ข่าวเด่น
สำนักงาน ก.พ.ร. เร่งพัฒนาระบบการให้บริการภาครัฐ หวังเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ Doing Business
สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (สำนักงาน ก.พ.ร.) เดินหน้าพัฒนาปรับปรุงระบบการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐทั้ง 10 ด้าน หวังผล
การจัดอันดับของประเทศไทยในรายงาน Doing Business มีอันดับที่ดีขึ้น เพื่อให้ก้าวทันต่อการพัฒนาของประเทศที่ได้รับการจัดอันดับต้นๆ
นายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาสำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบในการพัฒนาระบบการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐได้ดำเนินการประสานงาน ติดตาม และประเมินผลหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดอันดับ Doing Business เพื่อปรับปรุงการให้บริการ ตลอดจนเพิ่มขีดความสามารถใน
การประกอบธุรกิจให้เกิดผลสำเร็จมาโดยตลอด และจากการจัดอันดับของประเทศไทยตามรายงานผลการวิจัย เรื่อง Doing Business ของธนาคารโลก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของภาครัฐ นั้น พบว่า ผลการจัดอันดับการปรับปรุงบริการของภาครัฐ ในปี 2017 ประเทศไทยมีอันดับความยาก – ง่ายในการประกอบธุรกิจอยู่ในอันดับที่ 9 ของเอเชีย อันดับที่ 3 ของอาเซียน และอันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศ ซึ่งดีขึ้นกว่าปี 2016 สามอันดับ (จากเดิมอันดับ 49)
สำหรับการขับเคลื่อนการยกระดับประสิทธิภาพการบริการภาครัฐสำนักงาน ก.พ.ร. ได้ดำเนินโครงการศึกษาเพื่อวิเคราะห์สภาพแวดล้อมสำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศ โดยผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลก ซึ่งได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลในแต่ละด้านที่ครอบคลุมพื้นฐานการประกอบธุรกิจในประเทศไทย โดยจะนำมาวิเคราะห์ พร้อมทั้งวางแนวทางและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปการบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจในอนาคต
สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดประชุมพร้อมทั้งเชิญหน่วยงานเจ้าภาพทุกด้านเข้าร่วมประชุม โดยผลสรุปจากการประชุมได้มีการมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแต่ละด้าน พิจารณาดำเนินการปรับปรุงบริการภาครัฐ Doing Business ตามรายงานผลการศึกษาของธนาคารโลก เป็นระยะ โดยแบ่งระยะการดำเนินงานเป็น ระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว โดยเฉพาะการดำเนินงานบางส่วนที่เร่งด่วนได้กำหนดให้ปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งประกอบด้วย 3 ด้าน ได้แก่
- ด้านด้านเริ่มต้นธุรกิจ มีการเปิดให้บริการระบบจดทะเบียนนิติบุคคล
ทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-registration) โดยระบบดังกล่าวจะเชื่อมโยงกระบวนการจองชื่อบริษัทกับระบบการจดทะเบียนไว้ด้วยกันและพร้อมสำหรับการเชื่อมโยงข้อมูลออนไลน์ของหน่วยงานอื่นๆด้วย ซึ่งระบบดังกล่าวจะเปิดให้บริการในวันที่ 1 พฤษภาคม 2560
- ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง ให้ลดระยะเวลาการออกใบอนุญาต ก่อสร้างอาคารที่มีความเสี่ยงต่ำ ด้วยการแก้ไขวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการขออนุญาตและการควบคุม
การก่อสร้างอาคาร พ.ศ.2525 ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและรายงานการก่อสร้างอาคาร 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเริ่มสร้างโครงสร้างอาคาร ระยะโครงสร้างเรียบร้อยแล้ว ระยะอาคาร
เสร็จสิ้น
และให้ลดระยะเวลาการออกใบรับรองการก่อสร้างอาคารจากเดิม 30 วัน เหลือ 7 วัน พร้อมทั้งเพิ่มช่องทางด่วนในการขอใบอนุญาตก่อสร้างสำหรับอาคารขนาดเล็กความเสี่ยงต่ำในกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 55 (พ.ศ.2543)
- ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ดำเนินการติดตั้งมิเตอร์วัดกระแสไฟฟ้าคู่ขนานกับการดำเนินการนอกอาคารอื่นๆ พร้อมทั้งให้ปรับปรุงและส่งเสริมให้มีการใช้ Online Application Portal เพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถขออนุญาตก่อสร้างและติดตั้งสาธารณูปโภค และขอใช้ไฟฟ้าผ่านระบบออนไลน์ได้ รวมทั้งให้ปรับลดภาระของการวางเงินประกันที่มีวงเงินประกันสูงมากเพื่อแบ่งเบาภาระของผู้ใช้ไฟฟ้า
- ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน ให้ปรับข้อกำหนดในการขอเอกสารสำเนาหนังสือรับรองของบริษัทจากกระทรวงพาณิชย์ พร้อมดำเนินการเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อจดทะเบียนทรัพย์สิน คาดว่าจะสามารถเชื่อมโยงข้อมูลได้ภายในเดือนพฤษภาคม 2560 ซึ่งจะช่วยลดภาระในการเตรียมเอกสารให้กับประชาชนได้อย่างมาก
ซึ่งเมื่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการปรับปรุงการให้บริการของภาครัฐในแต่ละด้านแล้ว สำนักงาน ก.พ.ร. จะเป็นผู้ดำเนินการติดตามผลในภาพรวมต่อไป
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์และการประชาสัมพันธ์ / จัดทำ
รูปภาพ
IMG_2901_resize.JPG (143.73 kb)
|
IMG_2902_resize[1].JPG (130.12 kb)
|
IMG_2919_resize.JPG (126.33 kb)
|