Logo of OPDC ก.พ.ร. FAQ สำหรับการค้นหา  |  ภาษาไทย   |   English   |   Mobile   |   Help   |  

หน้าหลัก หน้าหลัก | ติดต่อ | ผังเว็บไซต์ |  หน้าหลัก
Share แชร์ พิมพ์หน้านี้
ข่าวเด่น ก.พ.ร. / ปี 2555 / มีนาคม / สำนักงาน ก.พ.ร. จัดประชุม เรื่อง แนวทางการดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจตามมติคณะรัฐมนตรี

สำนักงาน ก.พ.ร. จัดประชุม เรื่อง แนวทางการดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจตามมติคณะรัฐมนตรี

สำนักงาน ก.พ.ร. จัดประชุม เรื่อง แนวทางการดำเนินการ
ปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถ
ในการประกอบธุรกิจตามมติคณะรัฐมนตรี



           เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดประชุมเรื่องแนวทางการดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 ณ ห้องมิ่งเมือง ชั้น 4 โรงแรมเดอะทวิน ทาวเวอร์ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งสิ้น 103 คน จาก 42 หน่วยงาน ประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการ ปรับปรุงบริการตามตัวชี้วัด 10 ด้าน ของรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business อาทิ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงบประมาณกระทรวง ICT กรมพัฒนาธุรกิจ กรมศุลกากร กรมบังคับคดี สภาวิศวกร สมาคมธนาคารไทย สมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย สมาคมผู้นำเข้าและผู้ส่งออกระดับบัตรทอง เป็นต้น

           นางสุพรรณี ไพรัชเวทย์ รองเลขาธิการ ก.พ.ร. ประธานเปิดการประชุมได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน ว่า เพื่อเป็นการชี้แจงมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 และเปิดโอกาสให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการปรับ ปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2546 เป็นต้นมา รัฐบาลได้มีนโยบายให้หน่วยงานของรัฐปรับปรุงคุณภาพการให้บริการเพื่อให้ ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก และรวดเร็วขึ้น 

           สำนักงาน ก.พ.ร. ในฐานะหน่วยงานที่มีภารกิจในการพัฒนาระบบราชการได้ดำเนินการตามนโยบายดัง กล่าว โดยการส่งเสริมให้หน่วยงานของรัฐปรับปรุงคุณภาพการให้บริการประชาชนโดยลด ขั้นตอนและระยะเวลาการปฏิบัติราชการลงร้อยละ 30 50 มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกระบวนการปรับปรุงคุณภาพการให้บริการดังกล่าวสอดคล้องกับแนวทางการวัดผล เรื่อง Doing Business ของธนาคารโลกที่พิจารณาเกี่ยวกับขั้นตอน ระยะเวลา ค่าใช้จ่ายในการให้บริการของรัฐที่มีผลต่อการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบ การในการดำเนินธุรกิจ

           Doing Business มีความสำคัญต่อการตัดสินใจของนักลงทุนในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย อีกทั้งแนวทางการวัดผลสอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติเพื่อปรับปรุงบริการของภาค รัฐ ดังนั้น สำนักงาน ก.พ.ร. จึงได้นำรายงานการจัดอันดับดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อทราบและพิจารณาอย่างต่อเนื่อง นางสุพรรณี ไพรัชเวทย์ กล่าว

           ต่อจากนั้น เป็นการบรรยาย เรื่อง การปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจวิจัยเรื่อง Doing Business ของธนาคารโลก โดย ผชช.ชัยยุทธ กมลศิริสกุล ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการพัฒนาระบบราชการ ได้ กล่าวถึงการดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการประกอบ ธุรกิจประเทศไทย ว่า รายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business จัดทำขึ้นโดยธนาคารโลกเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 ธนาคารโลกเข้ามาจัดอันดับประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) โดยมีการสำรวจเกี่ยวกับขั้นตอน ระยะเวลาการให้บริการ ค่าใช้จ่าย และกฎหมาย กฎ ระเบียบต่างๆ ของรัฐว่ามีส่วนสนับสนุนหรือเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจหรือไม่ อย่างไร ตัวชี้วัดในการสำรวจมี 10 ด้าน ตามวงจรธุรกิจตั้งแต่การเริ่มต้นธุรกิจจนถึงการปิดกิจการ ผลการจัดอันดับสะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของหน่วยงานภาครัฐเทียบกับประเทศ ต่างๆ ทั่วโลก ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. ได้นำรายงานการจัดอันดับดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบและพิจารณา อย่างต่อเนื่อง โดยมติคณะรัฐมนตรีที่ผ่านมาเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2555 มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ดำเนินการ ดังนี้

           1. ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ ดำเนินการปรับปรุงบริการให้เป็นผลสำเร็จ ดังนี้

             ●   ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน ให้ กรมที่ดิน และกรมสรรพากรเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมในการปรับลดอัตราภาษีหรือค่าธรรมเนียมในการจด ทะเบียนทรัพย์สินเพื่อกำหนดเป็นมาตรการถาวร หรือปรับแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และควรเชื่อมโยงฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับกรมที่ดินให้สามารถตรวจ สอบความเป็นนิติบุคคลของผู้จดทะเบียนได้แบบ real time 

             ●    ด้านการชำระภาษี ให้ กระทรวงการคลัง และหน่วยงานที่มีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมให้รัฐเป็นหน่วยงาน ที่รับผิดชอบหลัก ดำเนินการศึกษารายละเอียดกระบวนการจัดเก็บภาษีของประเทศและปฏิรูประบบการจัด เก็บภาษีใหม่ให้เกิดการบูรณาการ และศึกษาแนวทางการมอบอำนาจให้หน่วยงานอื่นจัดเก็บภาษีแทนได้อย่างจริงจัง เพื่อให้เกิดระบบการชำระภาษีเพียงจุดเดียว

             ●    ด้านการปิดกิจการ ให้ กรมบังคับคดี และศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักดำเนินการเร่งปรับปรุงกฎหมายที่ เกี่ยวข้อง และกำหนดมาตรการเพื่อลดระยะเวลาในกระบวนการปิดกิจการ

             ●    ด้านการค้าระหว่างประเทศ ให้ กรมศุลกากร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการนำเข้า ส่งออกสินค้าเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก ดำเนินการผลักดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำระบบ National Window ไปใช้ในการนำเข้า ส่งออกอย่างเป็นรูปธรรม และศึกษาเพื่อกำหนดแนวทางในการลดค่าใช้จ่ายและลดจำนวนเอกสารในการนำเข้า ส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการ

             ●    ด้านการเริ่มต้นธุรกิจ ให้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลักดำเนินการพัฒนาระบบการให้ บริการจัดตั้งธุรกิจให้เป็นการให้บริการผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

             ●    ด้านการได้รับสินเชื่อ ให้ กระทรวงการคลัง และกรมบังคับคดีเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบหลัก ดำเนินการเร่งรัดการประกาศใช้พระราชบัญญัติหลักประกันทางธุรกิจ ตลอดจนปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายล้มละลายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในสิทธิทางกฎหมายของเจ้าหนี้และ ลูกหนี้ในการขอสินเชื่อ กฎหมายเกี่ยวกับข้อมูลเครดิตเพื่อขยายขอบเขตการจัดเก็บข้อมูลเครดิต เป็นต้น

           2. ให้สำนักงบประมาณ พิจารณาสนับสนุนงบประมาณการดำเนินงานหรือโครงการที่เกี่ยวข้องกับการปรับ ปรุงบริการตามรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบและสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการศึกษาวิจัยแนวทาง การดำเนินงานของประเทศที่ได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับต้น ๆ (Benchmarking) เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของไทย

           3. ให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สนับสนุนและพัฒนาระบบการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์แก่หน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กระบวนการให้บริการของหน่วยงานภาครัฐมีความสะดวกและรวดเร็ว

           4. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการของหน่วยงานต่าง ๆ ที่รับผิดชอบในการปรับปรุงบริการให้คณะรัฐมนตรีทราบทุก 6 เดือน และดำเนินการติดตามและประเมินผลการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่มขีดความสามารถใน การประกอบธุรกิจของประเทศให้เป็นผลสำเร็จและอันดับของประเทศดีขึ้น เพื่อให้ผลการดำเนินการเรื่องนี้มีประสิทธิผลและประสิทธิภาพด้วย

           5. ให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาศึกษาและปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการ ดำเนินการปรับปรุงบริการของหน่วยงานต่าง ๆ ตามรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business ของธนาคารโลก และเร่งรัดพิจารณาปรับปรุงกฎหมาย กฎ และระเบียบเพื่อเป็นการลดขั้นตอนและลดการขออนุญาตที่ไม่จำเป็นเพื่อให้เหมาะ สมกับภาคธุรกิจ โดยให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
 







           จากนั้น เป็นการบรรยาย เรื่อง ผลการดำเนินการปรับปรุงบริการภาครัฐในแต่ละด้านตามรายงานผลการวิจัยเรื่อง Doing Business 2012 โดย ดร.วิพุธ อ่องสกุล ที่ปรึกษาสำนักงาน ก.พ.ร. กล่าวถึง ผลการจัดอันดับ 10 ด้าน โดยเปรียบเทียบกับประเทศที่เป็น World Best และ Asean Best ดังนี้




ด้าน 

อันดับประเทศไทย ปี 2012 

World Best เปรียบเทียบกับ Asean Best 

Worlds best 

Asean Best 

1. การเริ่มต้นธุรกิจ 

78

นิวซีแลนด์

สิงคโปร์

2. การขออนุญาตก่อสร้าง

14

ฮ่องกง

สิงคโปร์

3. การขอติดตั้งระบบไฟฟ้า

9

ไอซ์แลนด์

สิงคโปร์

4. การจดทะเบียนทรัพย์สิน

28

ซาอุดิอาระเบีย

สิงคโปร์

5. การได้รับสินเชื่อ

67

มาเลเซีย

มาเลเซีย

6. การคุ้มครองนักลงทุน

13

นิวซีแลนด์

สิงคโปร์

7. การชำระภาษี

100

มัลดีฟ

สิงคโปร์

8. การค้าระหว่างประเทศ

17

สิงคโปร์

สิงคโปร์

9. การบังคับให้เป็นไปตาม
    ข้อตกลง

24

ลักเซมเบิร์ก

ฮ่องกง

10. การปิดกิจการ
        (การแก้ปัญหาการ
        ล้มละลาย)

51

ญี่ปุ่น

สิงคโปร์



           หลังจากนั้นเป็นการ รับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการปรับปรุงบริการเพื่อเพิ่ม ขีดความสามารถในการประกอบธุรกิจ มีดังนี้ 

           1. ด้านกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้อง

             1) ปัญหาความล่าช้าในการดำเนินการนอกเหนือจากกฎหมายแล้วยังเกิดจากกระบวนการ บริหารภายในหน่วยงาน ซึ่งในการปรับปรุงการบริการควรพิจารณาปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเป็นปัญหาในเชิง บริหาร หรือเชิงกฎหมาย ในส่วนการยกร่างกฎหมายของส่วนราชการ ควรหาข้อยุติที่ชัดเจนระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน และควรมีทัศนคติในการยอมลดอำนาจและบทบาทของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อให้สามารถดำเนินการปรับปรุงได้ถูกต้องและรวดเร็วขึ้น (สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา)

             2) ควรมีการกำหนดระยะเวลาในการทบทวนกฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ทราบปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการ และให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น มาตรฐาน IEC ซึ่งเป็นมาตรฐานในการออกแบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ได้กำหนดมาตรฐานให้มีการ ทบทวนกฎหมายทุก 5 ปี (สภาวิศวกร)

             3) ควรมีการปรับแก้ไขกฎหมายในหลาย ๆ ฉบับ เช่น

                 ● ด้านการบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลง กระทรวงยุติธรรมได้ออกกฎกระทรวงกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขายทอดตลาด พ.ศ. 2554 ซึ่งได้มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2554 ส่งผลให้การขายทอดตลาดของกรมบังคับคดีทำได้ยากขึ้น เนื่องจากกฎกระทรวงฉบับดังกล่าวกำหนดให้กรมบังคับคดีต้องระบุรายละเอียด เกี่ยวกับทรัพย์สินที่จะนำออกประมูลในประกาศขายทอดตลาดเพิ่มเติมจากที่เคย ยึดถือปฏิบัติเดิม ทำให้กรมฯ ต้องแจ้งให้สถาบันการเงินเจ้าหนี้จัดส่งเอกสารหลายรายการให้เพิ่มเติม ก่อนจะจัดประมูลขายทอดตลาดได้ตามปกติ ทำให้สถาบันการเงินประสบปัญหาในการระบายทรัพย์ประเภทบ้าน ที่ดิน ที่ฟ้องร้องบังคับคดีจากลูกหนี้ที่ผิดนัดชำระหนี้ ดังนั้น ควรยกเลิกกฎกระทรวงฉบับนี้และใช้หลักเกณฑ์เดิมจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบ การ (สมาคมธนาคารไทย)

                 ● ด้านการค้าระหว่างประเทศ ควรปรับปรุงพระราชบัญญัติศุลกากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2482 ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสำแดงถิ่นกำเนิดของสินค้า เนื่องจากปัจจุบันส่วนประกอบของสินค้าชนิดหนึ่งจะมีกระบวนการผลิตสินค้ามา จากหลายประเทศ ซึ่งกฎหมายฉบับนี้จะนำมาใช้ในการจับกุมประเทศผู้ให้กำเนิดสินค้านำเข้าเป็น เท็จ โดยมีโทษค่อนข้างร้ายแรง (สมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย)

                 ● ด้านขออนุญาตก่อสร้าง ควรแก้ไขพระราชบัญญัติอาคารชุด พ.ศ. 2522 ที่มีผลให้ขั้นตอนการก่อสร้างยุ่งยาก (สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย) 

                 ● ด้านการได้รับสินเชื่อ ควรเร่งรัดให้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติหลักประกันธุรกิจ ซึ่งจะเป็นกฎหมายที่ช่วยให้การขอสินเชื่อทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากกฎหมายกำหนดให้สามารถนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจมาใช้เป็น หลักประกันในการขอสินเชื่อได้

             4) การปรับปรุงบริการโดยใช้รูปแบบการให้บริการ ณ จุดเดียว (Single Point) ดำเนินการปรับปรุงโดยการมอบอำนาจให้หน่วยงานอื่นทำงานแทน ซึ่งไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)

             5) ในการยกร่างกฎหมาย ควรให้ผู้ใช้กฎหมายมีส่วนร่วมในการยกร่างด้วย เพื่อให้มีกฎหมายที่ตอบสนองความต้องการของทุกฝ่าย


             ทั้งนี้ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาอยู่ระหว่างการดำเนินการยกเลิกและปรับปรุงกฎหมาย ต่าง ๆ อาทิ กฎหมายที่กระทบสิทธิและเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ กฎหมายที่สร้างภาระเกินความจำเป็นต่อประชาชน กฎหมายที่ไม่มีสภาพบังคับ เช่น ห้ามขายอาหารหลังเที่ยงคืน อย่างไรก็ตาม แม้จะได้มีความพยายามในการดำเนินการเรื่องดังกล่าวแต่ส่วนราชการยังคงเสนอ กฎหมายใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่องและเป็นกฎหมายที่มีลักษณะจำกัดสิทธิของ ประชาชน และสร้างขั้นตอนให้ยุ่งยากมากขึ้น


           2. ด้านกระบวนการให้บริการ

             1) ปัจจัยสำคัญในการปรับปรุงการให้บริการให้สำเร็จเกิดจากการดำเนินการใน 4 องค์ประกอบ คือ 1) กระบวนการ 2) กฎหมาย กฎระเบียบ 3) เทคโนโลยี และ 4) งบประมาณ ดังนั้น หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบต่าง ๆ ได้แก่ หน่วยงานเจ้าของเรื่อง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และสำนักงบประมาณร่วมกันดำเนินการจะทำให้การปรับปรุงบริการเกิดความสำเร็จ (กรมพัฒนาธุรกิจการค้า)

             2) ความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคในการดำเนินการและข้อเสนอแนะในการปรับปรุงบริการในแต่ละด้าน 

                 ● ด้านการค้าระหว่างประเทศ การเปลี่ยนเลขประจำตัวผู้เสียภาษีจาก 10 หลักเป็น 13 หลักของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและกรมสรรพากร มีกระทบกับระบบ e-Custom ซึ่งยังคงใช้เลข 10 หลัก ทำให้สืบค้นข้อมูลของผู้ประกอบการยุ่งยากขึ้น นอกจากนี้ กรมการค้าต่างประเทศและกรมศุลกากรควรแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลให้เป็นฐานข้อมูล เดียวกัน เพื่อลดภาระในการส่งเอกสาร ลดการใช้พลังงานให้แก่ผู้ประกอบการ (สมาคมชิปปิ้งแห่งประเทศไทย)

                 ● ด้านการขออนุญาตก่อสร้าง ควรเพิ่มคณะทำงานอีก 3 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมเจ้าท่า เพื่อให้ครอบคลุมการปรับปรุงบริการด้านนี้ (สภาวิศวกร และสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย) 

           ทั้งนี้ ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ ทางสำนักงาน ก.พ.ร. จะได้รวบรวมและนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาต่อยอดเพื่อบรรลุสู่เป้าหมาย ต่อไป



กลุ่มสื่อสารฯ สลธ. / ข่าว & ภาพ
วสุนธรา (สลธ.) / รายงาน
กลุ่มสื่อสารฯ / จัดทำ

 

 


เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 26 มีนาคม 2555 11:43:36 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 26 มีนาคม 2555 11:52:42
ข่าวเด่น ก.พ.ร.
    ลิงค์     |     สมาชิกเครือข่าย     |     RSS feed     |     คำถามที่พบบ่อย            

เกี่ยวกับ

กฏหมายและระเบียบ

หนังสือเวียน

ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ

ศูนย์ความรู้

ประชาสัมพันธ์

W3C   Facebook Facebook สำนักงาน ก.พ.ร.   PMQA Channel  ฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ  ipv6 ready  www.info.go.th  การปฏิเสธความรับผิดชอบ |  Webmail| Intranet สำหรับข้าราชการ | ผังเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ 

Slocan

สงวนลิขสิทธิ์โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

59/1 ถนนพิษณุโลก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร. 02 356 9999 โทรสาร 02 281 7882 สายด่วน 1785 e-mail: administrator@opdc.go.th