ข่าวเด่น

         คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 ได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน ก.พ.ร. คือ เรื่อง แนวทางการดำเนินงานเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทย (Thailand Integrity Review)

         สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเรื่องดังกล่าวให้สำนักงาน ก.พ.ร. ทราบแล้ว ตามหนังสือ สลค. ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/32944 ลง
วันที่ 6 กันยายน 2559 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

         ตามที่ได้เสนอเรื่อง แนวทางการดำเนินงานเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทย (Thailand Integrity Review) ไปเพื่อคณะรัฐมนตรีทราบ ความละเอียดแจ้งแล้ว นั้น

         สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบแล้ว เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559

         สรุปสาระสำคัญของเรื่องที่เสนอคณะรัฐมนตรี 

         ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. ได้หารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงาน
คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และ Organisation for Economic Co-operation and Development – OECD (OECD) เป็นต้น เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทย (Thailand Integrity Review) รวมทั้งจัดทำแนวทางการดำเนินงาน เสนอต่อที่ประชุม ก.พ.ร. ซึ่งที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบตามที่เสนอ ปัจจุบัน อยู่ระหว่างการดำเนินการรวบรวมข้อมูลตามกรอบการเสริมสร้างความซื้อสัตย์สุจริตของประเทศไทยใน 3 มิติ คือ 1) การประมวลภาพรวมและการบูรณาการหน่วยงานขับเคลื่อน การเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริต 2) วัฒนธรรมการเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตภาครัฐของเจ้าหน้าที่รัฐ 3) การควบคุมและการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะดำเนินการเพื่อเตรียมให้ผู้เชี่ยวชาญจาก OECD มาวิเคราะห์ประเมิน จุดอ่อน จุดแข็ง พร้อมให้ข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเกี่ยวกับแนวทางการสร้างเสริมความซื่อสัตย์สุจริตของภาครัฐ และแปลงไปสู่การปฏิบัติระดับประเทศในรูปแบบบทความทางวิชาการต่อไป


         การดำเนินการต่อไป

          1) การลงนามบันทึกความเข้าใจทางวิชการ (Memorandum of Understanding: MOU) อย่างเป็นทางการระหว่าง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ป.ป.ท. และ OECD ตามคำเชิญของ OECD ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในการเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทยที่เป็นรูปธรรม สามารถยกระดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยด้านความซื่อสัตย์สุจริตให้เทียบเคียงสากล ผลักดันให้ประเทศไทยเป็นประเทศต้นแบบในภูมิภาคอาเซียนที่มีภาพลักษณ์ของการดำเนินงานภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่ความเชื่อมั่น ความไว้วางใจในการดำเนินงานต่อไป

          2) การศึกษา วิเคราะห์ และจัดทำข้อค้นพบจากผลการประเมินความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทยในรูปแบบข้อเสนอแนะเชิงนโยบายโดยผู้เชี่ยวชาญจาก OECD ซึ่งจะมีการกำหนดแผนการดำเนินงานการเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทยที่เป็นรูปธรรม สามารถปฏิบัติได้จริงพร้อมระบุผู้รับผิดชอบอย่างชัดเจน

          3) การจัดประชุมเพื่อนำเสนอข้อค้นพบดังกล่าวให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคส่วนอื่นรวมทั้งองค์กรระหว่างประเทศได้รับทราบ และร่วมอภิปรายเสนอแนะข้อคิดเห็น นอกจากนี้ OECD จะนำข้อค้นพบจากการดำเนินการฯ ในครั้งนี้ นำเสนอต่อเจ้าหน้าที่ หรือคณะกรรมการอาวุโสด้านสุจริตภาครัฐ (Senior Public Integrity Officials) ของ OECD ได้รับทราบ พร้อมเปิดรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนา ยกระดับแผนการดำเนินงานของการเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตในประเทศไทยต่อไป

          เนื่องจากแนวทางการดำเนินงานเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทย (Thailand Integrity Review) จะมีความเกี่ยวข้องกับการลงนามบันทึกความเข้าใจทางวิชาการ (Memorandum of Understanding: MOU) อย่างเป็นทางการระหว่าง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงาน ป.ป.ท. และ OECD เพื่อให้เกิดความร่วมมือกันในการเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทยที่เป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 และระเบียบว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 “มาตรา 4 (7) : เรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือที่เกี่ยวกับองค์การระหว่างประเทศที่มีผลผูกพันรัฐบาลไทย” สำนักงาน ก.พ.ร. จึงได้จัดทำเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อโปรดทราบแนวทางการดำเนินงานเสริมสร้างความซื่อสัตย์สุจริตของประเทศไทย (Thailand Integrity Review) ซึ่งรวมถึงแนวทางความร่วมมือที่จะดำเนินการต่อไป ในส่วนของการลงนามบันทึกความเข้าใจทางวิชาการ (Memorandum of Understanding: MOU) อย่างเป็นทางการร่วมกับ OECD

ข้อมูลจาก หนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และหนังสือสำนักงาน ก.พ.ร.
นฤมล (สลธ.) / รายงาน
กลุ่มสื่อสารฯ /จัดทำ