2. คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 
              2.1 องค์ประกอบ
|  | 2.1.1 | รองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม) | ประธานกรรมการ | 
|  | 2.1.2 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ | รองประธานกรรมการ คนที่ 1  | 
|  | 2.1.3 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย | รองประธานกรรมการ คนที่ 2  | 
|  | 2.1.4 | รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์)
 | กรรมการ | 
|  | 2.1.5 | รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์)
 | กรรมการ | 
|  | 2.1.6 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม | กรรมการ | 
|  | 2.1.7 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา  | กรรมการ | 
|  | 2.1.8 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | กรรมการ | 
|  | 2.1.9 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน | กรรมการ | 
|  | 2.1.10 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม | กรรมการ | 
|  | 2.1.11 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | กรรมการ | 
|  | 2.1.12 | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม | กรรมการ | 
|  | 2.1.13 | รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
 | กรรมการ | 
|  | 2.1.14 | ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ | กรรมการ | 
|  | 2.1.15 | เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
 | กรรมการ | 
|  | 2.1.16 | เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา | กรรมการ | 
|  | 2.1.17 | เลขาธิการคณะรัฐมนตรี | กรรมการและเลขานุการ | 
|  | 2.1.18 | รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กรรมการ และผู้ช่วยเลขานุการฝ่ายการเมืองประจำรองนายกรัฐมนตรี (นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม)
 | กรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ | 
              2.2 อำนาจหน้าที่
                      2.2.1 พิจารณากลั่นกรองเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ราชบัณฑิตยสถาน และองค์กรอิสระต่าง ๆ ตลอดจนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมาย
                      2.2.2 มีอำนาจเชิญรัฐมนตรี และหน่วยงานอื่น ๆ มาชี้แจง
              2.3 กลไกการปฏิบัติงาน
                      2.3.1 ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจัดส่งเรื่องสำคัญในปัญหาตามที่กระทรวง ทบวง กรม หรือหน่วยงานของรัฐ ตามข้อ 2.2.1 เสนอมาเพื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาหรือ เรื่องที่นายกรัฐมนตรีหรือคณะรัฐมนตรีมอบหมายให้พิจารณา พร้อมทั้งความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเอกสารประกอบให้คณะกรรมการดังกล่าว พิจารณากลั่นกรองก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรี
                      2.3.2 เรื่องสำคัญตามคำสั่งนี้ซึ่งจะต้องเสนอคณะกรรมการหมายถึงเรื่องที่มีลักษณะตามข้อ 1.3.2 ข้างต้น 2.3.4 ให้นำข้อ 1.3.3  ข้อ 1.3.6 ข้างต้น มาใช้บังคับด้วย
         3. ให้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ อย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง เว้นแต่ไม่มีเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ
              ในกรณีที่ประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้รองประธานกรรมการกลั่นกรองฯ เป็นผู้นัดประชุมและปฏิบัติหน้าที่เป็นประธานกรรมการกลั่นกรอง ฯ แทน เว้นแต่ในกรณีที่รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม ให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคราวนั้น แทนรองประธานกรรมการกลั่นกรองฯ หากรองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมหลายคน ให้รองนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีผู้อยู่ในลำดับต้นของคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 69/2550 ลงวันที่ 12 มีนาคม 2550 เรื่อง มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนกัน 
         4. เมื่อคณะกรรมการกลั่นกรองฯ มีมติเป็นประการใด ให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบหรือพิจารณา แล้วแต่กรณี เว้นแต่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะเห็นควรดำเนินการเป็นประการอื่น ก็ให้ดำเนินการตามมตินั้น
         5. ในกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวง ซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ไม่อาจเข้าประชุมได้ ให้มอบหมายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเข้าประชุมแทน และหากจำเป็นอาจพิจารณามอบหมายให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบและรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่คณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะพิจารณาเป็นอย่างดี เป็นผู้เข้าประชุมแทน
ในกรณีที่ปลัดกระทรวง เลขาธิการ ผู้อำนวยการหรือตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นซึ่งเทียบเท่าปลัดกระทรวง ซึ่งเป็นกรรมการในคณะกรรมการกลั่นกรอง ฯ ไม่อาจเข้าประชุมได้ ให้มอบหมายรองปลัดกระทรวง รองเลขาธิการ หรือรองผู้อำนวยการเป็นผู้เข้าประชุมแทน
         6. ในกรณีเห็นสมควร คณะกรรมการกลั่นกรองฯ ตามคำสั่งนี้จะจัดให้มีการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ หลายคณะร่วมกัน เพื่อพิจารณาปัญหาคาบเกี่ยวให้เกิดความรอบคอบ ชัดเจน และมีการประสานสอดคล้องกันก็ได้
         7. เรื่องใดที่ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ คณะใดเห็นว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้อง หรืออยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะอื่นที่ไม่ใช่คณะของตนให้ประธานกรรมการกลั่นกรองฯ คณะนั้นมีอำนาจสั่งการให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ตามที่เห็นสมควรเป็นผู้พิจารณาได้
         8. ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี อำนวยความสะดวกในการประชุมคณะกรรมการทุกคณะตามคำสั่งนี้ และมีอำนาจออกระเบียบหรือคำสั่งที่จำเป็น เพื่อให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายเลขานุการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย
         9. ในกรณีที่มีปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งนี้ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีอาจขอให้นายกรัฐมนตรี หรือที่ประชุมร่วมรองนายกรัฐมนตรีวินิจฉัยหรือสั่งการตามที่เห็นสมควรได้
         บทเฉพาะกาล
         10. ในระยะเริ่มแรก ให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานกับรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ทั้ง 2 คณะ เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องที่อยู่ระหว่างการจัดเข้าระเบียบวาระฯ ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ทั้งหมด ให้เหมาะสมสอดคล้องกับกรอบอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่ได้จัดตั้งขึ้นใหม่ด้วย
         ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2550 เป็นต้นไป
กฎหมาย
เรื่อง
ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. ....
 
         คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 3 ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (นายวิจิตร ศรีสอ้าน) เป็นประธาน ที่อนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา  โดยให้รับข้อสังเกตตามประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ และความเห็นของกระทรวงการคลังกระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงาน ก.พ.ร. และคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ไปประกอบการพิจาณาปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว แล้วให้ส่งคณะกรรมการประสานงาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาก่อนนำเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาต่อไป
         ร่างพระราชบัญญัติพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. .... มีสาระสำคัญเป็นการกำหนดให้รัฐดำเนินการพัฒนาเด็กและเยาวชน โดยส่งเสริมให้ภาคต่าง ๆ เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาทั้งในระดับชาติและระดับจังหวัด ดังนี้
         1. ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2521 (ร่างมาตรา 3)
         2. กำหนดคำนิยาม เด็ก หมายถึง บุคคลที่มีอายุต่ำกว่าสิบแปดปี เยาวชน หมายถึง บุคคลที่มีอายุตั้งแต่สิบแปดปีถึงยี่สิบห้าปีบริบูรณ์ ฯลฯ (ร่างมาตรา 4)
         3. กำหนดให้เด็กและเยาวชนทุกคนมีสิทธิได้รับการพัฒนา โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรม (ร่างมาตรา 7)
         4. กำหนดให้บิดามารดา หรือผู้ปกครองต้องให้การพัฒนาเด็กและเยาวชนที่อยู่ในความดูแลของตนให้เหมาะสมแก่ฐานะ (ร่างมาตรา 8)
         5. กำหนดให้สถาบันครอบครัว สถาบันศาสนา สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน ชุมชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีส่วนในการพัฒนาเด็กและเยาวชน (ร่างมาตรา 9)
         6. กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดสรรงบประมาณ เพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ (ร่างมาตรา 11)
         7. กำหนดองค์ประกอบ คณะกรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน 
รัฐมนตรีว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นรองประธาน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 14 คน และผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ เป็นเลขานุการ โดยการแต่งตั้งกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิให้แต่งตั้งจากองค์กรเอกชนที่มีความรู้ด้านเด็กและเยาวชนอย่างน้อยกึ่งหนึ่ง (ร่างมาตรา 12)
         8. กำหนดอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ร่างมาตรา 13)
         9. กำหนดให้หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องมีอำนาจดำเนินการตามหน้าที่ เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ (ร่างมาตรา 16)
         10. กำหนดให้มีสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติทำหน้าที่พัฒนาเด็กและเยาวชน โดยให้มีผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการฯ เป็นผู้บังคับบัญชา (ร่างมาตรา 25 และร่างมาตรา 26)
         11. กำหนดให้มีสภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร และสภาเด็กและเยาวชนจังหวัด โดยให้มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุนและประสานงาน (ร่างมาตรา 27 ร่างมาตรา 29) 
         12. กำหนดให้องค์กรเอกชนที่มีวัตถุประสงค์หรือผลงานเกี่ยวกับการพัฒนาเด็กและเยาวชน 
มีสิทธิขอจดทะเบียนเป็นองค์กรเอกชนด้านพัฒนาเด็กและเยาวชน (ร่างมาตรา 32)
         13. กำหนดให้องค์กรที่จดทะเบียนเป็นองค์กรเอกชนด้านการพัฒนาเด็กและเยาวชน อาจได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐ
         14. กำหนดให้รัฐมนตรีมีอำนาจเพิกถอน หรือระงับความช่วยเหลือที่ให้แก่องค์กรเอกชนที่ดำเนินการ โดยก่อความวุ่นวายหรือขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดี (ร่างมาตรา 36)
         15. กำหนดให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจัดทำแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนในระดับท้องถิ่น ให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเด็กและเยาวชนแห่งชาติ และออกข้อบัญญัติหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามแผน โดยให้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการจัดทำแผน โดยคำนึงหลักการและแนวทางการมีส่วนร่วมของประชาชนในท้องถิ่น (ร่างมาตรา 38 และร่างมาตรา 39)
         16. กำหนดให้คณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมและประสานงานเยาวชนแห่งชาติ พ.ศ. 2521 ปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามพระราชบัญญัตินี้ ภายในระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน (ร่างมาตรา 40)
หมายเหตุ  ผลสรุปข่าวการประชุมคณะรัฐมนตรีนี้ เป็นเพียงการนำเสนอในเชิงข่าวเท่านั้น มิอาจถือเป็นมติของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ จึงขอให้ตรวจสอบมติและขอรายละเอียดเพิ่มเติม จากสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ณ สำนักบริหารการประชุมคณะรัฐมนตรี โทร 0 2280 9000 ต่อ 331 - 333 
 
 
	
	
	
  
 
            
						
            เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 10 เมษายน 2550 13:23:19 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 10 เมษายน 2550 13:23:19