การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างหน่วยงาน เรื่อง
การผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐานตามระบบ GAP 
 
 
          สำนักงาน ก.พ.ร. โดยสำนักบริหารการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรม จัดการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างหน่วยงาน เรื่อง การผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐานตามระบบ GAP เมื่อวันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม 2553 ณ ห้องประชุมปฏิบัติการ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเพชรบุรี 
 
          สำนักงาน ก.พ.ร. 
ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ในการส่งเสริมหน่วยงานภาครัฐให้เกิด
กระบวนการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง 
ได้เล็งเห็นความสำคัญของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการแบ่งปันความรู้ 
(Knowledge Sharing) ระหว่างหน่วยงาน จึงได้จัดให้มีเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเรื่อง การผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยได้มาตรฐานตามระบบ GAP (Good Agriculture Practice) ระหว่าง
กลุ่มจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงกัน ได้แก่ จังหวัดนครปฐม ประจวบคีรีขันธ์ 
เพชรบุรี ราชบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และสุพรรณบุรี 
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดให้เกิดการสร้างเครือข่ายการแลก
เปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง 
 
 
          ในเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับเทคนิคในการปลูกพืชทางการเกษตรให้ได้มาตรฐานตามระบบ GAP ดังนี้
 
          คำว่า GAP ย่อมาจากคำว่า Good Agricultural Practice หมายถึง แนวทางในการทำการเกษตร เพื่อให้ได้ 1) 
ผลผลิตที่มีคุณภาพดีตรงตามมาตรฐานที่กำหนด 2) 
มีขบวนการผลิตที่มีความปลอดภัยต่อเกษตรกรและผู้บริโภค 3) 
มีการใช้ทรัพยากรที่เกิดประโยชน์สูงสุด 4) 
ก่อให้เกิดความยั่งยืนทางการเกษตร และ 5) ไม่ทำให้เกิดมลพิษ ต่อสิ่งแวดล้อม
 เป็นระบบที่สร้างผลผลิตตรงตามมาตรฐานคุณภาพที่ตลาดต้องการ 
โดยเกษตรกรจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำที่ถูกต้อง ตั้งแต่การเพาะปลูก 
จนถึงการเก็บเกี่ยว การจัดการหลังการเก็บเกี่ยว การบรรจุหีบห่อ 
และการขนส่งเพื่อจำหน่าย 
เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับการตกค้างของสารกำจัดศัตรูพืช และเชื้อโรคต่าง ๆ
 ในการปฏิบัติงาน ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายสุดท้าย คือ 
ผลผลิตที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภค ดังนั้น 
ในการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อให้ได้มาตรฐานตามระบบ GAP 
เกษตรกรจะต้องดูแลทุกกระบวนการตั้งแต่การใช้น้ำ 
จะต้องใช้น้ำจากแหล่งน้ำที่สะอาด 
พื้นที่ในการผลิตต้องไม่มีเชื้อโรคและสารพิษ 
กรรมวิธีในการเก็บรักษาปุ๋ยและสารเคมีต้องมีความถูกต้อง 
การเก็บเกี่ยวผลผลิตต้องเป็นไปตามระยะเวลา นอกจากนี้ ระบบ GAP 
จะดูไปถึงการแปรรูป เช่น น้ำพริก 
จะดูว่าพริกที่นำมาใช้ในการทำน้ำพริกมาจากไหน 
มีความปลอดภัยหรือไม่มีกระบวนการผลิตอย่างไร เป็นต้น
 
 
            จังหวัดสมุทรสงคราม มีสินค้าเกษตรที่สำคัญ คือ ส้มโอ ดังนั้น แนวทางในการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยให้ได้มาตรฐานตามระบบ GAP 
ของทางจังหวัดสมุทรสงคราม คือ 
มีการดูแลเพื่อรักษาคุณภาพของส้มโอให้เป็นไปตามมาตรฐานทุกขั้นตอน 
ตั้งแต่ส้มโอเริ่มต้นติดดอกจนกระทั่งเป็นผลส้มโอที่สมบูรณ์ 
โดยเทคนิคในการทำให้ส้มโอมีรสชาติหวาน คือ การใส่ปุ๋ยหมัก 
และปุ๋ยขี้แดดนาเกลือ 
 
 
          ใน
ช่วงที่ส้มโอกำลังติดดอก 
ทั้งนี้เพราะในปุ๋ยขี้แดดนาเกลือจะมีโซเดียมและโพแทสเซียมที่ช่วยทำให้ส้มโอ
มีรสชาติที่หวาน แต่หากใส่ปุ๋ยขี้แดดนาเกลือมากเกินไป 
จะทำให้ปลายใบส้มโอไหม้ ดังนั้น ในช่วงแรกที่ส้มโอมีการติดดอก 
เกษตรกรไม่ควรใส่ปุ๋ยขี้แดดนาเกลือมากเกินไป 
 
          ** ปุ๋ยขี้แดดนาเกลือ คือ ดินที่ลอกออกก่อนทำนาเกลือ 
เกิดจากน้ำที่หมักหลังจากที่ไม่ได้ทำนาเกลือนานแล้ว 
ซึ่งจะมีกลิ่นเหม็นเน่ามาก เนื่องจากสาหร่าย ตะไคร้น้ำ มีจุลินทรีย์อยู่มาก
 เมื่อผสมผสานกันจะทำให้ดินร่วนซุยดี  เมื่อใส่ลงไปในผลไม้ ผัก 
หรือกล้วยไม้  จะทำให้ผลไม้หรือผักหวานมาก ๆ และกล้วยไม้ก็จะงามและอยู่ทน 
ปัจจุบันจังหวัดสมุทรสงครามมีรายได้จากการผลิตขี้แดดนาเกลือส่งขายจังหวัด
ต่าง ๆ ซึ่งทางจังหวัดผลิตได้เพียง 2  3 พันตัน/ปี เท่านั้น
 
 
          ส่วนเทคนิคในการปลูก มะพร้าวน้ำหอมและพุทรา ให้
ได้ผลผลิตดีนั้น เกษตรกรจะต้องใส่ปุ๋ยขี้แดดนาเกลือในช่วงก่อนมะพร้าวออกลูก
 ส่วนพุทราจะต้องมีการตัดแต่งกิ่งสม่ำเสมอ เพื่อให้ต้นพุทราแตกใบใหม่ 
อันจะส่งผลให้ผลผลิตต่อต้นมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น 
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงน้ำหมักจากขี้หมูว่า หากนำน้ำหมักจากขี้หมูไปรดต้นข้าว
 จะทำให้ต้นข้าวมีความสมบูรณ์ แข็งแรง 
 
           สำหรับ  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  มีสินค้าเกษตรที่สำคัญ คือ สับปะรด ทางจังหวัดมีเทคนิคในการทำให้สับปะลรวดเร็วและพร้อมเพรียงกัน 
โดยการหยดก๊าซอะเซทีลีน (Acetylene) ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายมนุษย์ 
ลงไปที่ขั้วของสับปะรด 
ซึ่งการใช้เทคนิคเช่นนี้ทำให้เกษตรกรสามารถควบคุมระยะเวลาในการเก็บเกี่ยว
ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ในการทำให้พืชผักผลไม้มีสีเขียวสด น่ารับประทาน 
มีเทคนิคที่สำคัญ คือ ให้ฉีดน้ำขึ้นไปบนที่สูง 
เพื่อให้ละอองน้ำจับกับไนโตรเจน (Nitrogen) ในอากาศ ก่อนตกลงสู่พื้นดิน 
ซึ่งการทำเช่นนี้จะทำให้พืชผักผลไม้มีใบสีเขียวสดน่ารับประทาน 
 
 
          สำหรับ การป้องกันศัตรูพืช  จังหวัดสมุทรสงคราม  จะไม่มีการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลงใด ๆ แต่จะใช้วิธีทางธรรมชาติที่เรียกว่าตัดหญ้าล่อแมลง โดยเกษตรกรจะสังเกตลักษณะทางธรรมชาติของแมลงที่มักจะชอบวางไข่บนใบไม้อ่อน 
ดังนั้น ในการป้องกันศัตรูพืชที่จะมาทำลายต้นส้มโอ 
เกษตรกรจะตัดหญ้าเพื่อให้หญ้าแตกใบอ่อน เพื่อล่อให้แมลงมาวางไข่บนใบหญ้า 
หลังจากนั้นสัตว์ต่าง ๆ ตามระบบนิเวศวิทยาก็จะช่วยกำจัดศัตรูพืชเอง 
ซึ่งผู้แทนจากจังหวัดสมุทรสงคราม เรียกสัตว์ต่าง ๆ 
ที่ช่วยในการกำจัดศัตรูพืชว่า กองทัพบก (กบ เขียด) 
ช่วยกำจัดศัตรูพืชที่อยู่บนดิน กองทัพอากาศ (มดแดง แมงมุม) 
ช่วยกำจัดศัตรูพืชที่อยู่บนอากาศ และ กองทัพเรือ (ปลา) 
ช่วยกำจัดศัตรูพืชที่ตกลงไปในน้ำจากการปักไฟไล่แมลง 
ส่วนศัตรูพืชที่อยู่ใต้ดิน 
เกษตรกรจะใช้น้ำหมักชีวภาพที่ทำจากน้ำส้มควันไม้กำจัดศัตรูพืชที่อยู่ใต้ดิน
 
ต่อมาจังหวัดนครปฐมได้กล่าวเสริมว่าทางจังหวัดนครปฐมได้มีการใช้ตัวห้ำและ
ตัวเบียนมาใช้ในการกำจัดศัตรูพืช 
โดยได้รับความรู้จากอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มาให้ความรู้แก่เกษตรกรในจังหวัด 
 
 
          ในเรื่อง การตลาด (Marketing)  จังหวัดราชบุรี  ได้มีการจัด มหกรรมสินค้าเกษตรปลอดภัยและวิสาหกิจชุมชนจังหวัดราชบุรี 
ระหว่างวันที่ 1-3 กันยายน 2553 ณ อำเภอดำเนินสะดวก 
เพื่อประชาสัมพันธ์เผยแพร่และจัดจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัย ทั้งด้านพืช 
สัตว์ ประมง 
และการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตรที่ได้รับการรับรองมาตรฐานแหล่งผลิตที่
ปลอดภัยจากสารพิษให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เช่น ชมพู่ ฝรั่ง 
มะพร้าวอ่อน ฯลฯ นอกจากนี้ตลาดบางแห่งในจังหวัดราชบุรี เช่น ตลาดศรีเมือง 
จะมีมุมสำหรับสินค้าที่ผ่านมาตรฐานตามระบบ GAP โดยเฉพาะ 
และมีการส่งเสริมให้ความรู้เรื่องระบบ GAP แก่เกษตรกร 
เพื่อให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าที่ได้มาตรฐานตามระบบ GAP ได้ต่อไป
 
          ในเรื่อง การรับรองคุณภาพสินค้า  จังหวัดสุพรรณบุรี  
ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ว่าในการรับรองคุณภาพสินค้าประเภทอาหารจะไม่มี
การตรวจเป็นกระบวนการเหมือนสินค้าประเภทเกษตร 
แต่จะตรวจดูที่ความปลอดภัยของอาหารประเภทนั้นว่ามีความปลอดภัยหรือไม่ 
ซึ่งโดยปกติจะมีการสุ่มตรวจ 3 ครั้ง ในช่วงระยะเวลา 3 เดือน 
หากผ่านการตรวจจะมีการมอบป้ายรับรองคุณภาพสินค้าให้กับเจ้าของร้าน 
แต่ปัญหาที่เกิดจากการมอบป้ายรับรองคุณภาพสินค้าแก่เจ้าของร้าน คือ 
ประชาชนมักจะเข้าใจผิดคิดว่าสินค้าในร้านผ่านมาตรฐาน GAP แล้วทั้งหมด 
นอกจากนี้ ปัญหาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ ระบบ GAP 
ไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่าสินค้าที่ผ่านระบบ GAP มีความปลอดภัยจริง 
เพราะเจ้าหน้าที่เคยตรวจส้มโอแล้วพบว่า ส้มโอไม่มีสารตกค้าง 
แต่เมื่อตรวจเลือดของเจ้าของสวนส้มโอกลับพบสารพิษในเลือด 
ซึ่งเป็นไปได้ว่าการที่ตรวจพบสารพิษตกค้างในร่างกายของเจ้าของสวน 
ส้มโออาจมาจากการบริโภคผักผลไม้ชนิดอื่น ๆ ในตลาด 
หรือจากการใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง โดย ไม่ป้องกันร่างกายให้มิดชิด
 
 
          สุดท้าย ใน  การรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตร (Q)  ประเทศไทยมีระยะเวลาในการรับรองมาตรฐานสินค้าประมาณ 2 - 3 ปี 
ขึ้นอยู่กับประเภทและชนิดของสินค้า ซึ่งเกษตรกรจะเป็นผู้ขอต่ออายุเอง 
โดยเกษตรกรจะต้องเป็นผู้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้าก่อนหมดอายุ 
และในการตรวจคุณภาพสินค้า ถ้าตรวจใหม่แล้วไม่ผ่านการรับรองคุณภาพ 
เจ้าของจะถูกคัดรายชื่อออก 
ส่วนในประเทศญี่ปุ่นเรียกระบบมาตรฐานการเกษตรแบบเดียวกันนี้ว่า ระบบ JAS 
(Japan Agricultural Standard : JAS) 
โดยจะรับรองคุณภาพสินค้าที่ได้มาตรฐานนานถึง 5 ปี
 
          ผลสำเร็จจากการจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 
ในรูปแบบชุมชนนักปฏิบัติ (Community of Practice : CoP) ในครั้งนี้ 
ส่งผลทำให้กลุ่มจังหวัดต่าง ๆ มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และแบ่งปันความรู้ 
(Knowledge Sharing) เกี่ยวกับประสบการณ์ เทคนิค 
วิธีการในการผลิตสินค้าเกษตรปลอดภัยให้ได้มาตรฐานตามระบบ GAP (Good 
Agriculture Practice) ซึ่งจังหวัดต่าง ๆ ที่เข้าร่วม 
สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติ 
และประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของจังหวัดตนเอง 
อันจะก่อให้เกิดการต่อยอดและยกระดับความรู้ 
ทำให้เกิดการพัฒนาผลผลิตทางการเกษตรของจังหวัดให้มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป 
นอกจากนี้ ผลจากการดำเนินการดังกล่าว 
ยังก่อให้เกิดความมั่นใจในการเข้าถึงปัญหา 
มีการสร้างเครือข่ายเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน 
มีความผูกพันต่อกันเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม ทำให้ผลงานที่ได้มีคุณภาพ 
ซึ่งชุมชนนักปฏิบัติถือเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนและเครื่องมือในการจัดการ
ความรู้ อันจะนำมาซึ่งการพัฒนาบุคกรและองค์กรต่อไป
 
          สำหรับแผนดำเนินการต่อไป สำนักงาน ก.พ.ร. จะเข้าไปเปิดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกลุ่มจังหวัดอีกครั้งหนึ่งในเรื่อง Green Industry : ก้าวไกลสู่อุตสาหกรรมเชิงนิเวศน์ ในประเด็นเกี่ยวกับการพัฒนาอุตสาหกรรมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2553 นี้ 
 
  
  
 
สำนักนวัตกรรมฯ / เรื่อง & ภาพ
วสุนธรา (สลธ.) / จัดทำ 
 
 
	
	
	
  
 
            
						
            เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 21 กันยายน 2553 10:15:09 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 21 กันยายน 2553 10:15:09