PERC
จัดอันดับระบบราชการไทยมีประสิทธิภาพเป็นอันดับ 3
ของเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ (Political and
Economic Risk Consultancy: PERC) ประกาศผลการจัดอันดับความมีประสิทธิภาพของระบบราชการในประเทศ
แถบเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2553
เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยประเทศ
ไทยได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 3 จาก 12 ประเทศ
การ
จัดอันดับดังกล่าว
เป็นผลมาจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารชาวต่างชาติที่เข้าไปประกอบ
ธุรกิจการค้าในประเทศแถบเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวม 12
ประเทศ
ซึ่งทำการสำรวจโดยบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ
(Political and Economic Risk Consultancy: PERC) ของฮ่องกง
ซึ่งเป็นองค์กรระดับสากลที่ให้คำปรึกษาด้านข้อมูลทางธุรกิจ
และการวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์สำหรับการประกอบธุรกิจ โดยมีเกณฑ์คะแนนตั้งแต่ 1 - 10 ซึ่งคะแนนที่สูงขึ้น หมายถึง
การที่ระบบราชการของประเทศนั้น ๆ สร้างปัญหา และความยุ่งเหยิงให้กับพลเมือง
รวมทั้งเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของชาวต่างชาติ โดยสรุป ผลการจัดอันดับความมีประสิทธิภาพของระบบ
ราชการในประเทศแถบเอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำปี 2553 ได้
ดังนี้
ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ |
คะแนน |
สิงคโปร์ |
2.53 |
ฮ่องกง |
3.49 |
ไทย |
5.53 |
เกาหลีใต้ |
6.13 |
ญี่ปุ่น |
6.57 |
ไต้หวัน |
6.60 |
มาเลเซีย |
6.97 |
จีน |
7.93 |
เวียดนาม |
8.13 |
ฟิลิปปินส์ |
8.37 |
อินโดนีเซีย |
8.59 |
อินเดีย |
9.41 |
สำหรับการพิจารณาการจัดอันดับความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ
ของประเทศ โดย PERC นั้น มีหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้
ความเสี่ยงจากการเมืองภายในประเทศ
-
ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลและผู้นำคนสำคัญที่จะมาถึง
- ความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงการเมืองที่ยุ่งเหยิง
- คุณภาพด้านนโยบายของรัฐบาล
- ความไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาลในการนำนโยบายไปปฏิบัติ
ความเสี่ยงจากความไม่มั่นคงทางสังคม
- ลัทธินิยมด้านแรงงาน
- ภัยคุกคามจากสถานการณ์ความไม่สงบสุข
- ปัญหาหรือภัยคุกคามของภูมิภาค
ความเสี่ยงจากการเมืองภายนอกประเทศ
- ภัยคุกคามด้านทหารโดยตรง
-
ความอ่อนแอด้านความไม่เสถียรภาพด้านสังคมและการเมืองของประเทศอื่น
- ความอ่อนแอด้านการเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลในประเทศอื่น
ความเสี่ยงจากระบบโดยรวม
- ปัญหาการคอร์รัปชัน
- ชาตินิยมและความเสี่ยงด้านวัฒนธรรม
- ความอ่อนแอของสถาบัน
บท
สรุปของผลการสำรวจในครั้งนี้ พบว่า ประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย
และฟิลิปปินส์ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีคะแนน 3 อันดับสุดท้าย
โดยที่ประเทศอินเดียนั้น ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ในอันดับท้ายที่สุด
หมายความว่า ระบบราชการมีประสิทธิภาพน้อยที่สุด (The Regions Most
Inefficient Bureaucracy) สาเหตุที่ทำให้ทั้ง 3 ประเทศดังกล่าว
ได้รับการจัดอันดับว่าระบบราชการมีประสิทธิภาพน้อยที่สุด
เนื่องมาจากความล่าช้า (Red Tape) และความไม่มีประสิทธิภาพ (Asias Most
Inefficient Bureaucracies) ของระบบราชการ
อันส่งผลกระทบต่อประชาชนและเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนของชาวต่างชาติ
โดยรายงานของ PERC ยังระบุอีกว่าระบบราชการ (Government Bureaucracies)
ในภูมิภาคเอเชียบางประเทศมีลักษณะเป็น ศูนย์กลางระบบอำนาจ
อันเป็นอุปสรรคสกัดกั้นความพยายามในการปฏิรูปของนักการเมือง และข้าราชการ
(Politicians and Appointed Officials)
นอกจากนี้
รายงานผลการสำรวจการจัดอันดับความมีประสิทธิภาพของระบบราชการ โดย PERC
จากการรายงานของหนังสือพิมพ์ The Straits Times เมื่อปีที่ผ่านมา
(Singapore Press, 2009) ระบุว่า ประเทศ
ไทยแม้ว่าจะมีการประท้วงตามท้องถนนเป็นเวลาถึง 4
ปี และมีรัฐบาลที่ไม่มีเสถียรภาพ (Dysfunctional Government)
แต่เนื่องจากข้าราชการไทยมีประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
จึงถูกจัดให้อยู่อันดับที่ 3 ของผลการสำรวจ
โชติมา (สำนักนวัตกรรมฯ) / ข้อมูล
วสุนธรา (สลธ.) / จัดทำ
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 8 กรกฎาคม 2553 09:48:56 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 8 กรกฎาคม 2553 10:07:36