การปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทยตามรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business ของธนาคารโลก

การปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
ในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย
ตามรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business ของธนาคารโลก

 
           รายงาน ผลการวิจัยเรื่อง การจัดอันดับความยาก  - ง่าย ในการเข้าไปประกอบธุรกิจ  Doing Business ของธนาคารโลกในปี 2013 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 18 ของโลก จาก 185 ประเทศ เป็นอันดับที่ 3 ในอาเซียนรองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย

           รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว   โดยนายกรัฐมนตรี  นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร   ได้มอบหมายให้สำนักงาน ก.พ.ร. ศึกษาวิเคราะห์ และจัดทำแผนการปรับปรุงบริการรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business ของธนาคารโลก เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  รับไปดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ให้เป็นผลสำเร็จ และอันดับของประเทศดีขึ้น เป็นการกระตุ้นกลุ่มทุนจากต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในไทยได้มากขึ้น

           ดังนั้น เมื่อวันที่  5 มีนาคม  2556 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. จัดประชุมเรื่อง   การปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย   ตามรายงานผลการวิจัยเรื่อง  Doing Business ของธนาคารโลก ณ ห้องสาธร โรงแรมอนันตรา  โดยได้รับเกียรติจาก นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ  กรรมการ ก.พ.ร. และ ประธาน อ.ก.พ.ร. เฉพาะกิจ เกี่ยวกับการยกระดับคุณภาพมาตรฐานและลดขั้นตอนระยะเวลาการปฏิบัติราชการ  เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของประชาชน เป็นประธานการประชุม    พร้อมด้วย นายชัยยุทธ กมลศิริกุล  ผู้อำนวยการสำนักบริหารการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม   นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบราชการ   ดร.กิริฎา เภาวิจิตร นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส ธนาคารโลก ประจำประเทศไทย   และ ผศ.ดร.วิพุธ อ่องสกุล ที่ปรึกษาฯ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ 


           โดย เป็นการจัดประชุมชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับผลสำรวจของธนาคารโลก  และผลการดำเนินการปรับปรุงบริการของหน่วยงานภาครัฐกับกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถาม ของธนาคารโลก   และรับฟังข้อเสนอแนะกับที่ปรึกษาด้านกฎหมาย  (Law Firms) ที่ดูแลรับผิดชอบทางกฎหมาย  ตั้งแต่เรื่องการจัดตั้งให้แก่ผู้ประกอบการที่ลงทุนธุรกิจในประเทศไทย   และที่เกี่ยวเนื่องกับตัวชี้วัดอื่น โดย Law Firms รายงานว่า ในการยื่นขอจดทะเบียนเป็นผู้ประกอบธุรกิจใหม่  หรือเรื่องที่เกี่ยวข้องกับระบบภาษี  ต้องใช้ระยะเวลานานในการจัดเตรียมเอกสารเพื่อดำเนินการติดต่อกับส่วนราชการ  ทำให้ประเทศไทยมีขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการนานเกินไป  รวมถึงข้อเสนอแนะและรายละเอียดอื่นๆ


           และเมื่อวันที่  14 มีนาคม  2556  สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดการประชุมเพื่อร่วมพิจารณาแนวทางการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ ตามรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business ของธนาคารโลก ณ ห้องประชุม ก.พ.ร. ชั้น 5 สำนักงาน ก.พ.ร. โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม ซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร. มีข้อเสนอแนวทางการปรับปรุงบริการด้านต่างๆ ทั้ง 10 ด้าน ได้แก่ 

            ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ 
            ด้านการขออนุญาตก่อสร้างและขอใช้ไฟฟ้า 
            ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน 
            ด้านการได้รับสินเชื่อ 
            ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน 
            ด้านการชำระภาษี 
            ด้านการค้าระหว่างประเทศ 
            ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง 
            ด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย

 

           โดย หน่วยงานที่รับผิดชอบในแต่ละด้าน ได้นำเสนอการปรับปรุงเป็นแนวทางการดำเนินการระยะสั้น  (Quick win) และแนวทางดำเนินการระยะยาว  ซึ่งส่วนใหญ่มีแผนการปรับปรุงที่มุ่งเน้นการพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์ และการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบออนไลน์   ทั้งนี้  ส่วนราชการต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น พร้อมทั้งข้อเสนอแนะอื่นๆที่เป็นประโยชน์  โดยสำนักงาน ก.พ.ร. จะนำข้อสรุปดังกล่าว นำเสนอคณะทำงานกำกับการบริหารนโยบายเศรษฐกิจเพื่อพิจารณาต่อไป

 

 

 

---