ข่าวเด่น
สำนักงาน ก.พ.ร. จับมือธนาคารโลก เปิดมิติใหม่ของความร่วมมือระหว่างอาเซียนจัดอบรม ASEAN Executive Governance Program
เมื่อวันที่ 26 – 31 สิงหาคม 2556 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับธนาคารโลก จัดอบรม ASEAN Executive Governance Program ซึ่งเป็นหลักสูตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานภาครัฐของประเทศสมาชิกอาเซียน โดยมีผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานภาครัฐจากประเทศสมาชิก เข้าร่วมการประชุมทั้งสิ้นจำนวน 10 ประเทศ ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ไทยเวียดนาม และสาธารณรัฐสิงคโปร์ ณ ห้องประชุม Connection 1 โรงแรมอมารี วอเตอร์เกท
การประชุมในครั้งนี้ มีจุดเริ่มต้นจากการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ 12 เมื่อเดือนมกราคม 2550 ณ เซบู ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งได้มีข้อตกลงร่วมกันของประเทศสมาชิกอาเซียนให้จัดตั้งประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ขึ้นภายในปี ค.ศ. 2015 (พ.ศ. 2558) เพื่อเป็นการสนับสนุนการรวมตัวและความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนอย่างรอบด้าน ทั้งในด้านประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political Security Community: APSC) ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community: AEC) และประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community: ASCC) ซึ่งในการขับเคลื่อนการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนนั้น ประเทศสมาชิกอาเซียนได้มีการกำหนดแผนกลยุทธ์ที่ใช้เป็นแม่บทสำหรับการขับเคลื่อนขึ้น (Roadmap for ASEAN Community 2009-2015) โดยการส่งเสริมความร่วมมือในแต่ละด้านของประชาคมอาเซียนได้มีการวางพิมพ์เขียวที่เป็นต้นแบบในการขับเคลื่อนเพื่อให้การรวมตัวของประชาคมอาเซียนบรรลุเป้าประสงค์ที่ตั้งไว้ โดยเฉพาะพิมพ์เขียวแผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ในพิมพ์เขียวดังกล่าวได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการส่งเสริมสนับสนุนหลักธรรมาภิบาลการกำกับดูแลที่ดี (Promote Good Governance) นอกจากนี้ พิมพ์เขียวแผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน ยังได้ให้ความสำคัญของการสร้างเสริมพัฒนาขีดสมรรถภาพของระบบราชการ (Building Civil Service Capability) รวมทั้งส่งเสริมให้ภาครัฐสนับสนุน ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม (Promoting Corporate Social Responsibility) ซึ่งในการนี้ ประเทศสมาชิกอาเซียนจำเป็นต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างยิ่งยวดเพื่อที่จะสามารถดำเนินการตามแผนกลยุทธ์ดังกล่าวได้
ในส่วนของประเทศไทย ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดำเนินการเพื่อจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน จากมติในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2552 เพื่อกำหนดนโยบายและท่าทีของประเทศไทย ในการดำเนินการตามแผนงานการจัดตั้งประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน ซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับมอบหมายให้ดูแลรับผิดชอบในส่วนของการส่งเสริมธรรมาภิบาล (Promote Good Governance) และในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2553 ได้มีมติมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการตามมาตรการภายใต้แผนงานการจัดตั้งประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน เพื่อพัฒนาสมรรถภาพของระบบราชการ (Building Civil Service Capability) ส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม (Promoting Corporate Social Responsibility) พัฒนาสมรรถภาพของระบบราชการ โดยให้สนับสนุนการประสานงานในอาเซียนเพื่อให้ระบบราชการมีประสิทธิภาพ มีความรับผิดชอบต่อสาธารณชนและมีธรรมาภิบาล และเพิ่มและจัดตั้งกลไกเพื่อการบริการสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีมาตรฐานการบริการ การมีกลไกรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน (Citizens Feedback Procedures) และจัดระบบแสดงระดับผลสัมฤทธิ์ของการปฏิบัติงาน (Output-based Performance Rating Systems รวมถึงการส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม (Promoting Corporate Social Responsibility) โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสมรรถนะของระบบราชการให้เป็นระบบราชการที่มีประสิทธิภาพ โปร่งใส มีความรับผิดชอบและมีความน่าเชื่อถือ ผ่านมาตรการการส่งเสริมความร่วมมือและการมีส่วนร่วมระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
เพื่อเป็นการขับเคลื่อนการส่งเสริม สนับสนุนหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (Good Governance) และเป็นการเพิ่มขีดสมรรถนะในการให้บริการสาธารณะของภาครัฐในอาเซียน สำนักงาน ก.พ.ร. จึงได้จัดการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ (Knowledge Sharing) พร้อมเสริมสร้างเครือข่ายความร่วมมือของประเทศสมาชิกอาเซียน (Collaborative Relations) ผ่านการประชุมเชิงปฏิบัติการ The ASEAN Workshop on the New Era for the Public Sector Reform in ASEAN Community เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าเป็นก้าวแรกสำหรับภูมิภาคอาเซียน โดยในการประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์ และการเตรียมความพร้อมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพัฒนาระบบราชการ การพัฒนาระบบการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชน โดยมีประเด็นที่แต่ละประเทศให้ความสนใจร่วมกันคือ การพัฒนายกระดับการบริหารจัดการของภาครัฐที่ตั้งอยู่บนหลักธรรมาภิบาลเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การส่งเสริมความโปร่งใสในการปฏิบัติราชการ (Anti- Corruption) และที่สำคัญที่สุดคือ การพัฒนาระบบการให้บริการสาธารณะแก่ประชาชนโดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ ยังอาจกล่าวได้ว่า ความร่วมมือกันในครั้งนั้นประสบความสำเร็จอย่างสูงในการกระชับความสัมพันธ์ของหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบด้านการพัฒนาระบบราชการของประเทศสมาชิกอาเซียนให้มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
การจัดอบรมหลักสูตรธรรมาภิบาลสำหรับผู้บริหารระดับสูงในหน่วยงานภาครัฐของประเทศสมาชิกอาเซียน (ASEAN Executive Governance Program) ในครั้งนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ The ASEAN Workshop on the New Era for the Public Sector Reform in ASEAN Community ดังกล่าว ซึ่งเป็นการสนับสนุนผลักดันการดำเนินการตามกรอบแผนงานภายใต้ AESAN Blueprint ในด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาล ที่ได้มีการกำหนดมาตรการในการจัดเวทีแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ที่เป็นเลิศ (Best Practices) ด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และการพัฒนาสมรรถภาพระบบราชการระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน อันนำไปสู่การปฏิบัติงานของภาครัฐที่มีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล รวดเร็ว สนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกและเพิ่มศักยภาพในเชิงแข่งขันให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียน โดยสำนักงาน ก.พ.ร. และธนาคารโลกประจำประเทศไทยได้ร่วมกันพัฒนาหลักสูตรขึ้น เน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เป็นเลิศ และการแบ่งกลุ่มย่อยเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งศึกษาดูงาน ณ สถานที่ต้นแบบ ได้แก่ กรมการขนส่งทางบก เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ความสำเร็จด้านการพัฒนาคุณภาพงานบริการภาครัฐ และชุมชนคลองเขิน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นชุมชนตัวอย่างด้านการจัดการการพัฒนาชุมชนโดยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อเพิ่มขีดสมรรถนะแก่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ASEAN ให้เป็นผู้นำธรรมาภิบาลในการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์อย่างเหมาะสม สร้างความเข้าใจในเรื่องธรรมาภิบาลของอาเซียนและการนิยามธรรมาภิบาลอาเซียนร่วมกัน พัฒนา Service Delivery ภาครัฐภายใต้บริบทของธรรมาภิบาล เป็นการริเริ่มและผลักดันแผนธรรมาภิบาลอาเซียน 5 ปี ที่มุ่งเน้น Service Delivery ในช่วงปีแรก และการติดตามผลเพื่อพัฒนาในปีถัดไป
ผลสรุปโดยรวมจากการดำเนินงานการจัดอบรมหลักสูตร ASEAN Executive Governance Program คือ ได้มีการร่วมกันจัดทำความเข้าใจและข้อตกลงเกี่ยวกับนิยามความหมายของธรรมาภิบาลในอาเซียน ซึ่งประกอบด้วย หลักประสิทธิผล (Effectiveness) หลักประสิทธิภาพ (Efficiency) หลักการตอบสนอง (Responsiveness) หลักการตรวจสอบได้/มีภาระรับผิดชอบ (Accountability) หลักการมีส่วนร่วม (Participation) หลักนิติธรรม (Rule of Law) วิสัยทัศน์เชิงยุทธศาตร์ (Strategic Vision)
และจากการหารือร่วมกันของผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียนนำมาซึ่งประเด็นที่แต่ละประเทศอาเซียนให้ความสำคัญในการส่งเสริมธรรมาภิบาล อันประกอบด้วย การพัฒนารูปแบบการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ (Service Delivery) การบริหารความเสี่ยงและการภาวะวิกฤติ (Crisis and Disaster Management) การยกระดับขีดความสามารถของข้าราชการ (Capacity Building for Civil Servants) พัฒนาระบบการทำงานและการปฏิบัติงานภายในหน่วยงานภาครัฐ (Systems and Work Processes within an Agency) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ (Investment in Economic Infrastructure) การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางสังคม (Investment in Social Infrastructure) มีการร่วมกันวางแผนและระบุแนวทางความร่วมมือด้านการยกระดับการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐใน 2 – 3 ปีข้างหน้า โดยจะเรียนรู้และดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับ World Bank’s Public Expenditure Management Network in Asia (PEMNA)
กล่าวได้ว่าในปีนี้ ทุกประเทศได้ให้ความสำคัญกับประเด็นความร่วมมือด้านการพัฒนารูปแบบการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐ (Service Delivery) โดยจะมีการระบุแผนความร่วมมือด้านการส่งเสริมธรรมาภิบาลของประเทศสมาชิกอาเซียน ผ่านกิจกรรมที่จะดำเนินการร่วมกันในอนาคตอย่างต่อเนื่อง อันประกอบด้วย การเปิดช่องทางในการติดต่อสื่อสารระหว่าง ASEAN Pubs ผ่านโซเชียลมีเดีย (Website / Facebook) การประชุมผ่าน Video Conference โครงการแลกเปลี่ยนข้าราชการระหว่างประเทศสมาชิก ( Exchange program ) การฝึกปฏิบัติงานจริงในหน่วยงานราชการของประเทศในกลุ่มสมาชิกอาเซียน (On the job training) การอบรมผู้บริหารระดับสูงของประเทศสมาชิกอาเซียน (Executive Program) และท้ายสุดจะพยายามผลักดันให้เป็นประเด็นสำคัญทั้งในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน และระดับผู้นำสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียนภายในปี 2015
กลุ่มสื่อสารฯ สลธ. / ข่าว & ภาพ
วสุนธรา (สลธ.) / รายงาน
กลุ่มสื่อสารฯ / จัดทำ