สรุปผลการประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555
เรื่อง การบูรณาการยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy)
เพื่อเป็นกรอบการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2557
การประชุมคณะรัฐมนตรี
เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2555 ซึ่งมี นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุมคณะรัฐมนตรี ชั้น 2
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล
ได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน ก.พ.ร. คือ การ
บูรณาการยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy)
เพื่อเป็นกรอบการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2557
และผลการประชุมเชิงปฏิบัติการการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ครั้งที่ 2
ทั้งนี้
สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)
ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเรื่องดังกล่าวให้สำนักงาน ก.พ.ร. ทราบแล้ว
ตามหนังสือ สลค. ด่วนที่สุด ที่ นร 0506/ว 276 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2555
โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
ด้วย
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล)
ได้เสนอเรื่องการบูรณาการยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy)
เพื่อเป็นกรอบการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2557
และผลการประชุมเชิงปฏิบัติการการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ปี 2558 ครั้งที่ 2
ต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 2
พฤศจิกายน 2555 ลงมติว่า
1. รับ
ทราบและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการจัดทำแผนปฏิบัติการ
และจัดส่งให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ภายในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2555 เพื่อบูรณาการและนำเสนอคณะรัฐมนตรีต่อไป ตามที่รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล)
เสนอทั้ง 3 ข้อ ยกเว้นในข้อ 1.2.3 4)
การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการบริหารจัดการน้ำ
(หนังสือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด
ที่ นร 1104/038 ลงวันที่ 31 ตุลาคม 2555 หน้า 4)
ให้แก้ไขหน่วยงานรับผิดชอบจากเดิมความว่า
โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบเรื่องการปลูกป่า
และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับผิดชอบเรื่องการลงทุนด้านการบริหาร
จัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท เป็น
โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบเรื่องการปลูกป่า
และให้ประธานกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยรับผิดชอบเรื่องการลงทุนด้าน
การบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท
2. ให้
หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำข้อมูลของแผนปฏิบัติการ (ตามข้อ 1)
ให้มีรายละเอียดที่ครบถ้วน ชัดเจน แสดงให้เห็นถึงขั้นตอนการดำเนินงาน
(milestone) และผลของการดำเนินงาน (result-based) ด้วย และหากหน่วย
งานใดมีแผนงาน/โครงการเชื่อมโยงกับเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน
(ของกระทรวงคมนาคม)
ให้จัดทำข้อมูลที่เกี่ยวข้องส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและ
สังคมแห่งชาติภายในกำหนดระยะเวลาดังกล่าวด้วย
เพื่อจะได้บูรณาการในภาพรวมได้อย่างครบถ้วน
สำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน ก.พ.ร. นั้น จะเป็นเรื่องการบูรณาการยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) เพื่อเป็นกรอบการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2557 ซึ่ง สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบ ดังนี้
● การลดความเหลื่อมล้ำ (Inclusive Growth) ในประเด็นการต่อต้านการคอร์รัปชั่น สร้างธรรมภิบาลและความโปร่งใส โดยมีแนวทางดำเนินงาน คือ การลดคอร์รัปชั่นในภาครัฐและการรณรงค์และสร้างแนวร่วมในสังคม
● การบริหารราชการแผ่นดิน (Internal Process) ในประเด็นการปรับโครงสร้างระบบราชการ โดยมีแนวทางดำเนินงาน คือ (1)
การเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรภาครัฐและพัฒนารูปแบบการทำงานของภาครัฐด้วยการ
สร้างความพร้อมในการบริหารการจัดการแบบบูรณาการโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
(2) การป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น และ (3)
การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนด้วยระบบริหารด้วยอิเล็กทรอนิกส์
สรุปสาระสำคัญของการบูรณาการยุทธศาสตร์ประเทศ (Country Strategy) เพื่อเป็นกรอบการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2557
สำนัก
งานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติได้จัดทำยุทธศาสตร์ประเทศ
(Country Strategy) การบูรณาการเพื่อเป็นกรอบการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2557
โดยระบุแนวยุทธศาสตร์และนโยบายที่ต้องบูรณาการการทำงานระหว่างกระทรวงทั้ง
สิ้น 28 ประเด็น เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี โดยมีรายละเอียดสรุปได้ ดังนี้
1. การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อหลุดพ้นจากประเทศรายได้ปานกลาง (Growth & Competitiveness) มี 8 ประเด็น ได้แก่
1)
ด้านเกษตร
ให้สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบแผนการใช้ที่ดินเพื่อผลิตสินค้าเกษตร
(Zoning)
และกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้รับผิดชอบการพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารตั้งแต่ต้นน้ำ
ถึงปลายน้ำ
2)
ภาคอุตสาหกรรม ให้กระทรวงอุตสาหกรรมเป็นผู้รับผิดชอบ ใน 5 ประเด็น ดังนี้
(1) แผนการใช้ที่ดินเพื่ออุตสาหกรรม (2) กำหนดและส่งเสริมอุตสาหกรรมอนาคต
(3) นโยบายการส่งเสริมการลงทุน (4)
การเพิ่มขีดความสามารถวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่ง
ผลิตภัณฑ์สู่สากล และ (5) การนำทุนทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยมาเพิ่มมูลค่า
3)
การท่องเที่ยวและบริการ ให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นผู้รับผิดชอบ
แผนการจัดกลุ่มเมืองท่องเที่ยว
การเพิ่มขีดความสามารถทางการท่องเที่ยวเข้าสู่รายได้ 2 ล้านล้านบาทต่อปี
และไทยเป็นศูนย์กลางการบริการสุขภาพของภูมิภาค
4)
โครงสร้างพื้นฐาน
ให้กระทรวงคมนาคมเป็นผู้รับผิดชอบการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคม
เชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียน
และให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเป็นผู้รับผิดชอบการลงทุนการ
ให้บริการและใช้ประโยชน์เทคโนโลยีสารสนเทศ
5)
พลังงาน
ให้กระทรวงพลังงานเป็นผู้รับผิดชอบการปรับโครงสร้างการใช้และราคาพลังงานที่
เหมาะสม และการลงทุนเพื่อความมั่นคงของพลังงานและพลังงานทดแทน
6)
การเชื่อมโยงเศรษฐกิจในภูมิภาค ให้
สศช.รับผิดชอบการเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ขับเคลื่อนการเชื่อมโยงนิคมอุตสาหกรรมทวายและการพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งตะวัน
ออก และให้ สศช. ร่วมกับสำนักงานกฤษฎีกา แก้ไขกฎหมาย กฎระเบียบ
รองรับประชาคมอาเซียน
สำหรับกระทรวงการต่างประเทศให้เป็นผู้รับผิดชอบการเสริมสร้างความสัมพันธ์
และความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน
7)
การปรับขีดความสามารถในการแข่งขัน ให้ สศช.
รับผิดชอบปรับปรุงขีดความสามารถในการแข่งขัน (100 ดัชนีชี้วัด)
และให้สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบในการพัฒนาการสร้างภาพลักษณ์ประเทศ
ไทย ภายใต้แนวคิด Modern Thailand
8)
การวิจัยและพัฒนา ให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นผู้รับผิดชอบใน 4
ประเด็น ดังนี้ (1) การขับเคลื่อนค่าใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาเป็นร้อยละ
1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (2)
การส่งเสริมบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีภาครัฐไปปฏิบัติงานในภาค
อุตสาหกรรม (3) การใช้ประโยชน์จากกำลังคนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (4)
การใช้ประโยชน์จากอุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค
2. การลดความเหลื่อมล้ำ (Inclusive Growth) มี 7 ประเด็น ได้แก่
1)
การพัฒนาคุณภาพการศึกษา
ให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในการปฏิรูปการศึกษา (ครู หลักสูตร
เทคโนโลยี การดูแลเด็กก่อนวัยเรียน
และการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในระบบการศึกษา เช่น แท็บเล็ต
และอินเทอร์เน็ตไร้สาย เป็นต้น)
2) การยกระดับคุณภาพและมาตรฐานการบริการสาธารณสุข ให้กระทรวงสาธารณสุขรับผิดชอบเรื่องการจัดระบบบริการ กำลังพล และงบประมาณ
3)
การดูแลผู้สูงอายุ เด็ก สตรี และผู้ด้อยโอกาส
ให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้รับผิดชอบการเพิ่ม
ศักยภาพและโอกาส ความเท่าเทียม คุณภาพชีวิต
และให้สำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้รับผิดชอบกองทุนสตรี
4)
การสร้างโอกาสและรายได้แก่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและเศรษฐกิจชุมชน
ให้สำนักนายกรัฐมนตรีเป้ฯผู้รับผิดชอบ
กองทุนหมู่บ้านและโรงการพัฒนาศักยภาพหมู่บ้านและชุมชน
และให้กระทรวงศึกษาธิการรับผิดชอบกองทุนตั้งตัวได้
ส่วนกระทรวงพาณิชย์เป็นผู้รับผิดชอบโครงการรับจำนำสินค้าเกษตร
5) แรงงาน ให้กระทรวงแรงงานเป็นผู้รับผิดชอบการจัดการแรงงานต่างด้าวและการฝึกอบรมและเพิ่มคุณภาพแรงงานให้สอดคล้องกับความต้องการ
6) ระบบยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ให้กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบเรื่องการเข้าถึงระบบยุติธรรมของประชาชน
7) การต่อต้านการคอร์รัปชั่น สร้างธรรมภิบาลและความโปร่งใส ให้ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ รับผิดชอบการลดคอร์รัปชั่นในภาครัฐและการรณรงค์และสร้างแนวร่วมในสังคม
3. การเติบโตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Growth) มี 5 ประเด็น ประกอบด้วย
1) การพัฒนาเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ ให้กระทรวงอุตสาหกรรมรับผิดชอบการพัฒนาตัวอย่างเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ 10 แห่ง
2)
การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กระทรวงพลังงานรับผิดชอบเรื่องนโยบายราคา
พลังงานและประหยัดพลังงาน รวมทั้งการปรับกฎระเบียบ (เช่น มาตรฐานอาคารเขียว
เป็นต้น)
3) นโยบายการคลังเพื่อสิ่งแวดล้อม ให้กระทรวงการคลังรับผิดชอบ เรื่องรับภาษีสิ่งแวดล้อมและการจัดซื้อจัดจ้างสีเขียวในภาครัฐ
4)
การฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและการบริหารจัดการน้ำ
โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบเรื่องการปลูกป่า
และให้กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีรับผิดชอบเรื่องการลงทุนด้านการบริหาร
จัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท
5) การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมรับผิดชอบเรื่องการป้องกันผลกระทบและการปรับตัว
4. การบริหารราชการแผ่นดิน (Internal Process) มี 8 ประเด็น ประกอบด้วย
1)
กรอบแนวทางและปฏิรูปกฎหมาย ให้กระทรวงยุติธรรมเป็นผู้รับผิดชอบ 3 ประเด็น
ดังนี้ (1) การปรับกรอบแนวทางระบบกฎหมายของประเทศ (2)
การเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรและองค์กรด้านยุติธรรม และ (3)
การปรับปรุงระเบียบข้อกฎหมายที่เป็นข้อจำกัดต่อการพัฒนาประเทศ
2) การปรับโครงสร้างระบบราชการ โดยให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการเป็นผู้รับผิดชอบ 2 ประเด็น ดังนี้ (1)
การเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรภาครัฐและพัฒนารูปแบบการทำงานของภาครัฐด้วยการ
สร้างความพร้อมในการบริหารการจัดการแบบบูรณาการโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
(2) การป้องกันและปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่น และ (3)
การเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชนด้วยระบบริหารด้วยอิเล็กทรอนิกส์
3)
การพัฒนากำลังคนภาครัฐ ให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน รับผิดชอบ
ด้านการบริหารกำลังคนให้สอดคล้องกับบทบาทภารกิจที่มีในปัจจุบันและเตรียม
ความพร้อมสำหรับอนาคต และการพัฒนาทักษะและศักยภาพของกำลังคนภาครัฐ
4)
การปรับโครงสร้างภาษี
โดยให้กระทรวงการคลังรับผิดชอบการปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบให้สนับสนุนการ
กระจายรายได้และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
5) การจัดสรรงบประมาณ ให้สำนักงบประมาณรับผิดชอบการพัฒนากระบวนการจัดสรรงบประมาณให้สามารถสนับสนุนการปฏิบัติงานตามนโยบายรัฐบาล
6)
การพัฒนาสินทรัพย์ราชการที่ไม่ได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุดให้กระทรวงการ
คลังรับผิดชอบในการสำรวจสินทรัพย์ราชการที่ไม่ได้ใช้งาน
และบริหารจัดการสินทรัพย์ราชการที่ไม่ได้ใช้งานให้เกิดประโยชน์สูงสุด
7)
การแก้ไขปัญหาความมั่นคงจังหวัดชายแดนภาคใต้
ให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติประสานและบูรณาการงานรักษาความสงบและการ
ส่งเสริมการพัฒนาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
ภายใต้กรอบนโยบายความมั่นคงแห่งชาติ พ.ศ. 2555-2559
8) การปฏิรูปการเมือง ให้กระทรวงมหาดไทยส่งเสริมการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
วสุนธรา (สลธ.) / รายงาน
ข้อมูลจากหนังสือ สลค. และหนังสือ สศช.
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 19 พฤศจิกายน 2555 10:45:31 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2555 11:56:15