเป็นอันดับที่ 82 ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน จากอันดับที่ 36 มาเป็นอันดับที่ 27 ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง จากอันดับที่ 57 มาเป็นอันดับที่ 51 และด้านแก้ไขปัญหาการล้มละลาย จากอันดับที่ 49 มาเป็นอันดับที่ 23 เลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวต่อว่า การปรับปรุงบริการภาครัฐของไทยที่ธนาคารโลกถือว่าเป็นการปฏิรูปที่สำคัญมี 3 ด้าน ได้แก่ ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ด้วยการสร้างระบบการบริการจ่ายเงินลงทะเบียนไว้ที่จุดเดียวกัน และการลดระยะเวลาในการขอรับตราประทับของบริษัท ด้านการได้รับสินเชื่อ โดยปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูลด้านสินเชื่อ ที่ได้ให้ข้อมูลคะแนนสินเชื่อแก่ธนาคารและสถาบันการเงินเพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจให้สินเชื่อได้ง่ายขึ้น และด้านการแก้ไขปัญหาการล้มละลาย ที่รวดเร็วขึ้น โดยปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายทั้งกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ พ.ศ. 2558 พ.ร.บ. ล้มละลาย (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2558 ซึ่งทำให้ลดระยะเวลาและขั้นตอนในการบังคับคดีล้มละลายลง และพระราชบัญญัติล้มละลาย (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2559 ที่ช่วยเหลือผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)
เกี่ยวกับ
กฏหมายและระเบียบ
หนังสือเวียน
ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ
ศูนย์ความรู้
ประชาสัมพันธ์