วันที่ 12 -13 พฤศจิกายน 2555 ที่ผ่านมา กลุ่มสื่อสารสร้างความเข้าใจในการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานเลขาธิการ สำนักงาน ก.พ.ร. จัดกิจกรรมเสริมสร้างเครือข่ายการพัฒนาระบบราชการในส่วนภูมิภาค โดยนำสื่อมวลชนทั้ง หนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ศึกษาเยี่ยมชมผลงานการพัฒนาระบบราชการตามยุทธศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรี โดยในครั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. นำคณะสื่อมวลชนรับฟังบรรยายสรุปเรื่อง การพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรีและกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดกาญจนบุรี จากผู้ว่าราชการจังหวัด และร่วมเสวนาเรื่อง
ศักยภาพและการเตรียมความพร้อมของจังหวัดกาญจนบุรีในการเป็นศูนย์กลาง
เศรษฐกิจภาคตะวันออก เพื่อรองรับโครงการท่าเรือน้ำลึก
และนิคมอุตสาหกรรมกาญจนบุรี เมืองทวาย สหภาพพม่า โดยหอการค้าจังหวัด ตัวแทนภาคเอกชน ตัวแทนภาคประชาชน และคณะทำงาน
นอกจากนี้ยังได้นำคณะสื่อมวลชนไปศึกษาดูงานและรับฟังบรรยายสรุปเรื่อง ความก้าวหน้าโครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรม กาญจนบุรี เมืองทวาย จากตัวแทนบริษัทอิตัลไทย ดีเวลลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ณ
จุดผ่านแดนชั่วคราว บ้านพุน้ำร้อน (โครงการสร้างถนนจากท่าเรือน้ำลึก
เมืองทวาย DAWAI Deep Sea Port เป็นความตกลงร่วมกัน ของรัฐบาลไทย กับ พม่า)
พร้อมทั้งศึกษาเยี่ยมชมงาน ณ
ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและพลังงานทางเลือก
โดยเป็นจุดเรียนรู้และศูนย์ถ่ายทอดองค์ความรู้แลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำ
เกษตรอินทรีย์แบบธรรมชาติ
นายชัยวัฒน์ ลิมป์วรรณธะ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ให้การต้อนรับคณะสื่อมวลชน และกล่าวถึงการจัดทำยุทธศาสตร์และแผนพัฒนาของจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อ
ส่งเสริม และพัฒนาการค้าผ่านแดน
รวมทั้งการเตรียมความพร้อมของจังหวัดในการเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคตะวันตก
เพื่อรองรับ โครงการท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย
ที่คาดว่าเมื่อเปิดดำเนินการแล้ว
จะทำให้เศรษฐกิจของกาญจนบุรีเติบโตขึ้นปีละ 5-7% นอกจากนี้
ทางจังหวัดกาญจนบุรียังขอให้รัฐบาลผลักดันการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจ
พิเศษชายแดนเชิงพาณิชย์บริเวณด่านเจดีย์สามองค์ ที่ อ.สังขละ
และการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง
ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรี จาก 6
หมื่นล้านบาทต่อปี เป็น 1.2 แสนล้านบาทต่อปี
ส่วนการเตรียมความพร้อมด้านคมนาคมขนส่งจังหวัด
อยู่ระหว่างเร่งรัดการก่อสร้างทางหลวงพิเศษหมายเลข 81 หรือ
มอเตอร์เวย์บางใหญ่กาญจนบุรี ระยะทาง 100 กิโลเมตร
และขยายเส้นทางคมนาคมไปสู่เขตการค้าชายแดนให้กว้างขึ้นจาก 2 เป็น 4
ช่องจราจร รวมทั้งศึกษาการตัดเส้นทางใหม่จากบ้านพุน้ำร้อนมายัง
ต.บ้านหนองข้าว
และเชื่อมกับถนนมอเตอร์เวย์ที่กำลังก่อสร้างเพื่อลดระยะเวลาในการขนส่ง
สินค้าจากชายแดน
รวมทั้งรองรับการขยายตัวของชุมชนและนิคมอุตสาหกรรมบ้านพุน้ำร้อนที่จะเกิด
ขึ้นในอนาคต
นายอนันต์ อัมระปาน ผู้อำนวยการโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ กล่าวถึงความคืบหน้าในโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกและนิคมอุตสาหกรรมทวาย ว่า ขณะนี้ส่วนที่มีความคืบหน้ามากที่สุด คือ
ส่วนการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรมขนาดเล็กที่เกิดจากการตกลงร่วมกันของรัฐบาล 2
ประเทศที่ตั้งใจจะเปิดเป็นพื้นที่พิเศษสนับสนุนการลงทุนในไทยและเมียนมาร์
จะเปิดอุตสาหกรรมเข้าไปดำเนินการได้ในปี 2557 ทั้งนี้
บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาพื้นที่ที่เหมาะสมที่จะจัดตั้งโครงการอุตสาหกรรมขั้น
ต้น หรือ โครงการ Early Industry ในเฟสที่ 3 หลังจากการขายโครงการในเฟส 1
และเฟส 2 ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนที่เข้าไปจองพื้นที่จนเต็มแล้ว
ส่วนการลงทุนส่วนใหญ่ จะเป็นอุตสาหกรรมเกี่ยวกับห้องเย็น ประมง
เพราะการส่งสินค้าประเภทอาหารทะเลนั้น ค่อนข้างลำบาก
เพราะที่ผ่านมายังไม่มีกิจการห้องเย็น
รวมถึงนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นชาวไทยที่อยู่ในุ่มอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาด
ย่อม หรือ SMEs
ในภาคบ่าย สำนักงาน ก.พ.ร. นำคณะสื่อมวลชนรับฟังบรรยายสรุปเรื่องความก้าวหน้าของ ทวายโปรเจค ณ ไซส์งานบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริเวณบ้านพุน้ำร้อน ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี โดย นายอนุสรณ์ มะกรครรภ์ ผู้จัดการ
โครงการทวาย
ไอทีดีให้การต้อนรับและกล่าวสรุปถึงความก้าวหน้าของโครงการดังกล่าวว่า
การเตรียมความพร้อมสาธารณูปโภคพื้นฐานนั้น
ขณะนี้กำลังดำเนินการก่อสร้างถนนภายในโครงการ และวางระบบในส่วนอื่นๆ ได้แก่
ระบบสื่อสาร ระบบน้ำ โดยสร้างอ่างเก็บน้ำความจุ 500 ล้านลูกบาศก์เมตร
และสร้างที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับแรงงานกว่า 50,000 คน
จากนั้นจะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน และส่วนอื่นๆ ต่อไป
จากนั้น คณะสื่อมวลชนได้เดินทางไปยังจุดผ่านแดนชั่วคราวบ้านพุน้ำร้อนเพื่อเยี่ยมชม โครงการพัฒนาเส้นทางเศรษฐกิจ สร้างถนนเชื่อมต่อไปยังเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ระยะทาง 120 กิโลเมตร ซึ่งกำลังมีการก่อสร้างอยู่ โดยจะแล้วเสร็จในปี 2563
ต่อมา กลุ่มสื่อสารฯ สำนักงาน ก.พ.ร. นำสื่อมวลชนเยี่ยมชม ศูนย์พัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรและพลังงานทางเลือก จ.กาญจนบุรี โดยศูนย์แห่งนี้
เกิดจากแนวคิดเรื่องการฟื้นฟูและการจัดการทรัพยากรป่าชุมชน
การเกษตรอินทรีย์ และเศรษฐกิจพอเพียง
ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รวมถึงมีความต้องการให้ศูนย์อบรมแห่งนี้ขึ้นมา
เพื่อเป็นการปลูกฝั่งให้วัยรุ่นยุคใหม่และชาวบ้านเกษตรกรหันมาทำการเกษตรแบบ
พึ่งพาตนเอง
นางทิวาพร ศรีวรกุล ผู้อำนวยการศูนย์ ได้นำคณะสื่อเข้ารับฟังบรรยายถึงประวัติความเป็นมา
โดยกล่าวว่า ตั้งใจให้ศูนย์เป็นต้นแบบการจัดการแหล่งเรียนรู้
เป็นการปรับเปลี่ยนวิถีการผลิตมาเป็นเกษตรธรรมชาติ
หรือการวางแผนการใช้ชีวิตที่จะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองได้มากขึ้น
จึงได้จัดตั้ง ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติท่ามะขาม ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2547
เน้นแนวคิดการพึ่งพาตนเอง ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
แนวคิดเรื่องการฟื้นฟูและการจัดการทรัพยากรป่าชุมชน การเกษตรอินทรีย์
และเศรษฐกิจพอเพียง ของเครือข่ายป่าต้นน้ำ จ.กาญจนบุรี
ซึ่งนางทิวาพร ปราชญ์ชาวบ้าน ได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำเกษตรอินทรีย์แบบธรรมชาติ นำชมแปลงสาธิตจริง
กิจกรรมเสริมสร้าง
เครือข่ายการพัฒนาระบบราชการในส่วนภูมิภาค จังหวัดกาญจนบุรี
ซึ่งจัดโดยกลุ่มสื่อสารฯ สำนักงาน ก.พ.ร. ในครั้งนี้
ได้สร้างความประทับใจและสร้างความเข้าใจต่อสื่อมวลชน
ในการดำเนินกิจกรรมที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการในส่วนภูมิภาค
ให้เห็นผลที่เป็นรูปธรรม และเห็นภาพการทำงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
กลุ่มสื่อสารฯ สลธ. / ข่าว & ภาพ
วสุนธรา (สลธ.) / จัดทำ