Logo of OPDC ก.พ.ร. FAQ สำหรับการค้นหา  |  ภาษาไทย   |   English   |   Mobile   |   Help   |  

หน้าหลัก หน้าหลัก | ติดต่อ | ผังเว็บไซต์ |  หน้าหลัก
Share แชร์ พิมพ์หน้านี้
ข่าวเด่น ก.พ.ร. / ปี 2553 / กุมภาพันธ์ / คิดอย่างไร ทำอย่างไร ให้เป็นองค์การสร้างสรรค์ (Creative Organization)

คิดอย่างไร ทำอย่างไร ให้เป็นองค์การสร้างสรรค์ (Creative Organization)


คิดอย่างไร ทำอย่างไร ให้เป็นองค์การสร้างสรรค์
(Creative Organization)




alt          เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2553 สวัสดิการสำนักงาน ก.พ.ร. จัดอบรมหลักสูตร คิดอย่างไร ทำอย่างไร ให้เป็นองค์การสร้างสรรค์ (Creative Organization) โดยมี ผศ.ดร.การดี เลียวไพโรจน์ ผู้อำนวยการศูนย์ให้คำปรึกษาทางธุรกิจ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ ดร.ภูมิพร ธรรมสถิตย์เดช ผู้อำนวยการหลักสูตรบริหารเทคโนโลยี วิทยาลัยนวัตกรรม มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นวิทยากรในการบรรยาย ณ โรงแรมวินเซอร์ สวีทส์

          หลักสูตรการอบรมของสวัสดิการสำนักงาน ก.พ.ร. จัดขึ้นเพื่อเป็นการถ่ายทอดความรู้และเทคนิคเกี่ยวกับการบริหารงานสมัยใหม่ และเสริมสร้างความรู้ให้สามารถนำไปใช้ในการปฏิบัติงาน รวมทั้งพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพ โดยหลักสูตรแรกของปี 2553 นี้ เป็นการอบรมหลักสูตร คิดอย่างไร ทำอย่างไร ให้เป็นองค์การสร้างสรรค์ (Creative Organization)ซึ่งเป็นการเปิดมุมมองใหม่ในโลกของเศรษฐกิจสร้างสรรค์และองค์การสร้างสรรค์ โดยมีบุคลากรจากหน่วยงานภาครัฐ และ หน่วยงานภาคเอกชน สนใจเข้าร่วมการอบรม

alt

          ในปัจจุบัน หลายประเทศได้ให้ความสนใจกับการพัฒนาระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์ที่เน้นการสร้าง รายได้จากสินทรัพย์ทางวัฒนธรรม และทุนทางปัญญา สำหรับประเทศไทยเอง การนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวสู่การพัฒนาอย่างมั่นคงตามแนวคิด เศรษฐกิจสร้างสรรค์ นั้นถูกนำมาเป็นนโยบายสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจ การอบรมครั้งนี้วิทยากรได้กล่าวถึง เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)ว่าเป็นนโยบายการพัฒนาประเทศให้เกิดความมั่งคั่งและมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่าง ต่อเนื่อง โดยมีแรงผลักดันหลักจากการใช้ความคิดสร้างสรรค์ แนวความคิดใหม่ในการออกแบบสินค้าและบริการให้เชื่อมโยงกับจุดแข็งหรือต้นทุน เดิมที่มี ทั้งทางด้านมรดก วัฒนธรรม ทางด้านกายภาพ และทางด้านองค์ความรู้ภูมิปัญญาทางสังคมที่สั่งสมมานาน โดยใช้ส่วนประสม ATP (A: Aesthetic สุนทรียะ, T: Technology เทคโนโลยี, P: Process กระบวนการ) ได้อย่างลงตัว และครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมใน 3 มิติ ได้แก่

          มิติที่ 1คือ การต่อยอดอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry) ที่มีศักยภาพสูงให้โตขึ้นและมีมูลค่าสูงขึ้น ได้แก่ งานฝีมือและงานออกแบบ แฟชั่น ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ การกระจายเสียง ศิลปะการแสดง ธุรกิจโฆษณา ธุรกิจการพิมพ์ สถาปัตยกรรม อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ สื่อดิจิทัล และแอนิเมชัน

          มิติที่ 2คือ การผลักดันให้เกิดการท่องเที่ยวที่ผสมผสานมรดกวัฒนธรรมและเทคโนโลยี (Cultural-Technology Integration) โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากต้นทุนทางประวัติศาสตร์ รวมถึงการสร้างเรื่องราวเพื่อดึงดูดความสนใจต่อนักท่องเที่ยว

          มิติที่ 3คือ การต่อยอดภาคอุตสาหกรรมการผลิต บริการ และการเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น ซึ่งการสร้างมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ (Value Creation) นั้นเป็นการใช้องค์ความรู้ นวัตกรรม เทคโนโลยี ผนวกกับจุดแข็งในด้านความหลากหลายของทรัพยากรธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตความเป็นไทย ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญอย่างหนึ่งในแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ที่สามารถเห็นผลได้อย่างเป็นรูปธรรมในทุกภาคอุตสาหกรรมนั่นเอง

alt

          สำหรับ กิจกรรมในการอบรมนั้น เป็นการประเมินศักยภาพความคิดสร้างสรรค์ การฝึกทักษะความคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking) และการคิดเชิงระบบ (System Thinking) เพื่อสร้างความเข้าใจในการวิเคราะห์ปัญหาและการเก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยว ข้องกับปัญหา และดำเนินการเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาการแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ (Creative Problem Solving) อย่างเป็นระบบและ เป็นขั้นตอน ดังนี้

          1. การค้นหาความจริง (Fact finding) เป็นการหาข้อสรุปในการระบุขอบเขตข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับความต้องการในการแก้ปัญหาของการดำเนินงาน

          2. การค้นหาปัญหา (Problem finding) เป็นการสร้างความเข้าใจให้ตรงกันถึงปัญหาที่กำลังกล่าวถึง

          3. การค้นหาแนวคิด (Idea finding)เป็นการผลักดันให้เกิดความคิดที่หลากหลายในการแก้ไขปัญหา การสรุปหาสมมติฐานที่แน่ชัดเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหา จัดลำดับความคิดหลักและความคิดรองที่เกี่ยวข้องกับปัญหาและการแก้ไขปัญหา

          4. การค้นหาแนวทางการแก้ปัญหา (Solution finding)เป็นการสรุปและจัดเรียงความคิดเป็นกลุ่ม และหาข้อสรุปร่วมกันถึงแนวคิดที่สามารถดำเนินการได้จริง ความจำเป็น ความเร่งด่วน ข้อจำกัดด้านทรัพยากรองค์กร

          5. การวางแผนการดำเนินงาน (Action planning)เป็นการระบุผลลัพธ์ในเชิงรูปธรรมที่จะสามารถวัดผลได้ ซึ่งการระบุผลลัพธ์นั้น ควรคำนึงถึงความเฉพาะ (Specific) วัดได้ในเชิงปริมาณ (Measurable) เห็นพ้องต้องกัน (Agreed) อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง (Realistic) และสอดคล้องกับระยะเวลาที่เหมาะสม (Timely)

alt
 
          ในช่วงท้าย วิทยากรได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญในการผลักดันให้เป็นองค์กรที่มีการคิดสร้างสรรค์ได้ โดยเริ่มจากการพัฒนาทักษะการคิดในระดับบุคคล โดยการสร้างทักษะการเรียนรู้ และสร้างลักษณะนิสัยในการสังเกต ตั้งคำถาม ลองคิด ต่อยอดองค์ความรู้จากแหล่งอื่น แล้วนำมาทดลองใช้กับการดำเนินงาน หรือการให้บริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการพัฒนาลักษณะการเป็นผู้นำที่เปิดโอกาสให้กระตุ้นการแลกเปลี่ยน ประสบการณ์อย่างต่อเนื่องทั้งในรูปแบบที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ ซึ่งจะส่งผลให้เกิดวัฒนธรรมการคิดสร้างสรรค์ในองค์กรอย่างเป็นรูปธรรม และยังเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเองและองค์กรต่อไป

alt

 
ลลิดา (สลธ.) / ข่าว & ภาพ
วสุนธรา (สลธ.) / จัดทำ

 

 


เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2553 10:46:12 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2553 10:46:12
ข่าวเด่น ก.พ.ร.
    ลิงค์     |     สมาชิกเครือข่าย     |     RSS feed     |     คำถามที่พบบ่อย            

เกี่ยวกับ

กฏหมายและระเบียบ

หนังสือเวียน

ข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ

ศูนย์ความรู้

ประชาสัมพันธ์

W3C   Facebook Facebook สำนักงาน ก.พ.ร.   PMQA Channel  ฐานข้อมูลหน่วยงานภาครัฐ  ipv6 ready  www.info.go.th  การปฏิเสธความรับผิดชอบ |  Webmail| Intranet สำหรับข้าราชการ | ผังเว็บไซต์ นโยบายเว็บไซต์ 

Slocan

สงวนลิขสิทธิ์โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ

59/1 ถนนพิษณุโลก แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพฯ 10300 โทร. 02 356 9999 โทรสาร 02 281 7882 สายด่วน 1785 e-mail: administrator@opdc.go.th