เปิดตัวโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) 
รุ่นที่ 7   มีผู้สนใจเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
 
 
 
           สถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี สำนักงาน ก.พ.ร. จัดงานเปิดตัวโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) รุ่นที่ 7  เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ณ ห้องจามจุรี บอลรูม โรงแรมปทุมวัน ปริ้นเซส โดยมี นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นประธานกล่าวเปิดงาน ภายในงานมีการแนะนำหลักสูตรโครงการโดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา  และ การเสวนาโดย  ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ พร้อมผู้แทนนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่หลายรุ่น อีกทั้งยังได้รับเกียรติจาก  นายไพโรจน์ พรหมสาส์น และ นายทรงศักดิ์ วงศ์ภูมิวัฒน์ กรรมการ ก.พ.ร. และผู้ที่สนใจในโครงการฯ เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก 
 
 
           นายพงษ์อาจ ตรีกิจวัฒนากุล รอง
เลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวถึงที่มาของโครงการว่า สืบเนื่องจากปี พ.ศ. 2545 
ได้มีการปฏิรูประบบราชการครั้งสำคัญ  
โดยนำหลักธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีมาใช้ในระบบราชการ  
มีการปรับโครงสร้าง กระทรวง ทบวง กรม  มีการทำงานแบบเชิงยุทธศาสตร์  
การทำตัวชี้วัด  
ซึ่งการพัฒนาระบบราชการจำเป็นต้องอาศัยเวลาและสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง  คือ 
ต้องสรรหาคนเก่ง คนดี เข้าระบบราชการให้มากขึ้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 และ 
พ.ศ. 2548 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการตามที่ สำนักงาน ก.พ.ร. 
เสนอในเรื่องโครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) 
ที่ต้องการสรรหาคนเก่ง มีความรู้ความสามารถเข้าสู่ระบบราชการ  
แล้วพัฒนาให้เป็นนักคิดที่มีวิสัยทัศน์ นักวางแผน นักปฏิบัติ  
และนำนวัตกรรมใหม่ ๆ   
มาปรับปรุงการทำงานเพื่อไปพัฒนาองค์กรที่ตนเองสังกัดต่อไป
 
           สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ดำเนินการโครงการ นปร. มาตั้งแต่ปี 2548 
รวมทั้งหมด 6 รุ่น โดยมี นปร. จำนวน 4 
รุ่นไปปฏิบัติราชการในหน่วยงานที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์แล้ว ส่วนอีก 2 
รุ่น ได้แก่ รุ่นที่ 5 
กำลังปฏิบัติราชการในต่างประเทศภายใต้การสอนงานของท่านทูตประจำประเทศต่างๆ 
และ รุ่นที่ 6 กำลังปฏิบัติราชการในจังหวัดต่าง ๆ 
ภายใต้การสอนงานของผู้ว่าราชการจังหวัด รวมแล้วปัจจุบันมี นปร. จำนวนประมาณ
 200 กว่าคน ทั้งนี้ เมื่อเข้าร่วมโครงการ นปร. แล้ว 
จะได้เรียนรู้งานทั้งด้านวิชาการ 
และการปฏิบัติงานกับผู้บริหารภาครัฐและเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ 
รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 22 เดือน รุ่นที่กำลังเปิดรับสมัคร คือ รุ่นที่ 7 
เปิดรับสมัครตั้งแต่วันที่ 26 พฤศจิกายน 2555 จนถึงวันที่ 10 มกราคม 2556 
ท้ายสุดนี้ ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมฟังและเป็นส่วนหนึ่งในการสรรหาคนเก่ง 
คนดี  มาเข้ารับราชการเพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติและประชาชนต่อไป 
นายพงษ์อาจ กล่าว
 
 
           ต่อจากนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา ผู้
อำนวยการหลักสูตรนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่  
กล่าวแนะนำหลักสูตรของโครงการ นปร. ว่า 
โครงการนี้เกิดจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม  2547 
ให้มีโครงการเพื่อสรรหาและดึงดูดคนที่มีขีดสมรรถนะสูงเข้ามารับราชการ  
เพราะระบบราชการต้องการคนที่เป็นนักคิดที่มีวิสัยทัศน์  
เป็นนักวางแผนและนักพัฒนา 
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในระบบราชการที่เป็นหลักสำคัญในการพัฒนาประเทศ    
จึงเกิดโครงการนี้เพื่อเป็นช่องทางใหม่ในการดึงดูดบุคคลผู้มีความรู้ความ
สามารถสูง เข้าสู่ระบบราชการ  แล้วพัฒนาผู้เข้าร่วมโครงการฯ 
 ให้เป็นข้าราชการที่เก่งและดี  เป็นนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ 
ที่มีสมรรถนะครบครัน  
รวมทั้งให้มีเวทีในการรวบรวมและถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับ
การบริหารภาครัฐ  ระหว่างผู้บริหาร  วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิ 
และนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่  
ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่มีลักษณะคล้ายโครงการ AENA 
ซึ่งเป็นโรงเรียนสำหรับฝึกหัดวิชาข้าราชการพลเรือนของประเทศฝรั่งเศส และ 
The Administrative Service ของประเทศสิงคโปร์ 
 
           โครงการฯ จะรับสมัครกลุ่มบุคคล 3 กลุ่ม ประกอบด้วย  1) 
กลุ่มผู้เพิ่งสำเร็จการศึกษา  2) กลุ่มบุคคลภายนอกจากภาคเอกชน 
หน่วยงานหรือองค์การระหว่างประเทศ 
โดยจะนับอายุงานที่ปฏิบัติงานในภาคเอกชนมาเป็นอายุราชการ  3) 
กลุ่มข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐประเภทต่าง ๆ  
เมื่อสอบผ่านเข้าร่วมโครงการจะได้รับการบรรจุเป็นนักพัฒนาระบบราชการสังของสำนักงาน ก.พ.ร. ทันที โดยต้องจบการศึกษาระดับปริญญาโทขึ้นไป 
ไม่จำกัดสาขาที่จบปริญญาโท อายุไม่เกิน 30 ปี ระดับปริญญาเอก อายุไม่เกิน 
35 ปี
 
           ในการทดสอบมี 3 ขั้นตอน 
จัดโดยศูนย์ทดสอบทางวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขั้นตอนที่ 1 
เป็นการทดสอบความรู้พื้นฐาน ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และความถนัดทางเชาวน์ปัญญา 
ขั้นตอนที่ 2 ทดสอบข้อเขียนและทดสอบสภาวะจิตใจและอารมณ์ 
เพื่อวัดความรู้ความสามารถในการวิเคราะห์ และความสนใจในเหตุการณ์บ้านเมือง 
ขั้นตอนที่ 3 การประเมินความเหมาะสมทางบุคลิกภาพ พฤติกรรม และเชาวน์อารมณ์ 
ด้วยวิธี Assessment Center ซึ่งทดสอบโดยคณะแพทยศาสตร์ 
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  เพื่อประเมินพฤติกรรมของผู้สมัครสอบ 
และสอบสัมภาษณ์จากผู้ทรงคุณวุฒิทางสาขาวิชาต่าง ๆ 
ทั้งหมดเป็นขั้นตอนการคัดกรองคนเข้าสู่ระบบราชการ 
เมื่อผ่านเข้ามาแล้วจะได้เรียนรู้ภาควิชาการ 9 เดือน 
โดยเรียนรู้จากการบรรยายและกรณีศึกษา  ฝึกปฏิบัติ การประชุมกลุ่ม 
เพื่อให้พื้นฐานความรู้เกี่ยวกับระบบราชการ และ 
เรียนรู้จากการปฏิบัติราชการภายใต้การฝึกและสอนงานจากผู้บริหารระดับสูงของ
หน่วยงานภาครัฐและเอกชน ระยะเวลา 13 เดือน ประกอบด้วย 
การปฏิบัติราชการในส่วนภูมิภาค  ซึ่งได้เรียนรู้ใกล้ชิดกับประชาชน 
 การเรียนรู้ระบบบริหารงานของหน่วยงานกลางในการบริหารนโยบาย  
ซึ่งได้เรียนรู้นโยบายกลาง ว่ากำหนดอย่างไร มีการตัดสินและคัดกรองอย่างไร  
การปฏิบัติราชการในหน่วยงานภาครัฐส่วนกลาง 
ได้เรียนรู้การทำงานจากปลัดกระทรวงและอธิบดี  การปฏิบัติราชการในภาคเอกชน 
ซึ่งทำให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของภาคเอกชนที่อาจนำมาปรับใช้ในระบบราชการได้ 
และสุดท้าย  การปฏิบัติราชการในต่างประเทศ ณ สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ 
ได้รู้จักการเตรียมงานการประชุมในระดับนานาชาติ จะเห็นได้ว่า 
การศึกษาเรียนรู้ที่ นปร. ได้รับ 
จะเป็นประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน 
 
           ต่อจากนั้น เป็นการเสวนาในหัวข้อ สร้างคนเก่ง พัฒนาคนดี สร้างประเทศไทยให้ก้าวหน้า ซึ่งได้รับเกียรติจาก ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี  
ในฐานะครูผู้ฝึกสอนงานของโครงการพัฒนานักบริหารหารเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ 
เข้าร่วมการเสวนา ร่วมกับผู้แทนนักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ รุ่นที่ 1 
รุ่นที่ 4 และ รุ่นที่ 6 โดยมี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ปัณรส มาลากุล ณ อยุธยา เป็นผู้ดำเนินการเสวนา 
 
 
 

 
           ศาสตราจารย์พิเศษธงทอง จันทรางศุ กล่าว
ถึงโครงการ นปร. พร้อมเล่าประสบการณ์การเป็นที่ ปรึกษาให้กับ นปร. 
รุ่นที่ผ่านมาว่า ในช่วงหลัง คนไม่ค่อยสนใจอยากรับราชการ 
ด้วยอาจมองว่ารายได้น้อย สู้ภาคเอกชนไม่ได้ ซึ่งในความจริงแล้ว  
อุดมคติไม่ได้มีแค่เงินทอง 
แต่ยังมีความภาคภูมิใจที่ได้ทำงานให้ประเทศชาติบ้านเมืองและคนไทยทั้ง
ประเทศ  ดังนั้น 
เพื่อสร้างแรงจูงใจและดึงดูดผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้าสู่ระบบราชการ 
 จึงเกิดโครงการฯ นี้ขึ้น ในฐานะที่ปรึกษาก็ให้ นปร. 
ติดตามไปทำงานตามที่ต่าง ๆ 
ซึ่งในระหว่างการเดินทางจะเป็นการบรรยายการทำงานของแต่ละวัน ปัญหาต่าง ๆ 
ที่ได้พบ เพื่อให้ นปร. ได้ซักถามและพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อสงสัย 
รวมทั้งเวลาเข้าห้องประชุมส่วนใหญ่จะอนุญาตให้ นปร. ร่วมประชุมด้วย เช่น 
ผมเป็นกรรมการกฤษฎีกา ได้ให้ นปร. เข้าห้องประชุมเพื่อดูการทำงานจริง 
ซึ่งคนทั่วไปไม่มีโอกาสได้เห็น นปร. จะได้เป็นทั้งลูกศิษย์และเลขาส่วนตัว 
เรียนรู้การติดต่อประสานงาน จะได้รับมอบหมายงานให้เขียนโครงการ 
ศึกษาค้นคว้าข้อมูลต่าง ๆ  รวมทั้งได้หมุนเวียนไปทำงานในกองต่าง ๆ 
เพื่อให้เห็นภาพรวมของงานต่าง ๆ ซึ่งเป็นการได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง 
 
           หลังจากนั้นผู้แทน นปร. จากรุ่นที่ 1 รุ่นที่ 4 และรุ่นที่ 6 
ได้เล่าถึงเหตุผลในการเข้าร่วมโครงการฯ และประสบการณ์ต่าง ๆ 
ที่ได้รับจากโครงการ โดยมองว่า การเข้าโครงการ นปร. 
เพื่อมาทำงานราชการเป็นทางเลือกที่ทำให้มีความสุข เราไม่ได้มองที่ตัวเงิน 
แต่มองว่าเราได้ทำประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติ  และในส่วนประสบการณ์ที่ได้รับ 
คือ ได้เรียนรู้จากสถานการณ์จริง รับทราบข้อมูลจริงจากส่วนราชการต่าง ๆ 
และยังได้เครือข่ายจากอาจารย์ที่สอน เครือข่ายจาก นปร. 
ด้วยกันเองที่ทำงานอยู่ตามกระทรวงต่าง ๆ 
ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำงาน 
 
 
           ทั้งนี้ ยังได้เชิญ นายไพโรจน์ พรหมสาส์น กรรมการ
 ก.พ.ร. ร่วมแสดงความคิดเห็นในฐานะผู้ปกครองของผู้เข้าร่วมโครงการ นปร. 
โดยนายไพโรจน์ได้แสดงความคิดเห็นว่า เป็นโครงการที่ดี 
ที่ผู้ร่วมโครงการจะได้ประสบการณ์นอกเหนือจากในตำรา นป
เป็นเส้นทางหนึ่งที่น่าสนใจในการบรรจุเป็นข้าราชการ 
มีสิทธิพิเศษแตกต่างจากโครงการอื่นตรงที่จะได้รับมอบหมายให้ทำงานในหน้าที่
สำคัญของหน่วยราชการที่ได้ไปสังกัด 
 
พร้อมกล่าวว่า  
พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้มีโอกาสต้อนรับผู้ที่สนใจในระบบราชการ 
เป็นคนที่เก่งและดี มีความรู้  
มาใช้ความรู้ความสามารถเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดแก่ระบบราชการ 
สร้างประโยชน์ต่อประเทศชาติ บ้านเมือง ให้มีความเจริญยิ่งขึ้นไป
 
          
 ภายหลังจากการเสวนาได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมงานได้แสดงความความคิดเห็น
รวมถึงซักถามในประเด็นข้อสงสัย  หากสนใจคำถาม-คำตอบของงานนี้  
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.opdc.go.th โดยคลิกไปที่ 
โครงการพัฒนานักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ (นปร.) 
 
 
 

 
 
 
 
 
 สุปรียา (สลธ.) / ข่าว & ภาพ
กลุ่มสื่อสารฯ/จัดทำ
วสุนธรา (สลธ.) / จัดทำ 
 
 
	
	
	
  
 
            
						
            เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 21 มกราคม 2556 10:29:13 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 21 มกราคม 2556 10:29:13