ลงนามความร่วมมือทางวิชาการ การเชื่อมโยงและปรับข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในระดับพื้นที่

ลงนามความร่วมมือทางวิชาการ
การเชื่อมโยงและปรับข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในระดับพื้นที่

           เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2555 ได้มีพิธีลงนามข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือทางวิชาการในเรื่องการเชื่อมโยงและเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการตัดสินใจในระดับพื้นที่ ระหว่าง สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานสถิติแห่งชาติ และ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย ณ ห้องประชุม 1 อาคารศาลาว่าการกระทรวงมหาดไทย

           พิธีลงนามดังกล่าวเป็นกิจกรรมหนึ่งของโครงการการแปลงแผนแม่บทระบบสถิติประเทศไทยสู่การปฏิบัติเชิงพื้นที่ พ.ศ. 2555 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาความรู้และทักษะที่จำเป็นในการบูรณาการข้อมูล สถิติและสารสนเทศระดับจังหวัด ผ่านกลไกการพัฒนาข้อมูลเพื่อการตัดสินใจตามประเด็นยุทธศาสตร์การพัฒนา จังหวัดและปัญหาระดับพื้นที่ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจะเป็นหน่วยงานในการบูรณาการข้อมูลสถิติและ สารสนเทศ และทีมที่ปรึกษาจากสำนักงาน ก.พ.ร. จะเป็นผู้ให้คำแนะนำเชิงวิชาการภายใต้แนวคิดการบูรณาการข้อมูลเชิงพื้นที่ รวมทั้งดำเนินการจัดประขุม อบรม และสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ซึ่งการดำเนินการเพื่อเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อบูรณาการข้อมูลสถิติใน ระดับพื้นที่ในเบื้องต้นนี้จะดำเนินการใน 10 จังหวัดนำร่อง ประกอบด้วย จังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี และนครนายก และจะขยายผลการทำงานในอีก 66 จังหวัดในปีต่อไป

 

           นายวิบูลย์ทัต สุทันธนกิตติ์ ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้ กล่าวว่า ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญในทุกขั้นตอนของการบริหารราชการแผ่นดิน เริ่มตั้งแต่การวางแผน การตัดสินใจ และการประเมินผล ชุดข้อมูลที่สมบูรณ์จะส่งผลที่ดีต่อการตัดสินใจ จะช่วยลดความเสี่ยง ความคลาดเคลื่อน หรือผลเสียหายที่จะเกิดขึ้น แต่ปัจจุบันมีการเก็บข้อมูลในมาตรฐานที่แตกต่างกัน รวมทั้งการกำหนดคำนิยาม ความครอบคลุมก็แตกต่างกันด้วย เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นการจะนำชุดข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ประกอบการตัดสินใจจึง ไม่อาจทำได้อย่างรวดเร็ว วันนี้จึงต้องมีการเตรียมว่าทำอย่างไรจึงจะทำให้ข้อมูลที่มีอยู่อย่างกระจัด กระจายนั้นสามารถนำมารวมใช้ได้ในเวลาที่รวดเร็ว เพื่อสนองต่อการตัดสินใจของผู้บริหารทั้งในระดับประเทศ ระดับพื้นที่และระดับท้องถิ่น



           ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าว ว่า ภาคราชการมีการปรับวิธีการทำงานให้เป็นมืออาชีพมากขึ้นหลังจากการปฏิรูประบบ ราชการตั้งแต่ปี 2545 เป็นต้นมา มีการทำงานโดยใช้แผน มีการวางยุทธศาสตร์ตั้งแต่ในระดับชาติจนถึงระดับพื้นที่ ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องมีระบบฐานข้อมูลที่ดีเพื่อใช้ ในการวิเคราะห์ และตัดสินใจ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ระดับต่างๆ รวมถึงการติดตามการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์นั้นๆ การจัดการข้อมูลให้มีความเป็นปัจจุบันสามารถเรียกมาใช้ได้ทันการ ถือเป็นหัวใจของการทำงาน ปัจจุบันภาคราชการยังคงประสบปัญหาในเรื่องการบูรณาการการทำงาน ยังไม่มีการนำข้อมูลมาเชื่อมเพื่อทำงานร่วมกัน ดังนั้น การบูรณาการระบบข้อมูลต่างๆเข้าด้วยกันในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อการใช้ ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น



           และ นายพระนาย สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้ กล่าวทิ้งท้ายว่า กระทรวงมหาดไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งต่อความร่วมมือในครั้งนี้ การมีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน สามารถเรียกมาใช้ประโยชน์ได้ทันท่วงทีเพื่อประกอบการตัดสินใจ เป็นสิ่งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดต้องการ และจะป็นประโยชน์ในระดับพื้นที่อย่างมาก กระทรวงมหาดไทยจะเร่งจัดสรรสรรพกำลังที่เหมาะสมให้แก่จังหวัดนำร่องทั้ง 10 จังหวัดเพื่อให้สามารถดำเนินกิจกรรมต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

 

 

---