ตาม นปร. รุ่นที่ 4
ไปเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน
หนึ่ง
ในการเรียนรู้เพื่อก้าวสู่การเป็นข้าราชการที่ดีแบบมืออาชีพของนักบริหารการเปลี่ยนเปลี่ยนรุ่นใหม่
(นปร.) รุ่นที่ 4 นั้น คือการได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวบ้านในจังหวัด
ลพบุรี ระหว่างวันที่ 22 - 29 มีนาคม 2553 ที่ผ่านมา
อันเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ภาคปฏิบัติเริ่มแรกของหลักสูตร
ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ นปร. รุ่นที่ 4 ได้เรียนรู้ สัมผัส
และสร้างความเข้าใจในวิถีชีวิตของคนไทยในชุมชนท้องถิ่นด้วยตนเอง
ได้เห็นบริบทของบ้านเมืองในระดับรากหญ้าอย่างเป็นรูปธรรม
การ
ได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชนของ นปร. รุ่นที่ 4 ในจังหวัดลพบุรีครั้งนี้ แบ่งออกเป็น 3 อำเภอ คือ
อำเภอพัฒนานิคม อำเภอบ้านหมี่ และอำเภอท่าวุ้ง
โดยได้รับความร่วมมืออย่างดียิ่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจากจังหวัดลพบุรี นายอำเภอ
ตลอดจนเจ้าหน้าที่ของอำเภอทั้งสามอำเภอ ซึ่งกิจกรรมการเรียนรู้นี้
มีลักษณะเป็นการเรียนรู้ด้วยตนเอง และเรียนรู้เป็นกลุ่ม
โดยมีการแบ่งเจาะจงศึกษาประเด็นต่างๆ เป็นกลุ่มย่อย
จากนั้นนำมาสรุปและบูรณาการสิ่งที่ได้จากการเรียนรู้
และ
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สองหนุ่ม - สาว กิฟท์ สักการะ ศรีเริงหล้า และ
กฤช อัจฉริยาภิรมย์ ซึ่ง
เป็นตัวแทน นปร. รุ่นที่ 4 ที่มาถ่ายทอดความนึกคิด
และประสบการณ์ที่ได้จากการเรียนรู้ครั้งนี้
|
|
สักการะ
ศรีเริงหล้า (กิฟท์) |
กฤช
อัจฉริยาภิรมย์ (กฤช) |
ก้าวแรกกับการเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน ลพบุรี
กฤช : การมาจังหวัดลพบุรีนับว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีครับ
ได้ไปเห็นถึงวิถีชีวิตของชาวบ้าน ได้เห็นการเป็นอยู่
ได้เห็นปัญหาของเขาว่าสิ่งที่เขาเจอ สิ่งที่เขาประสบมา มีอะไรบ้าง
ก็ทำให้เป็นแรงบันดาลใจเล็กๆ ของเราอีกแรงหนึ่งว่า
เราจะทำอย่างไรที่จะช่วยให้เขามีความสุข
ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิมได้
คิดว่ามาครั้งนี้ทำให้เราได้ประสบการณ์เยอะมากๆ จากแค่ห้าวันตรงนี้
กิฟท์ : เช่นเดียวกับกฤชนะคะว่า
มาที่ จ.ลพบุรีเป็นครั้งแรกเหมือนกัน
ตอนแรกก็นึกภาพไม่ออกเหมือนกันว่าจะเป็นอย่างไร แต่ว่าพอได้มาอยู่จริงแล้ว
ทำให้รู้สึกว่าการที่ได้มาอยู่ที่ลพบุรี เราไม่ได้ไปเที่ยวเล่นสนุก
หรือว่าอยู่ในเมือง แต่ว่าเป็นการลงพื้นที่
อยู่ในชุมชนอย่างเต็มตัวเต็มเวลา
ทำให้เห็นว่าชาวบ้านเขามีน้ำใจและมีความจริงใจที่จะดูแลเราซึ่งเป็นคนต่าง
ถิ่นมาเหมือนลูกเหมือนหลาน ระบบวัฒนธรรม สังคมประเพณีของ จ.ลพบุรี ก็สวยงาม
ชุมชนมีความเข้มแข็ง มีอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่โดดเด่นมาก
วิถีชีวิตชาวบ้านกับแนวทางการพัฒนา
นอก
จากที่ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้วิถีชีวิต ภูมิปัญญาท้องถิ่น วัฒนธรรม
สภาพเศรษฐกิจ สังคมในพื้นที่สามอำเภอแล้ว นปร. ต้องรู้จักวิเคราะห์ข้อมูล
ในการร่วมคิดกับชาวบ้านในการกำหนดโอกาสและข้อจำกัดในการพัฒนาทุนทางสังคม
การจัดการศักยภาพการพัฒนา และการเสนอแนะประเด็นการพัฒนา
ตลอดจนกลยุทธ์การพัฒนาด้านต่างๆ ของชุมชน
พร้อมกับระดมความคิดเห็นในกลุ่มของ นปร.
ที่ได้แบ่งกลุ่มไปศึกษาเรียนรู้ในแต่ละอำเภอมาร่วมกันวางแผน
และนำเสนอเป็นรายงานผลการปฏิบัติราชการเรื่อง วิถีชีวิตของชาวบ้าน
กับแนวทางการพัฒนา ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี
ในวันท้ายสุดของการเรียนรู้ในกิจกรรมนี้
การ
ที่ นปร. ได้เข้ามาที่ลพบุรี ในสามอำเภอ คือ อำเภอพัฒนานิคม อำเภอท่าวุ้ง
และอำเภอบ้านหมี่ โครงการที่เสนอแนะให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด
และท่านผู้บริหารส่วนราชการ
ที่โดดเด่นก็จะมีในอำเภอบ้านหมี่เราได้เสนอแนะให้มีการจัดตั้งจัดสร้างศูนย์
ศิลปาชีพ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มทอผ้าไหมมัดหมี่ที่อยู่ในชุมชน
ส่วนอำเภอท่าวุ้งและพัฒนานิคมจะเน้นในเรื่องของการท่องเที่ยว โดย
อำเภอพัฒนานิคม คิดเป็นโครงการมหัศจรรย์สองวันหนึ่งคืน ณ ตำบลมะนาวหวาน
จะได้ช่วยเกษตรกร
หรือคนในท้องถิ่นเพื่อให้เขาเกิดรายได้และเกิดการจ้างงานขึ้น สำหรับโคกสลุง
ก็จะเป็นมหัศจรรย์ครึ่งวันที่โคกสลุง
ก็จะเป็นการทัวร์ในลักษณะของทัวร์เชิงวัฒนธรรม ไปดูวิถีชีวิตของชาวไทเบิ้ง
และดูว่าเขามีกลุ่มอาชีพอะไรบ้าง มีการจักสาน การทอย่าม กิฟท์และกฤชช่วยกันบอกเล่า
มาลพบุรี ได้อะไร
กิฟท์ :
ได้ความประทับใจที่ผู้คนที่จังหวัดลพบุรีให้การดูแล
สิ่งที่ได้จากการมาลพบุรี ก็คือ
ได้เห็นสภาพความเป็นอยู่ของชาวบ้านด้วยตัวเอง
แล้วก็เกิดแรงบันดาลใจที่ว่าเมื่อเป็นข้าราชการอยากทำงานเพื่อพัฒนาเพื่อ
ความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนที่อยู่ในระดับรากหญ้า
กฤช : ความประทับใจ
หนึ่งเลยคือเพื่อนๆ
ทุกคนที่มีอุดมการณ์มีความคิดเดียวกันว่าอยากพัฒนาประเทศชาติบ้านเมืองของ
เรา สองคือตัวชาวบ้าน ที่ช่วยดูแลเราเสมือนกับเป็นลูกของเขาจริงๆ
ซึ่งเขาอยากให้เรารู้ถึงสภาพความเป็นอยู่ของเขา ความลำบากของเขาปัญหาของเขา
มันทำให้เราได้ซึมซับว่าเรานี่อยู่สบายมากเลยนะ
เราไม่ลำบากไม่ขาดอะไรเลยเมื่อเทียบกล้ว เขายังขาดอะไรอยู่เยอะมากๆ
แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยความสุขอย่างพอเพียง
ฉะนั้นตรงนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจที่จะทำอย่างไรให้ทุกคนทั่วประเทศได้มีความ
สุขตรงนี้เท่าเทียมกันครับ
นปร. เบ้าหลอมข้าราชการ เก่ง ดี
กิฟท์ :
เมื่อก่อนเป็นอาจารย์อยู่มหาวิทยาลัย แต่ว่าจบมาทางด้านรัฐศาสตร์
และมีความคิดว่าอยากทำงานที่ได้รับใช้ประชาชน
หรือที่ได้ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาประเทศชาติอย่างเต็มตัว
พอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับโครงการ นปร.
จากคุณพ่อซึ่งก็เป็นข้าราชการเหมือนกัน
จึงได้ตัดสินใจเข้าสมัครสอบเข้าโครงการนี้ดู
กฤช : โดยรวมก็คล้ายๆ กันนะครับว่า
ก่อนที่จะมาเข้าร่วมโครงการนี้ก็ได้มีโอกาสทำงานอยู่ในภาคเอกชน
แต่มาวันหนึ่งก็เกิดความคิดว่าเราน่าจะทำอะไรเพื่อสังคมบ้าง
เพื่อประเทศชาติของเราบ้าง ประกอบกับได้ข่าวว่ามีโครงการ นปร.นี้
ก็มาสมัครสอบแล้วก็ได้ติดเข้ามา
ตั้งใจว่าจะได้ใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้างนอกจาก
ตัวเราเองครับ ในตอนแรกเริ่มยังไม่ค่อยเข้าใจในตัวโครงการฯ สักเท่าไหร่
เมื่อมีโอกาสเรียนและได้เจอเพื่อนๆ ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน
ก็เลยทำให้เกิดความตั้งใจเป็นปณิธานตัวเองเล็กๆ ขึ้นมาว่า
เรามีเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวแล้วนะ
เราอยากจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติของเราบ้าง ทำให้คิดว่า
ทำอย่างไรเราจึงจะเป็นข้าราชการที่ดีได้เพื่อที่จะรับใช้ประเทศชาติบ้าน
เมืองของเราต่อไปในอนาคต
ประสบการณ์
ที่ได้มามันยิ่งตอกย้ำให้ยิ่งชัดเจนว่าเราตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เข้ามาร่วม
ในโครงการนี้ และเป็นการตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิต
คือเรามีจุดมุ่งหมายและรู้ว่าเราจะทำเพื่อใครฉะนั้นก็ไม่มีอะไรต้องเสียเลย
แม้จะต้องทำงานเกินเวลามาวันเสาร์วันอาทิตย์ ก็ไม่เป็นไร
กิฟท์ :
จากตอนแรกก่อนที่จะเข้ามาสอบก็จะมีแค่ความตั้งใจว่า อยากจะเป็นข้าราชการ
แต่ว่าพอได้เข้ามาแล้ว ณ จุดนี้ รู้สึกว่าการเป็นข้าราชการที่ดี
หรือการเป็นข้าราชการมืออาชีพ
ที่จะสามารถใช้ความสามารถที่เรามีอยู่เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูง
สุด
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการฝึกอบรมหรือว่าการได้รับความรู้อย่างรอบ
ด้าน เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มที่
แล้วเมื่อได้เข้าร่วมโครงการนี้ก็จะเห็นว่าเราได้รับการสอน ฝึกอบรม
จากท่านผู้รู้ ท่านอาจารย์ หรือว่าท่านผู้เชี่ยวชาญ วิทยากรในด้านต่างๆ
ก็รู้สึกดีใจที่ได้มาเข้าร่วมโครงการนี้
และเชื่อมั่นว่าเราจะเป็นข้าราชการที่ดีได้หลังจากสิ้นสุดโครงการไปแล้ว
เมื่อ
ได้เป็นส่วนหนึ่งของ นปร. แล้ว รู้สึกได้ว่าเรามีจุดหมายที่ชัดเจน
และก็เชื่อว่าเพื่อนๆ ทุกคนทั้งสามสิบห้าคน
เรามีจุดมุ่งหมายเดียวกันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นั่นคือ
เราอยากเป็นข้าราชการที่ดี
แล้วก็เป็นกำลังสำคัญที่จะมีส่วนช่วยในการทำงานเพื่อพัฒนาประเทศชาติ
แล้วเราจะทำทุกวันให้ดี
เพื่อที่เราจะก้าวไปให้ถึงจุดมุ่งหมายนั้นด้วยกันทุกคน
จาก
อุดมการณ์อันแน่วแน่ ประกอบกับการใฝ่เรียนรู้ มุ่งมั่น และทุ่มเท
พร้อมรับกับการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน เชื่อมั่นเหลือเกินว่า ในอนาคต
นักบริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ รุ่นที่ 4 นี้
จะเป็นทรัพยากรบุคคลคุณภาพที่สำคัญของระบบราชการไทย
และมีส่วนช่วยพัฒนาความเจริญรุ่งเรืองให้กับประเทศชาติในยุคของการแข่งขันบน
โลกที่ไร้พรมแดนในทุกวันนี้
จากใจผู้ว่าฯ ถึง นปร. รุ่นที่ 4 นายฉัตรชัย
พรหมเลิศ ผู้ว่า
ราชการจังหวัดลพบุรี
นัก
บริหารการเปลี่ยนแปลงรุ่นใหม่ หรือ นปร. ถือเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ
เป็นความหวังของระบบราชการ โดยส่วนตัวแล้ว
ผมมีความเข้าใจและรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งที่สำนักงาน ก.พ.ร.
ได้ริเริ่มโครงการนี้ขึ้นมา เพราะว่าหลังมีการปฏิรูประบบราชการไทยในปี 2545
ผมคิดว่าเป้าหมายของการปฏิรูป ก็คือ
การทำอย่างไรให้ระบบราชการได้เป็นที่พึ่ง เป็นความหวัง
และสร้างความพึงพอใจให้กับประชาชน
ซึ่งก็ได้พูดกันโดยทั่วไปว่าระบบธรรมาภิบาล นั่นก็คือ
ตัวระบบที่ว่าทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อถือ และส่วนหนึ่งที่สำคัญก็คือ
การทำอย่างไรให้ตัวข้าราชการมีศักยภาพ ดังนั้น นปร.
ก็ต้องภาคภูมิใจว่าตัวท่านที่มาเข้าโครงการนี้ทั้ง 35 คน
ไม่ได้เข้ามาอย่างง่ายๆ ต้องผ่านการคัดเลือกอย่างเข้มข้น
ซึ่งต้องยอมรับว่าพื้นฐานท่านมีความพร้อม มีสมรรถนะสูง มีศักยภาพหลายด้าน
ในขณะที่ ก.พ.ร. เองก็ได้ออกแบบโครงการเป็นอย่างดี ผมคิดว่า ถ้า ก.พ.ร.
สามารถขยายโครงการนี้ให้กว้างออกไป ให้มีปริมาณมากขึ้น
ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อระบบราชการอย่างมาก
|
กลุ่ม
สื่อสารฯ สลธ. / ข่าว & ภาพ
วสุนธรา (สลธ.) / จัดทำ
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 6 พฤษภาคม 2553 10:37:48 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 6 พฤษภาคม 2553 10:37:48