สำนักงาน ก.พ.ร. รับรางวัลประกาศเกียรติคุณบัญชีภาครัฐดีเด่น (Public Accounting Awards 2012)

สำนักงาน ก.พ.ร. รับรางวัลประกาศเกียรติคุณบัญชีภาครัฐดีเด่น
(Public Accounting Awards 2012)

           เมื่อวันที่  8 สิงหาคม  2555  นางสุพรรณี ไพรัชเวทย์  รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นตัวแทนรับมอบรางวัล  ประกาศเกียรติคุณบัญชีภาครัฐดีเด่น (Public Accounting Awards 2012)  จาก นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ถนนวิภาวดีรังสิต

           นับเป็นเรื่องที่น่ายินดี ของสำนักงาน ก.พ.ร. ที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ เนื่องจากมีส่วนราชการที่ผ่านการประเมินซึ่งสามารถปฏิบัติงานด้านบัญชีได้ อย่างมีประสิทธิภาพเพียง 9 หน่วยงาน จากทั้งหมด 149 หน่วยงาน โดยหน่วยงานที่ได้รับรางวัลในปีนี้ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

           กลุ่มที่  1 ส่วนราชการที่มีหน่วยเบิกจ่ายเดียว  จำนวน  6 หน่วยงาน ได้แก่  สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ  สำนัก งานเศรษฐกิจการคลัง กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 

           กลุ่มที่  2 ส่วนราชการที่มีหน่วยเบิกจ่าย  2-50 หน่วย   จำนวน  1 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ 

           กลุ่มที่  3 ส่วนราชการที่มีหน่วยเบิกจ่าย  51-100 หน่วย  จำนวน  2 หน่วยงาน ได้แก่ กรมศุลกากร และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

           ใน การกำหนดนโยบายด้านการเงินการคลังของประเทศนั้น จำเป็นจะต้องใช้ข้อมูลทางบัญชีที่ถูกต้องน่าเชื่อถือ และทันต่อเหตุการณ์  กรมบัญชีกลางจึงได้เริ่มจัดทำโครงการประเมินผลการปฏิบัติงานด้านบัญชี ที่ได้ริเริ่มสร้างมาตรฐานในการพัฒนางานบัญชีภาครัฐขึ้น โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ได้กำหนดเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานในระบบ GFMIS ในรูปแบบของการกำกับดูแลข้อมูลทางบัญชี  โดยให้หน่วยงานที่เป็นต้นสังกัดควบคุมดูแลหน่วยงานภายใต้สังกัดให้ปฏิบัติ งานในระบบ GFMIS ได้อย่างถูกต้องครบถ้วนและเป็นปัจจุบัน เพื่อลดข้อคลาดเคลื่อนที่อาจเกิดขึ้น และในปี พ.ศ. 2554 กรมบัญชีกลางได้มอบรางวัล ประกาศเกียรติคุณบัญชีภาครัฐดีเด่น เป็นครั้งแรก โดยมอบรางวัลให้แก่ส่วนราชการที่ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานด้าน บัญชีของส่วนราชการระดับกรม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553  ทั้งนี้  เพื่อให้ข้อมูลบัญชีของหน่วยงานแสดงรายได้  ค่าใช้จ่ายและฐานะการเงินที่ถูกต้อง  สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการวางแผน เพื่อกำหนดนโยบายในการบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสม

           สำหรับเกณฑ์การประเมินผลฯ จะพิจารณาจากจำนวนเรื่องของข้อมูลที่ส่วนราชการดำเนินการได้ ซึ่งมี 6 หัวข้อ ได้แก่
           1. งบทดลองส่วนของราชการแสดงข้อมูลที่ถูกต้องตามดุลบัญชีปกติทุกบัญชี
           2. ไม่มีบัญชีพักเงินนำส่งหรือบัญชีพักเงินสดรับคงค้างในงบทดลองของส่วนราชการ
           3. ไม่มีบัญชีพักสินทรัพย์คงค้างในงบทดลองของส่วนราชการ
           4. ยอดคงเหลือของบัญชีเงินสดในมือถูกต้องตรงกับรายงานเงินคงเหลือประจำวันที่ จัดทำตามระเบียบการเบิกจ่ายเงินจากคลัง การเก็บรักษาเงินและการนำเงินส่งคลัง พ.ศ. 2551
           5. ส่วนราชการมีการจัดทำงบกระทบยอดบัญชีเงินฝากธนาคาร ณ วันสิ้นเดือน ทุกบัญชี
           6. ส่วนราชการมีการบันทึกปรับปรุงบัญชีตามเกณฑ์คงค้าง ณ วันสิ้นงบประมาณให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับจากวันสิ้นปีงบประมาณ

           และในปี พ.ศ. 2555 นี้ กรมบัญชีกลางจัดงานมอบรางวัล ประกาศเกียรติคุณบัญชีภาครัฐดีเด่น ปี พ.ศ. 2555 เป็นปีที่ 2 เพื่อมอบรางวัลให้แก่ส่วนราชการที่ผ่านเกณฑ์การประเมินผลการปฏิบัติงานด้าน บัญชีของส่วนราชการระดับกรม  ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 โดยมีส่วนราชการที่ผ่านเกณฑ์ฯ จำนวน 28 หน่วยงาน จากทั้งหมด 149 หน่วยงาน และได้มีการวัดผลในเชิงประสิทธิภาพ เพื่อคัดกรองส่วนราชการอีกชั้นหนึ่ง ดังนี้

           1. การประมวลผลค่าเสื่อมราคาสินทรัพย์รายตัวทุกเดือน จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนถัดไป
           2. ส่งรายงานการเงินประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2554 ให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ภายในวันที่  29 ธันวาคม 2554 และสำเนาแจ้งกรมบัญชีกลางทราบ
           3. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินตรวจสอบและรับรองรายงานการเงินของส่วนราชการปีล่าสุดโดยไม่มีข้อสังเกตทางบัญชีที่เป็นสาระสำคัญ

           การ ประเมินผลการปฏิบัติงานด้านบัญชีภาครัฐนี้  ถือเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมของประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอา เซียน (AEC) ซึ่งจะทำให้เกิดทั้งความร่วมมือและการแข่งขันในด้านต่าง ๆ  ไปพร้อม ๆ กับการกำหนดนโยบายด้านการเงินการคลังของประเทศ   จึงจำเป็นต้องใช้ข้อมูลบัญชีที่ถูกต้อง น่าเชื่อถือ และทันต่อสถานการณ์  เพื่อให้ผู้บริหารสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวในการกำหนดนโยบาย วางแผน  และบริหารจัดการด้านการเงินการคลังได้อย่างมีประสิทธิภาพ  รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้บัญชีภาครัฐมีความเข้มแข็ง   และพัฒนาบุคลากรให้สามารถปฏิบัติงานด้านบัญชีได้อย่างเชี่ยวชาญมากขึ้น  ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนางานบัญชีภาครัฐของไทยให้ก้าวสู่อาเซียนในอนาคตได้ต่อ ไป
 

 

 

---