Logo of OPDC ก.พ.ร. FAQ สำหรับการค้นหา  |  ภาษาไทย   |   English   |   Mobile   |   Help   |  

หน้าหลัก หน้าหลัก | ติดต่อ | ผังเว็บไซต์ |  หน้าหลัก
Share แชร์ พิมพ์หน้านี้  

ข่าวเด่น


พรบ.การอนุญาตฯ ช่วยอำนวยความสะดวกให้ประชาชน เน้นราชการทำงานเร็ว ลดค่าใช้จ่าย เข้าถึงง่าย เร่งส่วนราชการเตรียมพร้อมเปิดศูนย์บริการร่วม


          นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แสดงปาฐกถาพิเศษ ในเวทีการประชุมสัมมนา เรื่อง พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 ที่พึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 ว่า เป็นต่างจากกฎหมายฉบับอื่นตรงที่มีผลบังคับใช้ภายใน 180 วัน ขจัดความล่าช้า
สิ้นเปลืองและยุ่งยากในกระบวนการต่างๆ ที่ประชาชนต้องมาติดต่อส่วนราชการ ย้ำป้องกันการคอรัปชั่นไปในตัว
         วานนี้เวลา 13.30 น. นายวิษณุย้ำว่า สำนักงาน ก.พ.ร. และส่วนราชการต้องทำความเข้าใจให้ดีกับกฎหมายฉบับนี้ที่สำคัญคือต้อง “ตีปีบ” ประชาสัมพันธ์ให้ทั้งส่วนราชการและประชาชนได้รับทราบ เพราะเป็นเรื่องส่งผลกับการทำงานของราชการและการมาติดต่อของประชาชน ถ้านิ่งและเงียบไม่บอกกล่าว ปล่อยให้กฎหมายฉบับหนึ่งเดินหน้าไปเรื่อยๆ จะเกิดความไม่เข้าใจในคนปฏิบัติ โดยเฉพาะคนที่ปฏิบัติคิดว่าทำมาอย่างไร ทำไปอย่างนั้น ซึ่งต่อไปนี้ไม่ได้แล้ว เป็นความรับผิดชอบตามกติกาออกใหม่ เพราะกฎหมายฉบับนี้ออกมาเพื่อคุ้มครองช่วยเหลือประชาชน เรื่องนี้สำคัญขนาดนายกรัฐมนตรีเองเคยกล่าวถึงในรายการคืนความสุขให้ประชาชน ซ้ำสภานิติบัญญัติแห่งชาติเอง
ยังเป็นห่วงตั้งข้อสังเกตุถึงการบังคับใช้เพราะเกรงเจ้าหน้าที่จะไม่เข้าใจและความลำบากจะตกกับประชาชนเช่นเดิม
         นายวิษณุ ยังกล่าวต่อไปว่า พระราชบัญญัติฯ ฉบับนี้มีชื่อค่อนข้างยาว สามารถเรียกสั้นๆ ได้ว่า พระราชบัญญัติการอนุญาตฯ  หัวใจของกฎหมายฉบับนี้เป็น ออกมาเพื่ออำนวยความสะดวกในธุรกรรมใดๆ ที่ประชาชนจะต้องขออนุญาตจากทางราชการ ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาต ขออนุมัติ ขอจดทะเบียน ทั้งนี้เมื่อคำนวณดูแล้วพบว่า มีกฎหมายที่ประชาชนต้องไปขออนุญาตจากทางราชการไม่ต่ำกว่า 600 ฉบับ ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาตสร้างบ้าน ขออนุญาตต่อเติมอาคาร ขออนุญาตส่งของเข้าออก จะไม่มีไม่ได้เพราะต้องมีสาระบบควบคุม ความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นในแต่ละกระบวนการ รวมได้ตั้งแต่สืบหาที่ตั้งส่วนราชการ ระยะทางค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไปถึงที่ทำการต้องหาที่
จอดรถ คิวยาว การเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ ค่าธรรมเนียมบางครั้งไม่สามารถทำการเดินเรื่องเอกสารเสร็จภายในวันเดียว ขั้นตอนย้อนไปย้อนมา เป็นความอึดอัดอย่างหนึ่งของประชาชน ดังนั้น ข้อดีของกฎหมายฉบับนี้ คือ ขจัดความล่าช้าทำให้เร็วขึ้น (faster) ลดความสิ้นเปลือง (cheaper)  และทำให้เรียบง่าย (easier) ประชาชนจะไม่ลำบากเวลาไปติดต่อราชการ
         ที่ผ่านมา เมื่อกระบวนการติดต่อขออนุญาตหลายๆ อย่างสร้างความไม่สะดวกให้ประชาชน ประชาชนบางส่วนจึงใช้วิธีที่นำไปสู่การทุจริตคอรัปชั่น หรือแม้ไม่ได้ทำให้เกิดการทุจริตฯ กลับมีผลต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติเมื่อเห็นไม่สะดวกตัดสินใจเปลี่ยนฐานการลงทุนไปประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ศักยภาพการแข่งขันและโอกาสการลงทุนหมดไปแล้วย้านฐานการลงทุนไปสู่ที่อื่นที่สะดวกกว่า เรื่องนี้ธนาคารโลกสำรวจประเทศต่างๆ แล้วตีพิมพ์รายงาน Doing Business เพื่อจัดลำดับว่าประเทศใดควรแก่การไปลงทุน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องความสะดวกให้แก่นักลงทุน ในรื่องการก่อสร้าง เรื่องภาษีมูลค่าเพิ่ม เรื่องการขอคืนภาษี การฟ้องล้มละลาย ประเทศไทยอยู่ลำดับหลังๆ แสดงว่ามีประเทศอื่นอีกมาที่ควรแก่การไปลงทุน รองนายกฯ นายวิษณุ เครืองามกล่าว
         ข้อแตกต่างของกฎหมายฉบับนี้ต่างไปจากกฎหมายอื่น ตรงที่มีการเผื่อระยะเวลาให้ส่วนราชการตรียมตัวถึง 180 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ส่วนราชการต้องเปลี่ยนเข้าสู่ระบบใหม่หมด จะละเลยไม่ได้  หลักการสำคัญที่ต้องเข้าใจมี 5-6 ข้อ คือ
  1. ส่วนราชการทุกแห่งรวมท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน ที่มีเรื่องให้คนมาขออนุญาตอนุมัติให้คนลงทะเบียนจดทะเบียน ต้องทำคู่มือเป็นรูปเล่มการติดต่อกับหน่วยงานงานที่ต้องยื่นเรื่อง ระบุส่วนงาน (โต๊ะ) แต่ละส่วนงานต้อใช้เวลาเท่าใดนับตั้งแต่นาทีของการยื่นเรื่องจนจบกระบวนการ ต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ต้องมีเอกสารอะไรบ้าง ถ้าส่วนราชการมีงบประมาณต้องทำแจกประชาสัมพันธ์ ต้องมีการเผยแพร่ให้ประชาชนเปิดอ่านได้ ต้องนำข้อมูลขึ้นเว็บไซด์ให้สามารถเปิดได้จากบ้าน เมื่อทำคู่มือเสร็จต้องส่งให้ ก.พ.ร. ตรวจสอบ เพื่อพิจารณาดูความเหมาะควร ถ้าใช้เวลานานเกินกว่าความเป็นจริง ก.พ.ร. มีสิทธิคืนกลับมาให้ปรับแก้ได้
  2. เอกสารใดที่ประชาชนต้องใช้ประกอบการยื่นเรื่องต้องระบุให้ละเอียด เมื่อระบุแล้วจะขอเอกสารเพิ่มอีกไม่ได้
  3. เวลา เมื่อกำหนดในคู่มือแล้วว่า กระบวนงานนั้นๆ ใช้ระยะเวลาเท่าใด หากครบกำหนดแล้วหน่วยงานยังทำไม่ได้ ต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ประชาชนผู้ยื่นเรื่องทราบ
    ต้องขอโทษและระบุเหตุผลโดยขอขยายเวลาทีละ 7 วัน หากไม่เสร็จต้องแจ้งประชาชนให้ทราบทุกครั้ง
  4. กฏหมายนี้เรียกร้องให้แต่ละแห่งจัดตั้งศูนย์บริการร่วม (One Stop Service) ส่งเสริมให้ทุกแห่งทุกกระทรวงทุกกรมตั้งศูนย์บริการมาหนึ่งแห่ง ใครมาติดต่อให้มาที่ส่วนนี้ แล้วส่งเรื่องให้ส่วนอื่นๆ เป็นคนเดินเรื่องให้ ซึ่งส่วนราชการอาจเล็งดูหน่วยขอความช่วยเหลือให้เอกชนช่วย ยกตัวอย่างกลุ่มพัฒนา จะเปิดศูนย์บริการร่วมในวันเสาร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 58 ที่ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ส่วนราชการสามารถพัฒนาให้เกิดความรู้สึกว่า ส่วนราชการเป็น convenient place ที่ติดต่อสะดวก  อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีแนวคิดว่า อาจตั้งศูนย์รับคำขออนุญาต ตั้งขึ้นมาที่เดียว แล้วค่อยขยายสู่ต่างจังหวัด เช่นตั้งในทำเนียบรัฐบาล ส่วนต่างจังหวัดจะฝากไว้ที่ศูนย์ดำรงธรรม
    เพื่อรับเรื่องร้องทุกข์ร้องเรียน
  5. การขอต่อใบอนุญาตตามระยะเวลา ถ้าประชาชนมาเสียค่าธรรมเนียมให้มีผลเท่ากับการขอต่อใบอนุญาตอัตโนมัติ
  6. ความที่มีกฎหมายให้ไปขอใบอนุญาตมากกว่า 600 ประเภท กฎหมายฉบับนี้จึงบังคับว่า ทุก 5 ปี กระทรวง ทบวง กรม ต้องรายงานคณะรัฐมนตรีว่า สมควรต้องยกเลิกกฎหมายใดบ้าง ให้มาบอกรัฐบาล ถ้าคิดว่าสามารถติดต่อกันด้วยระบบอีเมล์หรือออนไลน์ได้ รัฐบาลจะได้พิจารณาแก้ไขกฎหมายนั้น
          หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมายนี้ หน่วยงานหรือข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนั้นๆ จะมีมาตรการทางปกครองลงโทษซึ่งจะกระทบตั้งแต่หัวหน้าส่วนราชการ ส่งผลต่อการนำมาใช้เป็นตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานว่าควรให้บุคคลนี้ดำรงตำแหน่ง ขยับ หรือ ส่งย้ายไปที่อื่นหรือไม่ หรืออาจถูกตั้งกรรมการสอบวินัย ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มาตรา 82 หรืออาจส่งเรื่องไปถึงศาลปกครอง ถ้าการไม่อำนวยความสะดวกมีผลต่อความเสียหายทางการเงินสามารถเรียกฟ้องค่าเสียหายได้
          กพร.ต้องไปแจ้งส่วนราชการ แล้วซ้อมการทำคู่มือ ให้ กพร.ไปดู 150 กรม รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชนเกือบ 40 แห่ง ชวนหน่วยนำร่อง เป็นส่วนราชการที่ชาวบ้านมาติดต่อมาก มาสัก 10 กรมเป็นหน่วยนำร่องทดลองทำคู่มือแล้วประกาศใช้ไปก่อน ทำได้ก่อนกฎหมายบังคับ ขอให้รับภาระนี้ไปในฐานะคนของพระราชา ในฐานะที่ท่านเป็นประชาชนเช่นกัน แล้วระบบราชการจะมีคุณค่าให้ประชาชนได้ไว้วางใจ
         พระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ.2558 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2558 มีผลบังคับใช้เมื่อพันกำหนด 180 วัน นับตั้งแต่ประกาศฯ เมื่อครบวันที่ 181 จะใช้บังคับ ราว 21-22 ก.ค.ปีนี้.///


กลุ่มสื่อสารฯ /จัดทำ

 

 

    ลิงค์     |     สมาชิกเครือข่าย     |     RSS feed     |     คำถามที่พบบ่อย            

เกี่ยวกับ

กฏหมายและระเบียบ

หนังสือเวียน

ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ

ศูนย์ความรู้

ประชาสัมพันธ์

W3C   Facebook Facebook สำนักงาน ก.พ.ร.   PMQA Channel  ฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ  ipv6 ready  www.info.go.th  การปฏิเสธความรับผิดชอบ |  Webmail| Intranet สำหรับข้าราชการ | ผังเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ 

Slocan

สงวนลิขสิทธิ์โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

59/1 ถนนพิษณุโลก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร. 02 356 9999 โทรสาร 02 281 7882 สายด่วน 1785 e-mail: administrator@opdc.go.th