ก.พ.ร. ผวาแรงต้านคุมทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง
ผนึก 3 ฝ่ายเดินหน้า 10 พ.ย. ประกาศป้องกัน ทุจริต
ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. ได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ในคอลัมน์ Anti>Corruption Forum ฉบับวันที่ 4 พฤศจิกายน 2553 ที่ผ่านมา เกี่ยวกับ โครงการป้องกันทุจริตประพฤติมิชอบในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของทางราชการ
ซึ่งเป็นโครงการที่สำนักงาน ก.พ.ร.
สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
และสภาหอการค้าไทย
ร่วมกันจัดทำขึ้นเพื่อป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในการจัดซื้อจัดจ้าง
วันนี้ OPDC News จึงขอสรุปบทสัมภาษณ์ของเลขาธิการ ก.พ.ร. มานำเสนอ
เพื่อแนะนำให้รู้จักกับโครงการดังกล่าว
โดย ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ
ก.พ.ร. เปิดเผยว่า ก.พ.ร.
เริ่มโครงการป้องกันทุจริตประพฤติมิชอบในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของทาง
ราชการ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ให้ความเห็นชอบแล้ว โดยวันที่ 10 พฤศจิกายนนี้ นายกรัฐมนตรี
ในฐานะผู้นำภาครัฐ ตัวแทนภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
จะร่วมลงนาม คำประกาศเจตนารมณ์ร่วม 3 ฝ่าย เพื่อป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในการจัดซื้อจัดจ้าง ระหว่างการประชุมนานาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต ครั้งที่ 15
เลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวอีกว่า
โครงการนี้เป็นเพียงยาตัวหนึ่งในการป้องกันการทุจริตจัดซื้อจัดจ้าง
และพุ่งเป้าไปที่เอกชนเป็นหลัก ส่วนการควบคุมข้าราชการ เช่น
ข้าราชการทำตามใบสั่งนักการเมือง ก็ต้องมีระบบควบคุมต่อไป
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปประเทศ
แต่ยอมรับโครงการนี้มีการต่อต้านแน่นอน เพราะมีคนเสียประโยชน์
ซึ่งต้องขึ้นกับระดับนโยบายว่าเอาจริงกับโครงการนี้มากน้อยแค่ไหน
เราต้องกระชับโอกาสการทำทุจริตให้น้อยลง
สร้างคนที่จะทำดีให้มากขึ้น แกะดำจะต้องถูกสังคมตรวจสอบมากขึ้น
ซึ่งอย่างน้อย ก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ดร.ทศพรกล่าว
โครงการดังกล่าวแบ่งเป็นสองเฟส คือ เฟสแรก เริ่มตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย. 2553-ธ.ค. 2554 กำหนดให้เอกชนที่เสนอตัวเข้าร่วมการประมูลจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานภาครัฐต้องลงนาม เจตนารมณ์ว่าด้วยความซื่อสัตย์ (Integrity Pact) เพื่อ
แสดงเจตนารมณ์ว่าบริษัทจะยื่นประมูลงานโดยสุจริไม่มีการให้สินบนหรือสมยอมราคา และบริษัทต้องเตรียมการภายใน เช่น
วางนโยบายและมาตรการเพื่อความมั่นใจว่า
คนในบริษัทจะประกอบธุรกิจด้วยความสุจริตและมีระบบควบคุมภายใน
ในเฟสแรก จะทำแบบสมัครใจ ขณะนี้มีสมาชิกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย 20 บริษัท พร้อมเข้าร่วมโครงการนำร่อง
ในส่วนราชการ ก.พ.ร. กำหนดให้กระทรวงทั้ง 20 กระทรวง
คัดเลือกกรมในสังกัด 1 กรมเข้าร่วมโครงการนี้
และให้กรมคัดเลือกโครงการที่สำคัญ เพื่อเปิดให้เอกชนร่วมประมูล เช่น
โครงการที่มีมูลค่าสูง ขณะเดียวกันกรมต้องเตรียมระบบตรวจสอบและควบคุมภายใน
ไม่ให้เจ้าหน้าที่รับสินบนหรือเงินใต้โต๊ะ
จากนั้น เฟส 2 เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2555 จะมีความเข้มข้นมากขึ้น คือ
บริษัทที่เข้าร่วมการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐต้องลงนามเจตนารมณ์ว่าด้วยความ
ซื่อสัตย์ จึงมีสิทธิเข้าร่วมประมูลโครงการรัฐได้
อีกทั้งต้องแสดงหลักฐานว่ามีระบบควบคุมภายในที่ดี
ขณะที่กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างจะมีผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระจากภายนอก
(Independent Inspector) เข้ามามีส่วนร่วมตั้งแต่ร่าง TOR ตรวจสอบการประมูล
และตรวจสอบภายหลังประมูล ส่วนการคัดเลือก
ผู้ตรวจสอบอิสระจะเปิดรับสมัครเป็นการทั่วไปทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ป.ป.ช.
ผู้เชี่ยวชาญสาขาที่เกี่ยวข้องและภาคประชาสังคม โดยสอบคัดเลือก ฝึกอบรม
และได้รับการรับรองจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ
ก่อนบรรจุไว้ในบัญชีผู้ตรวจสอบอิสระ
สำหรับบริษัทที่ชนะการประมูลหรือบริษัทที่ร่วมประมูลต้องพร้อม
เปิดเผยข้อมูลให้ผู้ตรวจสอบอิสระและสาธารณชนทราบว่าค่าใช้จ่ายในการประมูล
แต่ละโครงการเท่าไร เพื่อให้สาธารณชนทราบว่าไม่ติดสินบนเจ้าหน้าที่
โดยผู้ตรวจสอบอิสระสามารถเข้าไปตรวจสอบได้
การมาเซ็นคำรับรองว่าฉันจะเป็นคนดี ไม่พอ
เราจะเปิดกระบวนการให้โปร่งใส
โดยมีบุคคลภายนอกและภาคประชาสังคมเข้าร่วมการตรวจสอบด้วย เช่น การร่าง TOR
มีการล็อกสเปคหรือไม่ ทำไมต้องการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีพิเศษ
ถ้าดูแล้วพบว่ามีกลิ่นไม่ดี ก็ส่งให้ผู้รับผิดชอบตรวจสอบได้ ดร.ทศพรกล่าว
เลขาธิการ
ก.พ.ร. กล่าวต่อไปว่า
หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับมอบประกาศนียบัตรรับรองการ
ปราศจากคอร์รัปชันจากนายกรรัฐมนตรี
โดยเฉพาะบริษัทเอกชนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทสีขาว
เป็นองค์กรที่ทำธุรกรรมสุจริต ไม่มีการให้สินบน
เป็นบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) จะมีแรงจูงใจพิเศษให้ เช่น
การให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษี
หรือมีแต้มต่อในการจัดซื้อจัดจ้างเมื่อเทียบกับบริษัทที่ไม่ได้อยู่ใน
ทำเนียบรายชื่อบริษัทสีขาว
แต่หากพบว่าบริษัทที่อยู่ในบัญชีมีนอกมีในการจ่ายสินบนก็จะถูกถอดออกจาก
บัญชี และถูกขึ้นบัญชีดำ
วสุนธรา & ภัทรพร (สลธ.) / จัดทำ
ที่มา : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 4 พฤศจิกายน 2553
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2553 11:04:26 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 8 พฤศจิกายน 2553 11:09:22