รายการ เดินหน้า...พัฒนาราชการไทย เสนอเรื่อง
ถอดรหัส...ระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการ
รายการเดินหน้า...พัฒนาราชการไทย ที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2554 เวลา 14.00 น. 14.50 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย เสนอเรื่อง ถอดรหัส...ระบบการประเมินผลภาคราชการ ซึ่งได้รับเกียรติจาก นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ มาร่วมพูดคุยในรายการ และดำเนินรายการโดย คุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์
เปิดรายการด้วยภาพบรรยากาศการประชุมสัมมนาเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายการพัฒนาระบบราชการ เรื่อง การประเมินผลและพัฒนาหน่วยงานในภาคราชการ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2554 ที่ผ่านมา โดยมี ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์เลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นผู้กล่าวรายงาน และ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมฯ
การประชุมสัมมนาครั้งนี้ เป็นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับ ระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการ หรือGovernment Evaluation System (GES) ซึ่งเป็นการบูรณาการระบบการประเมินผลของหน่วยงานส่วนกลางให้เป็นเอกภาพ มีประสิทธิภาพและลดภาระการจัดทำรายงานของส่วนราชการ และเพื่อให้ข้าราชการสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังสร้างความน่าเชื่อถือและความมั่นใจแก่สาธารณชนต่อการดำเนินการตามนโยบาย ยุทธศาสตร์ และผลงานของส่วนราชการว่าได้มีการตรวจสอบและกำกับดูแลอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ความคุ้มค่า และมีคุณภาพในการบริหารงาน
ระบบการประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการนี้ เป็นระบบการประเมินผลที่สำคัญและสอดคล้องกับการยกระดับธรรมาภิบาลของแต่ละส่วนราชการให้อยู่ในระดับมาตรฐานสากล นอกจากนี้ยังช่วยสร้างความรับผิดชอบต่อสาธารณะ และสร้างความมั่นใจ ความไว้วางใจในการบริหารราชการแผ่นดินมากขึ้น พร้อมเปิดให้ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ระบบดังกล่าวจะสามารถดำเนินการได้เต็มรูปแบบในปี 2555 เป็นต้นไป
หลังจากนั้นเป็นการพูดคุยกับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยนายสาทิตย์ ได้กล่าวว่า ระบบราชการไทย ได้ดำเนินการตามแนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และมีระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการตรวจสอบประเมินผลภาคราชการขึ้นมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2548 โดยมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) ซึ่งดำเนินการด้วยหลักคิดที่ว่าระบบราชการ เป็นระบบที่ต้องใช้ทรัพยากรซึ่งเป็นงบประมาณที่มาจากเงินภาษีของประชาชนจำนวนมาก เพราะฉะนั้นระบบราชการต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพ และสามารถตอบสนองความต้องการ พร้อมทั้งสร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชน และด้วยหลักคิดนี้ส่งผลให้หน่วยงานกลางต่าง ๆ กำหนดให้ส่วนราชการจัดส่งรายงานการประเมินตนเอง ซึ่งเป็นการเพิ่มภาระการทำงานให้ส่วนราชการและเกิดความซ้ำซ้อนของข้อมูล จึงได้นำระบบการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการมาใช้เพื่อลดภาระและความซ้ำซ้อนดังกล่าว
นายสาทิตย์ ได้กล่าวต่อไปว่า ในอนาคตระบบราชการไทยต้องเป็นระบบเปิดให้มากขึ้น คือ ต้องเปิดให้มีการติดตาม ต้องยอมรับกระบวนการตรวจสอบจากองค์กรภายนอก รวมทัารตรวจสอบจากประชาชน เพื่อสร้างความโปร่งใส เพราะฉะนั้นการตรวจสอบประสิทธิภาพ ประสิทธิผลภายในจึงเป็นเรื่องจำเป็น เนื่องจากระบบราชการเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ จึงต้องมีการปรับเปลี่ยน การบริหารทรัพยากรและงบประมาณจะต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ช่วงที่ 2 ของรายการเป็นสกู๊ป สัมภาษณ์ ผศ.ดร.ประวิตร นิลสุวรรณากุล กรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ โดย ผศ.ดร.ประวิตร นิลสุวรรณากุล ได้กล่าวว่า การจัดเก็บข้อมูลในคลังข้อมูลจะต้องอาศัยระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เพื่อใช้จัดเก็บข้อมูลของส่วนราชการต่าง ๆ และอำนวยความสะดวกในการกรอกข้อมูลสู่คลังข้อมูลกลาง ซึ่งแนวคิดนี้ได้เริ่มดำเนินการเป็นโครงการนำร่องเพื่อทดสอบระบบที่จะวางไว้ ตั้งแต่ปี 2553 โดยส่วนราชการระดับกรมเข้าร่วมโครงการ จำนวน 2 กรม ได้แก่ กรมตรวจบัญชีสหกรณ์และกรมธนารักษ์ และระดับจังหวัด จำนวน 2 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจังหวัดสุพรรณบุรี สำหรับในปี 2554 นี้ จะดำเนินการขยายผลในส่วนราชการอีก 20 กรมและคาดว่าในปี 2555 ส่วนราชการและจังหวัดจะสามารถจัดทำคลังข้อมูลเพื่อตรวจสอบและประเมินผลได้ครบถ้วน
ผศ.ดร. ประวิตร ได้กล่าวต่อไปว่า เมื่อระบบได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แล้ว จะส่งผลให้หน่วยงานราชการจะต้องกรอกข้อมูลเข้าสู่คลังข้อมูลกลาง และระบบจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล เพื่อให้หน่วยงานราชการออกเอกสารเกี่ยวกับการตรวจสอบและประเมินผลได้อย่างถูกต้อง สำหรับโครงสร้างการจัดเก็บข้อมูลนั้น จะจัดเก็บโดยแยกประเภทของข้อมูลไว้อย่างชัดเจน ทำให้หน่วยงานกลางสามารถตรวจสอบ ประเมินผลและดึงข้อมูลจากที่คลังข้อมูลกลางไปใช้ในการตรวจสอบประเมินผลตามวัตถุประสงค์ของหน่วยงานได้ทันทีโดยไม่ต้องรอเอกสารจากส่วนราชการ ซึ่งระบบการตรวจสอบประเมินผลเช่นนี้จะช่วยลดภาระในการเตรียมข้อมูลและลดความซ้ำซ้อนในการปฏิบัติงานให้แก่หน่วยงานราชการและหน่วยงานกลาง ซึ่งจะสามารถนำข้อมูลจากคลังข้อมูลกลางนี้ไปใช้เพื่อเป็นข้อมูลในการบริหารจัดการของรัฐบาลได้อย่างรวดเร็ว ชัดเจน และถูกต้องยิ่งขึ้น
กลับมาพูดคุยกับรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกันต่อ ซึ่งนายสาทิตย์ ได้กล่าวเสริม ผศ.ดร.ประวิตร ว่า เมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลกลางเข้ากับฐานข้อมูลของส่วนราชการ ต่าง ๆ เพื่อให้ระบบ GES เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลสูงสุด
ในช่วงสุดท้ายของรายการ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ได้กล่าวถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการพัฒนาระบบการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการไว้ว่า จากการนำระบบการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการแบบบูรณาการมาใช้ในระบบราชการเป็นการส่งเสริมให้ราชการมีความรับผิดชอบในภารกิจมากขึ้น รวมทั้งเป็นการสร้างความโปร่งใส ลดการทุจริตคอร์รัปชั่นและทำให้ระบบราชการไทยมีความน่าเชื่อถือจากประชาชนมากขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี นอกจากนี้ การนำผลจากการประเมินไปสู่การปรับปรุงนโยบายอย่างเป็นรูปธรรม และการประเมินนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงการทำงานของราชการให้ดีขึ้น และประหยัดเงินงบประมาณ
สำหรับประโยชน์ที่ภาคส่วนอื่นจะได้รับ ได้แก่ การนำฐานข้อมูลต่าง ๆ ไปใช้ประโยชน์ เช่น สถาบันการศึกษานำฐานข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในเรื่องของการเรียนการสอน การศึกษาวิจัย ส่วนภาคประชาสังคม จะสามารถนำฐานข้อมูลเหล่านั้นไปใช้ในการตัดสินใจหรือกำหนดทิศทางขององค์กรได้ และภาคธุรกิจเอกชนจะสามารถนำฐานข้อมูลหรือการตรวจสอบและประเมินผลแบบบูรณาการนี้ไปใช้ในการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคม หรือ CSR ได้ เป็นต้น
โปรดติดตามรายการ เดินหน้า...พัฒนาราชการไทย ได้ทุกวันศุกร์ สัปดาห์ที่ 2 ของเดือน เวลา 14.00 น. 14.50 น. ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย
นนทญา (สลธ.) / ข่าว & ภาพ
วสุนธรา (สลธ.) / รางาน
กลุ่มสื่อสาร ฯ / จัดทำ
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 28 เมษายน 2554 11:21:22 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 28 เมษายน 2554 11:21:22