คณะข้าราชการจากประเทศบังคลาเทศ
ศึกษาดูงานการพัฒนาระบบราชการ
เมื่อวันที่ 8 เมษายน 2554 สำนักงาน ก.พ.ร. ได้รับเกียรติจาก คณะข้าราชการจากประเทศบังคลาเทศ ที่มาศึกษาดูงานเกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการ ณ ห้องประชุม ก.พ.ร. ชั้น 5 สำนักงาน ก.พ.ร. โดยมี นางกิตติยา คัมภีร์ ผู้อำนวยการสำนักเผยแพร่และสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบราชการ เป็นผู้บรรยาย
คณะข้าราชการจากประเทศบังคลาเทศ ที่มาศึกษาดูงานยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการในครั้งนี้ เป็นข้าราชการจากกระทรวงต่าง ๆ ของประเทศบังคลาเทศ ที่เข้ารับการฝึกอบรมเรื่อง Preparing the Next Generation Leaders for the Challenges of 21st Century Bangladesh ซึ่งจัดโดย สำนักงานบริการวิชาการ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology (AIT)) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในด้านการบริหารและการจัดการนโยบายสาธารณะ
เนื่องจาก AIT เล็งเห็นว่าสำนักงาน ก.พ.ร. เป็นแบบอย่างที่ดีในการเรียนรู้ด้านยุทธศาสตร์ในการพัฒนาระบบราชการ รวมทั้งการจัดการความรู้กับการบริหารราชการแนวใหม่ AIT จึงนำคณะผู้เข้าอบรมในหลักสูตรดังกล่าวมาศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาระบบราชการ โดยผู้ที่มาต้อนรับและบรรยายให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับคณะศึกษาดูงานในครั้งนี้ คือ นางกิตติยา คัมภีร์ ผู้อำนวยการสำนักเผยแพร่และสนับสนุนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาระบบราชการ โดยได้บรรยายในหัวข้อ Public Sector Development Initiatives: Thailand Experience โดยได้บรรยายถึงสาเหตุที่ทำให้ต้องมีการปฏิรูประบบราชการ การดำเนินการพัฒนาระบบราชการไทยนับตั้งแต่การประกาศใช้พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2545 ซึ่งกำหนดกรอบแนวทางการบริหารราชการแผ่นดินที่เน้นหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และการบริหารงานภาครัฐแนวใหม่ เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และการจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย
นอกจากนี้ ผอ.กิตติยายังได้แนะนำให้คณะศึกษาดูงานได้รับทราบถึงบทบาทหน้าที่ และภารกิจของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) และสำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งได้ดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาระบบราชการ อาทิ การจัดทำแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการไทย การปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการ การจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการและการติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการ การลดขั้นตอนและระยะเวลาในการปฏิบัติราชการและพัฒนาคุณภาพการให้บริการประชาชน การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรมและค่านิยมของข้าราชการให้เอื้อต่อการพัฒนาระบบราชการ การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMQA) การจัดทำโครงการส่งเสริมการเรียนรู้ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (e-Learning) เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการต่าง ๆ ดังกล่าว ส่งผลให้การพัฒนาระบบราชการบังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ดังจะเห็นได้จากผลการจัดอันดับความยากง่ายในการเข้าไปประกอบธุรกิจของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก (Doing Business) ที่จัดทำโดยธนาคารโลก (World Bank) ซึ่งประเทศไทยได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับ Top 20 ทุกปี นับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา โดยล่าสุด การจัดอันดับในปี 2011 ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 19 จาก 183 ประเทศ และเป็นอันดับที่ 3 ของทวีปเอเชีย รองจากสิงคโปร์ และฮ่องกง
วสุนธรา & ภัทรพร (สลธ.) / รายงาน
ชนกสุดา & ธนาพร (สลธ.) / ข้อมูล
กลุ่มสื่อสาร ฯ / จัดทำ
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 22 เมษายน 2554 11:27:07 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 22 เมษายน 2554 11:27:07