ก.พ.ร. จัดประชุมสัมมนาเครือข่ายการพัฒนาระบบราชการ
เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาธรรมาภิบาลในภาคราชการ
เมื่อ
วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 ที่ห้องกษัตริย์ศึก 1-3 โรงแรมเดอะ ทวิน ทาวเวอร์
กรุงเทพฯ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ได้จัดการประชุมสัมมนาโครงการเสริมสร้างและพัฒนาขีดสมรรถนะเครือข่ายการพัฒนาระบบราชการ เรื่อง การส่งเสริมและพัฒนาธรรมาภิบาลในภาคราชการ โดย
เป็นการระดมความคิดเห็นและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันระหว่างกลุ่มพัฒนาระบบ
บริหารระดับกระทรวง กรม และสำนักงาน ก.พ.ร.
ซึ่งได้นำเรื่องการสำรวจการพัฒนาองค์การโดยระบบออนไลน์
และแนวคิดเทคนิคการพัฒนาองค์การในภาคราชการมาเป็นหัวข้อสำคัญในการแลก
เปลี่ยนเรียนรู้ รวมถึงรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะในการดำเนินงาน
โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนากว่า 400 คน
ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ
ก.พ.ร. กล่าวว่า ตัวชี้วัดด้านการพัฒนาองค์การ
เป็นการปรับระบบการตรวจประเมินใหม่ให้ง่ายขึ้น
โดยนำระบบการสำรวจออนไลน์เข้ามาใช้
เพื่อมุ่งเน้นการพัฒนาทุนองค์การที่สำคัญ 3 ทุน คือ ทุนมนุษย์ ทุนสารสนเทศ
และทุนวัฒนธรรมองค์การ ซึ่งการพัฒนาองค์การครั้งนี้คือ
การที่จะกลับมาดูความพร้อมของหน่วยงานว่าอยู่ในระดับใด ซึ่งถ้าคนพร้อม
ระบบเทคโนโลยีเรื่องข้อมูลพร้อม เรื่องวัฒนธรรมองค์การพร้อม แน่นอน
องค์การนั้นย่อมมีความพร้อมต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของหน่วยงานให้ก้าวไป
สู่ความสำเร็จ แต่ถ้าไม่พร้อม เมื่อสำรวจผลแล้ว
จำเป็นต้องพิจารณาว่าอะไรเป็นจุดอ่อนที่เป็นปัญหาต้องแก้ไขซึ่งจะทำให้เรา
สามารถกำจัดจุดอ่อนนั้น โดยการวางแผนพัฒนาองค์การ
ซึ่งการจัดทำการสำรวจการพัฒนาองค์การโดยระบบออนไลน์นี้จะช่วยทำให้ส่วน
ราชการได้ทราบว่า ขณะนี้ทุนทั้ง 3 ด้านขององค์การอยู่ในระดับใด
มีโอกาสในการปรับปรุงอย่างไรบ้าง เพื่อจะได้นำไปแก้ไขพัฒนาต่อไป
ในการประชุมสัมมนาได้มีการนำเสนอภาพรวมผลการสำรวจการพัฒนาองค์การโดยระบบออนไลน์ โดย นางวรรณพร เทพหัสดิน ณ อยุธยา สุทธปรีดา ผู้
อำนวยการสำนักบริหารการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม สำนักงาน ก.พ.ร.
ซึ่งในการบรรยายช่วงหนึ่ง นางวรรณพรกล่าวว่า
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ต้องนำ 3 ทุน อันได้แก่ ทุนมนุษย์ ทุนสารสนเทศ
และทุนวัฒนธรรม มาใช้เป็นกรอบในการประเมินผลการพัฒนาองค์การครั้งนี้
เนื่องจากเห็นว่าการที่จะผลักดันให้การพัฒนาองค์การก้าวไปข้างหน้าได้ คน ถือเป็นบุคคลสำคัญที่สุดที่จะทำให้การพัฒนาองค์การขับเคลื่อนไปได้ อีกประเด็นหนึ่งคือเรื่องของ ระบบข้อมูล ที่มีส่วนช่วยในการตัดสินใจ และประเด็นสุดท้ายคือ สภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่มีผลต่อการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน ดังนั้น
จึงเป็นที่ประจักษ์ว่าต้องมี 3
เรื่องนี้เป็นตัวหลักสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อใช้เป็นกรอบในการประเมินผล
การพัฒนาองค์การของส่วนราชการ
จากนั้น นางอารีพันธ์ เจริญสุข รักษาการ
ในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญกลุ่มบริหารการเปลี่ยนแปลง 1
สำนักบริหารการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม
ได้กล่าวสรุปผลการสำรวจองค์การในแต่ละด้านถึงระดับความเห็น ระดับความสำคัญ
และสิ่งที่ส่วนราชการต้องมุ่งพัฒนาเพื่อลดค่าเฉลี่ยของส่วนต่าง (Gap)
ระหว่างความเห็นและความสำคัญของความพึงพอใจในแต่ละด้าน
ทั้ง
นี้ ในการสัมมนาดังกล่าว
ยังให้ความสำคัญต่อการรับฟังความคิดเห็นของหน่วยงานต่อการดำเนินงานในเรื่อง
นี้
จึงได้มีการจัดเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้
แทนหน่วยงานตัวอย่างที่มีผลการสำรวจการพัฒนาองค์การโดยระบบออนไลน์อยู่ใน
เกณฑ์ดี โดยแบ่งการเสวนาออกเป็นสองห้อง ประกอบด้วย
ห้องที่ 1 เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่อง แนวคิดและเทคนิคการพัฒนาองค์การในภาคราชการ ด้านการพัฒนาปรับปรุงวัฒนธรรมองค์การ โดย นายจักรี สุจริตธรรม อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ และ นายนิพิฐ อริยวงศ์ ที่ปรึกษาด้านพัฒนาการประเมินราคาอสังหาริมทรัพย์ กรมธนารักษ์ ดำเนินรายการโดย นายอนุชิต ฮุนสวัสดิกุล
ห้องที่ 2 เป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เรื่อง แนวคิดและเทคนิคการพัฒนาองค์การในภาคราชการ ด้านการพัฒนาปรับปรุงสารสนเทศ โดย นายวินัย มะยมทอง นักวิชาการคอมพิวเตอร์ชำนาญการ กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และ นายประดิษฐ์ กังสนารักษ์ นักวิชาการคอมพิวเตอร์ชำนาญการพิเศษ กรมประชาสัมพันธ์ ดำเนินรายการโดย นายสุมิทธิ์ เกศวพิทักษ์
สำหรับการเสวนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ มีประเด็นแนวคิดเทคนิคการพัฒนาองค์การในภาคราชการที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมประชุมสัมมนาเป็นอย่างมาก ดังการบรรยายช่วงหนึ่งของ ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ผู้อำนวยการสำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) ซึ่งได้จุดประกายแนวคิดการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ของโลก โดยได้ยกตัวอย่างประเทศที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) เช่น
●
ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้พัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government)
มาใช้ในหน่วยงานภาครัฐเพื่อลดความซ้ำซ้อนด้านข้อมูล
โดยบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐเข้าด้วยกัน
รวมถึงการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนานโยบายต่าง ๆ ผ่านระบบ ICT
ซึ่งขณะนี้
ประธานาธิบดีโอบามาประกาศผลักดันโครงการสำคัญเพื่อการพัฒนาและลดการลงทุนที่
ซ้ำซ้อน ด้านรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ โครงการ Cloud Services
สำหรับระบบงานของรัฐบาลกลาง และการนำระบบ Cloud Service
สำหรับระบบงานของรัฐบาลมาใช้ เป็นต้น
●
ประเทศเกาหลี ได้รับการจัดอันดับให้เป็นอันดับ 1 ของโลกด้าน ICT
จากการจัดอันดับของe-Government โดย United Nation ปี 2010
โดยเริ่มจากการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และเริ่มการพัฒนา
การปฏิรูประบบราชการผ่านเว็บไซต์
และการปฏิรูปวิธีการทำงานจากเอกสารที่เป็นกระดาษเปลี่ยนเข้าสู่เอกสารแบบ
อิเล็กทรอนิกส์
โดยวัดความสำเร็จจากตัวเลขของจำนวนประชาชนที่เดินทางไปเข้าใช้บริการของภาค
รัฐจากสำนักงานโดยตรง ลดลง ขณะเดียวกัน Korea Communications Commission
เตรียมผลักดันโครงการสำคัญได้แก่ โครงการ Could Computing facilities
เช่นเดียวกัน
● ประเทศสิงคโปร์ เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้ประชาชนเป็นผู้กำหนดความต้องการจากการบริการของ e-Service ของหน่วยงานภาครัฐ
สถานภาพของประเทศไทยด้าน ICT ในเวทีโลก
ผลการจัดอันดับรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ โดย United Nation e-Government 2010
จากภาพ ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 4 ในกลุ่มประเทศ ASEAN (โดยตกจากอันดับ 3 เป็นอันดับที่ 4
เมื่อปี 2008) โดยพบว่า โครงสร้างพื้นฐาน ICT (Infrastructure Index)
ประเทศไทย อยู่ในอันดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลก
นโยบายการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทย
ปัจจุบัน
ประเทศไทยมีกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554 - 2563 ของประเทศไทย (IT 2020)
มีการกำหนดวิสัยทัศน์คือ
ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา (SMART Thailand) ด้วย ICT
ซึ่งการพัฒนากำลังคน ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการบริการจัดการ ICT
ประเทศอย่างมีธรรมาภิบาล ในส่วนการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนการสร้างธรรมาภิบาลใน
การบริหารและการบริการของภาครัฐ
ดร.ศักดิ์
เสกขุนทด มีความเห็นว่า
แม้ปัจจุบันทุกหน่วยงานภาครัฐต้องมีการจัดทำแผนแม่บท ICT ของแต่ละหน่วยงาน
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ระยะ พ.ศ.2554 - 2563 ของประเทศไทย (IT 2020) และแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ประเทศไทย (พ.ศ. 2552 - 2556) แล้ว สิ่งที่เป็นภารกิจสำคัญที่สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์
(สรอ.)
ในฐานะของหน่วยงานของรัฐที่สนับสนุนทางด้านการสร้างระบบรัฐบาล
อิเล็กทรอนิกส์
และเป็นหน่วยงานกลางของประเทศในการผลักดันและขับเคลื่อนการพัฒนารัฐบาล
อิเล็กทรอนิกส์ให้มีความสมบูรณ์และมั่นคงปลอดภัย (Enabling Complete &
Secure e-Government) สิ่งที่จะต้องผลักดันในการพัฒนา ICT ต่อไปคือ
การจัดทำสถาปัตยกรรมการจัดการองค์กร ซึ่ง
เป็นการบูรณาการ (Align)
ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและด้านธุรกิจหรือภารกิจเข้าด้วยกัน
เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการกำหนดทิศทาง (Vision) นโยบาย (Policy)
รูปแบบธุรกิจ (Business Model) ตลอดจนวางแผนกลยุทธ์ (Strategic Planning)
ต่างๆ ในการบริหารและดำเนินการขององค์กร (e-Government)
ซึ่งจะเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ความเชื่อมโยง
ระหว่างการนำ IT มารองรับการดำเนินงานขององค์การต่าง ๆ ในภาครัฐ
ถือเป็นภารกิจที่สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.)
จะต้องเดินหน้าสร้างความรู้ความเข้าใจ และผลักดัน Enterprise Architecture
(EA) หรือสถาปัตยกรรมการจัดการองค์กร ให้ทุกหน่วยงานภาครัฐ
พัฒนาไปในทิศทางและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
เพื่อให้เกิดการบูรณาการและการบริหารจัดการแบบธรรมาภิบาลในภาพรวม
ก่อนจบการเสวนา ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด ได้กล่าวถึง แนวโน้มเทคโนโลยีของโลก ปี 2010 โดย
ได้กล่าวถึง Cloud computing ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่
ที่จะปรับเปลี่ยนการทำงานภาครัฐ ลดการลงทุนที่ซ้ำซ้อน
และลดปัญหาในการของบประมาณ ด้าน ICT
รวมทั้งสนองตอบความต้องการของภาครัฐให้ใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า
เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและการพัฒนา ICT ในลักษณะ Store App
ขณะนี้ได้ สรอ. ได้เปิดโครงการนำร่องบริการระบบคลาวด์ภาครัฐ หรือ Government Cloud Service ไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่ง สรอ. ผลักดันให้เกิด Government Cloud Service ขึ้นในประเทศไทย ในปี 2555 นี้
ทั้งหมดนี้คือ ภาพรวมของรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ทั้งหมดและภารกิจที่สำนักงานรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (สรอ.) จะพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Government) ของประเทศไทยต่อไป
ด้าน ศาสตราจารย์ ดร.ปรัชญา เวสารัชช์ อ.ก.พ.ร. เกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ กล่าวถึง การพัฒนาปรับปรุงวัฒนธรรมองค์การ ว่า
บรรยากาศองค์การถือเป็นคำเชิงวิชาการใหม่ที่เริ่มมีคนสนใจมากขึ้น
แต่มีคำที่ใช้คล้ายๆกันอยู่ 2 3 คำ คำหนึ่งไม่ได้พูดในบริบท
บริบทองค์การที่พูดถึงจะเป็นเรื่อง กฎระเบียบ การบังคับบัญชา การลงเวลา
การทำงาน การแต่งตัว นี้เป็นเรื่องของบริบทองค์การ สภาพแวดล้อมองค์การ
ก็ถือเป็นประเด็นเดียวกับวัฒนธรรมองค์การ ซึ่ง ก.พ.ร.
เลือกเป็นคำที่ใช้สำหรับเป็นตัวชี้วัดในปี 2555 นี้
และในวงวิชาการที่นิยมใช้ก็คือ บรรยากาศองค์การ (Organization climate)
หรือถ้าเป็นเอกชนจะเรียกว่า Corporate climate
สำหรับ
เรื่องวัฒนธรรมองค์การ นับเป็นเรื่องที่มองไม่เห็น
เป็นเรื่องค่านิยมความเชื่อ หรือธรรมเนียมปฏิบัติ
ซึ่งบรรยากาศองค์การนับว่ามีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อพฤติกรรมการทำงานในองค์การ
เพราะฉะนั้นต้องเลือกเอาคุณลักษณะบางอย่างที่สำคัญของสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ซึ่งพนักงานรับรู้ทั้งทางตรงและทางอ้อม
บรรยากาศขององค์การถือเป็นพลังซึ่งมีอิทธิพลอย่างสำคัญต่อพฤติกรรมของคนใน
องค์การ ต้องวัดบรรยากาศองค์การให้เป็นรูปธรรมจนสามารถประเมินเชิงปริมาณได้
และต้องเข้าใจตรงกันอย่างเป็นรูปธรรม
ศาสตราจารย์
ดร.ปรัชญา กล่าวต่อว่า
ปัจจัยที่จะทำให้คนในองค์การมีความมุ่งมั่นทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
กับองค์การตามเป้าหมายวัตถุประสงค์ คือ
1. ภาวะผู้นำ ส่งเสริม สนับสนุนให้กำลังใจ และเป็นที่พึ่งในการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชา
2. วัฒนธรรม ให้ความเป็นธรรม ให้โอกาส ให้คำปรึกษาแนะนำ และรับฟังความคิดเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชา
3. การทำงานเป็นทีม มอบหมายงานโดยกำหนดเป้าหมาย / กรอบการทำงานอย่างชัดเจน และมอบความรับผิดชอบผลสัมฤทธิ์ของงานแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
4. การจัดการความรู้ ติดตามผลงานและพฤติกรรมของผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างใกล้ชิดและแจ้งผลดังกล่าวเพื่อการปรับปรุงการทำงาน
และ 5. การอุทิศตนให้งาน เชื่อมโยงผลงานและพฤติกรรมการทำงานของผู้ใต้บังคับบัญชากับผลตอบแทน
เหล่านี้คือ มุม
มองและแนวคิดเกี่ยวกับการพัฒนาองค์การในภาคราชการ
ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องมีการพัฒนาองค์การให้เกิดขึ้นอย่าง
ต่อเนื่อง ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยเอกซเรย์จุดแข็ง จุดอ่อน
เพื่อนำไปสู่การพัฒนาองค์การอย่างยั่งยืนเท่านั้น
การสำรวจการพัฒนาองค์การยังมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างและพัฒนาขีดสมรรถนะใน
การปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ
อันจะนำไปสู่การส่งมอบการบริการที่มีคุณค่าต่อประชาชนผู้รับบริการอีกด้วย
กลุ่มสื่อสารฯ & ภัทรพร (สลธ.) / ข่าว & ภาพ
วสุนธรา (สลธ.) / รายงาน
กลุ่มสื่อสารฯ / จ้ดทำ
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 6 มีนาคม 2555 09:32:24 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 8 มีนาคม 2555 12:26:10