สรุปผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 11 ก.ย. 50
ที่่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสำนักงาน ก.พ.ร.
การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 11 กันยายน 2550 ซึ่งมี พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหลังใหม่ ทำเนียบรัฐบาล ได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน 2 เรื่อง ดังนี้
เศรษฐกิจ
เรื่อง ขออนุมัติยุบเลิกองค์การฟอกหนังและองค์การแบตเตอรี่ และจัดตั้งเป็นหน่วยงานในกระทรวงกลาโหม |
คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 1 ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์) เป็นประธาน ดังนี้
1. อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การฟอกหนัง พ.ศ. .... และร่างพระราชกฤษฎีกายุบเลิกองค์การแบตเตอรี่ พ.ศ. .... รวม 2 ฉบับ ตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้
2. สำหรับในช่วงระยะเวลาชำระบัญชี อนุมัติให้ใช้ที่ดิน โรงงาน เครื่องจักร รวมทั้งทรัพย์สิน และอุปกรณ์ที่มีอยู่เดิมต่อไปได้ เพื่อให้สามารถดำเนินการผลิตได้อย่างต่อเนื่อง จนกว่ากระทรวงกลาโหม โดยกองทัพบกและสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม รับผิดชอบการดำเนินงานของโรงงานผลิตรองเท้าและเครื่องหนัง โรงงานแบตเตอรี่ทหาร
3. มอบให้ กระทรวงกลาโหม และ สำนักงาน ก.พ.ร. รับไปพิจารณาหารือร่วมกัน เกี่ยวกับแนวทางในการจัดตั้งโรงงานผลิตรองเท้าและเครื่องหนัง และโรงงานผลิตแบตเตอรี่ทหาร ตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 1 แล้วนำผลการพิจารณาเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 1 พิจารณาต่อไป
กระทรวงกลาโหมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า ควรยุบเลิกองค์การ และจัดตั้งเป็นหน่วยงานในกระทรวงกลาโหม เพื่อกระทรวงกลาโหมจะได้มีหน่วยงานสำหรับผลิตยุทธปัจจัยให้กองทัพโดยตรง โดยมีเหตุผลและความจำเป็น ดังนี้
1. องค์การฟอกหนัง เป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงกลาโหม ยังมีความจำเป็นที่ต้องมีโรงงานเพื่อผลิตรองเท้าและเครื่องหนังที่กำลังพลต้องใช้ ทั้งในยามปกติและยามสงคราม ได้แก่ รองเท้า รองเท้าเดินป่า ประมาณปีละ 170,000 คู่ นอกจากนี้ ยังต้องผลิตรองเท้าและเครื่องหนังเพื่อใช้ในส่วนราชการอื่น รัฐวิสาหกิจ และเอกชนด้วย ทั้งนี้ เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งเป็นการดำรงการผลิตตามขีดความสามารถที่มีอยู่เดิม
2. องค์การแบตเตอรี่ เป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกลาโหมเช่นกัน โดยที่ยุทโธปกรณ์ทางทหาร ได้แก่ รถถัง รถสายพานลำเลียงพล และยานพาหนะทางทหารอื่น ๆ มีความจำเป็นต้องใช้แบตเตอรี่ ซึ่งไม่สามารถจัดหาจากแหล่งผลิตอื่นได้ ประกอบกับยานพาหนะดังกล่าวต้องมีการปรับเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามอายุการใช้งานเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ด้วยเหตุผลในด้านความมั่นคง จึงมีความจำเป็นต้องมีโรงงานผลิตแบตเตอรี่ทหาร เพื่อผลิตแบตเตอรี่ดังกล่าวให้กระทรวงกลาโหม ส่วนราชการอื่น รัฐวิสาหกิจ และเอกชน และเพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมทั้งเป็นการดำรงการผลิตตามขีดความสามารถที่มีอยู่เดิม
สังคม
เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์การให้รางวัลจูงใจ ตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ |
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานความคืบหน้าการดำเนินการ กำหนดรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการให้รางวัลจูงใจส่วนราชการ ที่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ และการควบคุมจำนวนกำลังคนภาครัฐ โดยตรึงกรอบอัตราข้าราชการและพนักงานราชการในภาพรวม ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2550 ตามที่คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ สำนักงาน ก.พ. เสนอ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ที่มา
มติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2549 เห็นชอบในหลักการยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549 - 2551) และให้ส่วนราชการถือปฏิบัติ โดยองค์กรกลางบริหารงานบุคคล และหน่วยงานกลางประสานการทำงานร่วมกับ คณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) รวมทั้งให้มีการกำหนดรางวัลจูงใจในส่วนราชการที่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ โดยให้ คปร. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดรายละเอียดการดำเนินการที่ชัดเจน ตามที่ คปร. เสนอ
2. รายงานการดำเนินการ
2.1 สำนักงาน ก.พ. สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงาน ก.พ.ร. และกรมบัญชีกลาง ได้ร่วมกันจัดทำข้อเสนอ รายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีดำเนินการให้รางวัลจูงใจส่วนราชการ ที่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549 - 2551) แล้ว ประกอบด้วย วัตถุประสงค์ แนวความคิด ขอบเขตการดำเนินการ ประเภทของรางวัลจูงใจ และหลักเกณฑ์การให้รางวัล ซึ่งกำหนดจากผลการประเมินการดำเนินการตามมาตรการจูงใจ (ยุทธศาสตร์
1 - 5) ได้แก่
ยุทธศาสตร์ 1 : การทบทวนบทบาทภารกิจภาครัฐ
ยุทธศาสตร์ 2 : การปรับกระบวนการและวิธีการทำงานเพื่อการใช้ทรัพยากรบุคคลอย่างประหยัดคุ้มค่า
ยุทธศาสตร์ 3 : การบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลเพื่อให้ภาครัฐมีกำลังคนอย่างสมดุลและเหมาะสมกับภารกิจ
ยุทธศาสตร์ 4 : การพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้มีสมรรถนะที่เหมาะสมกับการทำงานตามบทบาทภารกิจอย่างมี
ประสิทธิภาพ
ยุทธศาสตร์ 5 : การเสริมสร้างแรงจูงใจเพื่อเพิ่มศักยภาพการทำงานของกำลังคนภาครัฐ
โดยส่วนราชการที่จะได้รับรางวัล จะต้องมีคะแนนจากผลการประเมินการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ 1 - 5 ดังกล่าว ตามกรอบการประเมินผลที่กำหนด และหรือมีผลลัพธ์สุดท้ายของการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ คือ อัตรากำลังที่ลดลงได้
2.2 ข้อเสนอดังกล่าว ได้นำเสนอในการประชุมคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) พิจารณาเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 ซึ่งที่ประชุมมีมติเห็นชอบในหลักการ แต่โดยที่การจะดำเนินการตามข้อเสนอดังกล่าวในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2551 ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านของการใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. .... อาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานตามแนวทางที่กำหนดในยุทธศาสตร์ 1 - 5 จึงเห็นควรชะลอการดำเนินการดังกล่าวไว้ก่อน
นอกจากนี้ เพื่อควบคุมจำนวนกำลังคนภาครัฐมิให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น เป็นภาระผูกพันงบประมาณค่าใช้จ่ายด้านบุคคลในระยะยาว คปร. ได้มีมติให้ตรึงกรอบอัตราข้าราชการในภาพรวม (ไม่รวมถึงข้าราชการทหาร ข้าราชการรัฐสภาสามัญ ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ และข้าราชการส่วนท้องถิ่น) ตามจำนวนตำแหน่งมีเงินที่มีอยู่ ณ วันที่ 1 ตุลาคม 2550 จำนวน 1.16 ล้านอัตรา รวมทั้งตรึงกรอบอัตราพนักงานราชการในภาพรวมให้มีจำนวนไม่เกิน 243,490 อัตราด้วย
2.3 มติคณะรัฐมนตรีเรื่อง ยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2549 - 2551) จะสิ้นสุดในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ซึ่ง คปร. จะต้องปรับปรุงและเพิ่มเติมแนวทางการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. .... พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. .... รวมทั้งแนวทางการพัฒนาระบบราชการ และการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลภาครัฐแนวใหม่ เพื่อจัดทำข้อเสนอเรื่องยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552 - 2555) เสนอคณะรัฐมนตรี โดยจะนำรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการให้รางวัลจูงใจส่วนราชการที่ดำเนินการตามยุทธศาสตร์ดังกล่าว มาปรับปรุงให้สอดคล้องกัน และรวมไว้ในข้อเสนอเรื่องยุทธศาสตร์การปรับขนาดกำลังคนภาครัฐ (พ.ศ. 2552 - 2555) เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในคราวเดียวกันต่อไป
************************
หมายเหตุ ผลสรุปข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรีนี้ เป็นเพียงการนำเสนอในเชิงข่าวเท่านั้น มิอาจถือเป็นมติของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ จึงขอให้ตรวจสอบมติ หรือขอรายละเอียดเพิ่มเติม จากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ณ ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หมายเลขโทรศัพท์ 0 2280 9000 ต่อ 436 หรือที่ http://www.cabinet.thaigov.go.th/
ข้อมูลจาก http://www.thaigov.go.th/