Logo of OPDC ก.พ.ร. FAQ สำหรับการค้นหา  |  ภาษาไทย   |   English   |   Mobile   |   Help   |  

หน้าหลัก หน้าหลัก | ติดต่อ | ผังเว็บไซต์ |  หน้าหลัก
Share แชร์ พิมพ์หน้านี้
หนังสือเวียน / มติ คณะรัฐมนตรี / มติคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2550 / มิถุนายน / วันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2550

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2550

มตคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2550
ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสำนักงาน ก.พ.ร.

           การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันอังคารที่ 5 มิถุนายน 2550    ซึ่งมี นายพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหลังใหม่ ทำเนียบรัฐบาล ได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของสำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน 4 เรื่อง ดังนี้

กฎหมาย

เรื่อง
ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .


         คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) เป็นประธาน ที่อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. . ที่ได้แก้ไขปรับปรุงแล้ว ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา โดยให้รับข้อสังเกตของส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปประกอบการพิจารณาด้วย แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป

         ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ พ.ศ. .... ซึ่งกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ได้พิจารณาปรับปรุงแก้ไขร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องแล้วนั้น ส่วนราชการเห็นชอบในหลักการ ที่จะให้มีการตรากฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ และได้แก้ไขสาระสำคัญ ดังนี้

         1. ให้มีสำนักงานส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ เป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ อยู่ในกำกับของนายกรัฐมนตรี เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนให้เป็นไปตามพระราชบัญญัตินี้ โดยให้โอนกิจการฯ ของศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาพลังแผ่นดินเชิงคุณธรรม ในสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) สำนักนายกรัฐมนตรี ไปเป็นของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติตามร่างพระราชบัญญัตินี้

         2. แก้ไขร่างมาตรา 4 ให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้รักษาการตามร่างพระราชบัญญัตินี้

         3. แก้ไขร่างมาตรา 10 เกี่ยวกับองค์ประกอบคณะกรรมการส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ โดยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นรองประธานกรรมการคนที่หนึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นรองประธานกรรมการคนที่สอง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นรองประธานกรรมการคนที่สาม และให้มีคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกินสิบสี่คน

         4. ร่างมาตรา 46 ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจหน้าที่กำกับดูแลการดำเนินกิจการของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรมแห่งชาติ  

เศรษฐกิจ

เรื่อง
การปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551

         คณะรัฐมนตรีพิจารณาการปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอแล้ว มีมติดังนี้

         1. เห็นชอบการกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,660,000 ล้านบาท โดยเป็นประมาณการรายได้จำนวน 1,495,000 ล้านบาท และดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุล จำนวน 165,000 ล้านบาท

         2. เห็นชอบการปรับปรุงวงเงินและรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ของกระทรวง ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ

         3. เห็นชอบให้สำนักงบประมาณนำข้อเสนอตามข้อ 1 และ 2 ไปจัดทำเป็นร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 และเอกสารประกอบ และให้เสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 พร้อมเอกสารประกอบดังกล่าว ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันอังคารที่ 19 มิถุนายน 2550 เพื่อนำเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป

         ทั้งนี้ สำนักงบประมาณได้จัดส่งร่างเบื้องต้นของร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องเร่งด่วน ตามนัยมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 ด้วยแล้ว

         สำนักงบประมาณชี้แจงว่า

         1. การปรับปรุงวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพิ่มเติม

              โดยที่สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีแนวโน้มชะลอตัว โดยเฉพาะความต้องการในการใช้จ่ายภาคเอกชนทั้งในรูปของการบริโภคอุปโภคของครัวเรือน และการลงทุนของภาคธุรกิจ ซึ่งหากสภาพการณ์ดังกล่าวล่วงเลยไป ในระยะยาวแล้วจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในอนาคต อาจก่อให้เกิดปัญหาการว่างงาน และขยายผลเป็นปัญหาสังคมได้ในอนาคต สำนักงบประมาณได้พิจารณาทบทวนความสอดคล้องเหมาะสมของวงเงินงบประมาณรายจ่ายและแนวโน้มเศรษฐกิจ ประกอบกับความจำเป็นในการดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล จึงเสนอการปรับปรุงวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 พิ่มเติมอีกจำนวน 25,000 ล้านบาท เป็นวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 1,660,000 ล้านบาท และปรับลดประมาณการรายได้ คงเหลือ 1,495,000 ล้านบาท ลดลงจากเดิม จำนวน 20,000 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณขาดดุล จำนวน 165,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 1.8 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศเบื้องต้น เพื่อนำไปจัดสรรให้รายการต่าง ๆ ดังนี้

              1.1 ค่าใช้จ่ายการปรับเงินค่าตอบแทนบุคลากรภาครัฐ จำนวน 17,000 ล้านบาท เพื่อปรับอัตราเงินเดือน สำหรับข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการครู ข้าราชการตุลาการ ข้าราชการอัยการ ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐอื่น ๆ รวมทั้งเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว และเงินช่วยเหลือการครองชีพข้าราชการบำนาญ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2551

              1.2 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัด จำนวน 5,000 ล้านบาท

              1.3 ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 3,000 ล้านบาท

         2. การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551

              2.1 กระทรวงต่าง ๆ ได้ขอปรับปรุงงบประมาณภายในกรอบวงเงินกระทรวง จำนวน 2,672.4 ล้านบาท สำนักงบประมาณพิจารณาตามแนวทางการปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2550 แล้ว เห็นสมควรให้มีการปรับปรุงภายในกรอบวงเงินกระทรวง 8 กระทรวง จำนวน 2,272.5 ล้านบาท

              2.2 เนื่องจากกระทรวงต่าง ๆ เสนอขอเพิ่มวงเงินงบประมาณนอกกรอบวงเงินของกระทรวง รวมจำนวน 103,220.4 ล้านบาท ซึ่งพิจารณาแล้ว เห็นสมควรพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อให้ส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และหน่วยงานอื่นของรัฐ ในการดำเนินนโยบายสำคัญของรัฐบาล จำนวน 7,450.1 ล้านบาท โดยเพิ่มเติมให้รายการที่สำคัญ ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ค่าใช้จ่ายรายหัว) การก่อสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม เงินเพิ่มทุนรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน การจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่สำคัญเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่าง ๆ เป็นต้น โดยปรับลดจากงบประมาณ งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 7,450.1 ล้านบาท คงเหลือตั้งงบประมาณในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 40,001.9 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 ของวงเงินงบประมาณ ใกล้เคียงกับสัดส่วนในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550

                    ทั้งนี้ หากกระทรวงต่าง ๆ พิจารณาเห็นว่ามีโครงการสำคัญที่จำเป็นต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ก็ขอให้เสนอขอเพิ่มในชั้นการพิจารณาของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามความจำเป็นตามขั้นตอนต่อไป

              2.3 การปรับปรุงรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ภายในกรอบวงเงินของกระทรวง ตามนัยข้อ 2.1 และ เพิ่มขึ้นนอกกรอบวงเงินของกระทรวงตามนัยข้อ 2.2 จะมีผลทำให้มีวงเงินผูกพันงบประมาณของกระทรวงต่าง ๆ เพิ่มขึ้นทั้งสิ้น จำนวน 87,122.6 ล้านบาท โดยเป็นงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 1,000.2 ล้านบาท และผูกพันวงเงินงบประมาณรายจ่ายในปี 2552 2581 อีกจำนวน 86,122.4 ล้านบาท

         3. ผลจากการปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551

              การปรับปรุงงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ตามนัยข้อ 1 และ 2 ในวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำนวน 1,660,000 ล้านบาท สรุปผลได้ ดังนี้

              3.1 การจัดสรรในเชิงมิติรายจ่าย

 
จำนวน (ล้านบาท)
สัดส่วน (ร้อยละ)
วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น
1,660,000.0
 
100.0
- รายจ่ายประจำขั้นต่ำที่จำเป็น
639,873.4
 
38.5
 
- รายจ่ายชำระหนี้
173,629.5
 
10.5
 
- เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น
40,001.9
 
2.4
 
- เงินอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
147,840.0
 
8.9
 
- รายจ่ายตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณปี 2551 (เมื่อหักรายจ่าย 4 รายการดังกล่าวข้างต้น)
658,655.2
 
39.7
 

 

 

 

 

 

              3.2 โครงสร้างงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ประกอบด้วย
                      - รายจ่ายประจำ จำนวน 1,214,056.1 ล้านบาท  หรือ ร้อยละ 73.1  ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย  เปรียบเทียบกับร้อยละ 72.5 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550
                      - รายจ่ายลงทุน จำนวน 400,168 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 24.1 ของวงเงินงบประมาณรายจ่าย เปรียบเทียบกับร้อยละ 24.0 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550
                      - รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ จำนวน 45,775.9 ล้านบาท หรือ ร้อยละ 2.8 ของวงเงินงบประมาณ รายจ่าย เปรียบเทียบกับร้อยละ 3.5 ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2550

              3.3 งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 จำแนกตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ

ยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ  
งบประมาณ
จำนวน
ร้อยละ
รวมทั้งสิ้น
1,660,000.0
100.0

1. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดี มีคุณธรรมนำความรู้
    และสามารถปรับตัวสู่สังคมฐานความรู้

563,261.9
33.9
2. ยุทธศาสตร์การแก้ไขความยากจน กระจายความเจริญสู่ชนบท
    และลดช่องว่างของรายได้
59,833.1
3.6
3. ยุทธศาสตร์การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
    เพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน
182,873.3
11.0
4. ยุทธศาสตร์การดูแลรักษาทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม
    และการใช้ประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคม
50,744.3
3.1
5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเมืองและการบริหารจัดการภาครัฐ
    ที่มีประสิทธิภาพ และ เป็นธรรม
409,965.1
24.7
6. ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของชาติและความสงบสุขของสังคม
219,692.8
13.2
7. รายการบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ
173,629.5
10.5


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


 

              3.4 สัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาล

                     สำหรับการกำหนดสัดส่วนรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลนั้น เดิมได้กำหนดไว้ร้อยละ 25.20 ของรายได้รัฐบาลสุทธิ หรือคิดเป็นจำนวน 381,780 ล้านบาท เมื่อมีการปรับปรุงประมาณการรายได้สุทธิของรัฐบาลในปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 ลดลงจากเดิม จำนวน 1,515,000 ล้านบาท คงเหลือ จำนวน 1,495,000 ล้านบาท หรือลดลง 20,000 ล้านบาท นั้น พิจารณาแล้วยังเห็นสมควรกำหนดสัดส่วนรายได้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่อรายได้สุทธิของรัฐบาลเป็นร้อยละ 25.20 เท่าเดิม หรือคิดเป็นวงเงินจำนวน 376,740 ล้านบาท ยังคงกำหนดจำนวนงบประมาณและเงินอุดหนุนไว้เท่ากับข้อเสนอปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เดิม (ข้อเสนอวันที่ 22 พฤษภาคม 2550) คือ 147,840 ล้านบาท แล้วคงจำนวนประมาณการรายได้ที่ท้องถิ่นจัดเก็บเอง จำนวน 35,223.6 ล้านบาท เท่ากับข้อเสนอเดิมเช่นกัน และปรับลดในส่วนของรายได้ที่รัฐบาลจัดเก็บให้และแบ่งให้ลง จำนวน 5,040 ล้านบาท คงเหลือเป็นเงิน จำนวน 193,676.4 ล้านบาท

                     ทั้งนี้ การจัดสรรเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดังกล่าว เห็นควรให้คณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นพิจารณาปรับแนวทาง และหลักเกณฑ์การจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนเฉพาะกิจจำนวนหนึ่ง เพื่อดำเนินโครงการที่มีความจำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการ หรือโครงการที่มีวงเงินงบประมาณสูง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่มีศักยภาพในด้านรายได้ของท้องถิ่น ที่จะดำเนินการได้เองในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาพื้นที่ให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้สอดคล้องกับมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2550 

เศรษฐกิจ

เรื่อง
เรื่อง การปรับปรุงค่าตอบแทนภาคราชการ (ฉบับที่) พ.ศ. ....

         คณะรัฐมนตรีเห็นชอบแนวทางการปรับค่าตอบแทนภาคราชการ และอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาการปรับอัตราเงินเดือนของข้าราชการ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้ ตามที่สำนักงาน ก.พ. เสนอ

         แนวทางการปรับปรุงค่าตอบแทนภาคราชการมีดังนี้

         1. ในระยะเร่งด่วน

             1.1 ปรับอัตราเงินเดือนเป็นร้อยละเท่ากันทุกตำแหน่งในอัตราร้อยละ 4 สำหรับข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการทหาร ข้าราชการตำรวจ ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ข้าราชการตุลาการ ศาลยุติธรรม ตุลาการศาลปกครอง ข้าราชการอัยการ ข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ข้าราชการการเมือง ลูกจ้างประจำ พนักงานราชการ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่น ๆ ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 (12 เดือน)

             1.2 ปรับอัตราเงินเดือนขั้นสูงและขั้นต่ำของผู้มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ซึ่งจะมีผลให้รายได้ขั้นสูงของผู้มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวปรับเพิ่มเป็น 11,000 และรายได้ขั้นต่ำปรับเพิ่มเป็น 7,700 บาท

             1.3 ปรับเงินช่วยเหลือการครองชีพข้าราชการบำนาญ ในอัตราร้อยละ 4 เช่นเดียวกัน

             1.4 ประมาณการงบประมาณที่ต้องใช้ในการนี้ 17,000 ล้านบาท

             การพิจารณาปรับบัญชีอัตราเงินเดือนและเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวตามขั้นตอนนี้ สามารถดำเนินการโดยคณะรัฐมนตรีพิจารณามีมติอนุมัติ และตราเป็นพระราชกฤษฎีกา และกำหนดระเบียบเพื่อใช้บังคับต่อไป

         2. ในระยะยาว ให้พิจารณาปรับโครงสร้างค่าตอบแทนภาคราชการ เพื่อลดปัญหาความเหลื่อมล้ำของค่าตอบแทนของข้าราชการประเภทต่าง ๆ โดยกำหนดอัตราเงินเดือนข้าราชการให้แตกต่างกันตามลักษณะงาน และระดับตำแหน่งอย่างเหมาะสมเป็นธรรม รวมทั้งปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการให้ใกล้เคียงกับอัตราเงินเดือนของภาคเอกชนในตลาดแรงงาน โดยมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. ศึกษาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะต่อไป 

เศรษฐกิจ

เรื่อง
โครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด

         คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการให้มีการดำเนินการตามมาตรการปรับปรุงอัตรากำลังของรัฐ โดยหากหน่วยงานใดพิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวแล้ว ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานโดยรวมของส่วนราชการ และมีงบประมาณของส่วนราชการรองรับ ให้พิจารณาดำเนินการได้ โดยให้หน่วยงานจัดทำรายละเอียดข้อเสนอมาตรการเสนอคณะกรรมการกำหนดเป้าหมายและนโยบายกำลังคนภาครัฐ (คปร.) พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนดำเนินการต่อไป ตามมติ ก.พ. ครั้งที่ 4/2550 วันที่ 26 เมษายน 2550 ตามที่สำนักงาน ก.พ.เสนอ

         สำหรับกรณีโครงการเกษียณอายุราชการของกระทรวงกลาโหม ให้กระทรวงกลาโหมพิจารณาดำเนินการตามมติ ก.พ. ครั้งที่ 4/2550 วันที่ 26 เมษายน 2550 ตามที่สำนักงาน ก.พ.เสนอ ต่อไป

************************

หมายเหตุ  ผลสรุปข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรีนี้ เป็นเพียงการนำเสนอในเชิงข่าวเท่านั้น มิอาจถือเป็นมติของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ จึงขอให้ตรวจสอบมติและขอรายละเอียดเพิ่มเติม จากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ณ สำนักบริหารการประชุมคณะรัฐมนตรี โทร 0 2280 9000 ต่อ 331 - 333


ข้อมูลจาก  http://www.thaigov.go.th/

 

 


เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 14 มิถุนายน 2550 15:04:06 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 14 มิถุนายน 2550 15:04:06
หนังสือเวียน
    ลิงค์     |     สมาชิกเครือข่าย     |     RSS feed     |     คำถามที่พบบ่อย            

เกี่ยวกับ

กฏหมายและระเบียบ

หนังสือเวียน

ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ

ศูนย์ความรู้

ประชาสัมพันธ์

W3C   Facebook Facebook สำนักงาน ก.พ.ร.   PMQA Channel  ฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ  ipv6 ready  www.info.go.th  การปฏิเสธความรับผิดชอบ |  Webmail| Intranet สำหรับข้าราชการ | ผังเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ 

Slocan

สงวนลิขสิทธิ์โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

59/1 ถนนพิษณุโลก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร. 02 356 9999 โทรสาร 02 281 7882 สายด่วน 1785 e-mail: administrator@opdc.go.th