ประชุมชี้แจงกรอบการประเมินผลตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงนำร่อง
และส่วนราชการ
วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม 2552 สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดประชุมชี้แจงกรอบการประเมินผลตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงนำร่อง และส่วนราชการ เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับส่วนราชการในการดำเนินการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 โดยมีนายอาวุธ วรรณวงศ์ รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นประธานกล่าวเปิดงานและชี้แจงวัตถุประสงค์ในการประชุม ทั้งนี้ มีส่วนราชการในสังกัดกระทรวงนำร่อง และส่วนราชการเข้าร่วมกว่า 600 คน ณ ห้องเจ้าพระยา หอประชุมกองทัพเรือ กรุงเทพฯ
นายอาวุธ วรรณวงศ์ รองเลขาธิการ ก.พ.ร. กล่าวว่า การจัดประชุมชี้แจงในครั้งนี้ สืบเนื่องจากในการประชุม ก.พ.ร. เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2552 ได้ให้ความเห็นชอบกรอบการประเมินผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้กับส่วนราชการในการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว สำนักงาน ก.พ.ร. จึงได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงกรอบการประเมินผลตามคำรับรอง การปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ขึ้น
ทั้งนี้ การประชุมแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ในภาคเช้าจะเป็นการชี้แจงกรอบฯ ของส่วนราชการในสังกัดกระทรวงนำร่อง ส่วนในภาคบ่ายจะเป็นการชี้แจงกรอบฯ ของส่วนราชการอื่นๆ
โดยกระทรวงนำร่องประกอบไปด้วย
- กระทรวงการคลังและส่วนราชการระดับกรมในสังกัด 9 กรม
- กระทรวงพลังงานและส่วนราชการระดับกรมในสังกัด 5 กรม
- กระทรวงอุตสาหกรรมและส่วนราชการระดับกรมในสังกัดและในกำกับ 8 กรม
- กระทรวงสาธารณสุขและส่วนราชการระดับกรมในสังกัด 9 กรม
นายอาวุธ วรรณวงศ์ กล่าวต่อไปอีกว่า สำหรับกรอบการประเมินผลตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ในส่วนของกระทรวงนำร่อง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกระทรวงนำร่องในการกำหนดตัวชี้วัด รายละเอียดประเมินผลและดำเนินการประเมินผลเอง โดยที่มีกรอบกติกาแต่เพียงกว้างๆ ทั้งนี้ สำหรับกรอบการประเมินผลฯ ในส่วนของกระทรวงนำร่อง มีข้อแตกต่างที่สำคัญคือ ตัวชี้วัดที่เป็นภาคบังคับซึ่งส่วนใหญ่จะคุ้นเคยอยู่แล้ว ได้แก่ตัวชี้วัดเรื่องอัตราการเบิกจ่าย การควบคุมภายใน การตรวจสอบภายใน ฯลฯ
สำหรับกรอบการประเมินผลตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของส่วนราชการ ยังมีมิติในการประเมินที่ค่อนข้างจะคล้ายคลึงกับมิติในการประเมินของปี พ.ศ. 2552 คือมิติที่ 1 ด้านประสิทธิผลตามแผนปฏิบัติราชการ มิติที่ 2 ด้านคุณภาพการให้บริการ มิติที่ 3 ด้านประสิทธิภาพของการปฏิบัติราชการ และมิติที่ 4 ด้านการพัฒนาองค์การ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวชี้วัดภาคบังคับ 2-3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ พลังงานและการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร วันนี้ในเรื่องของตัวชี้วัด เราได้มีส่วนราชการที่เป็นเจ้าภาพตัวชี้วัด ได้แก่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูแลในเรื่องของตัวชี้วัดระดับความสำเร็จในการขับเคลื่อนระบบการตรวจราชการเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติราชการ ตัวชี้วัดระดับความสำเร็จของการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องร้องเรียนจนได้ข้อยุติ อีกส่วนราชการหนึ่งได้แก่ กรมบัญชีกลางในฐานะเจ้าภาพตัวชี้วัด ร้อยละของอัตราการเบิกจ่าย ตัวชี้วัด ระดับความสำเร็จของการจัดทำต้นทุนต่อหน่วยผลผลิต และตัวชี้วัด ระดับความสำเร็จของการตรวจสอบภายใน
ทั้งนี้ กรอบการประเมินผลฯ ของส่วนราชการ นั้น จะแบ่ง ออกเป็น 4 มิติ เช่นเดียวกับกรอบการประเมินผลฯ ของกระทรวงนำร่อง แต่น้ำหนักและประเด็นการประเมินผลในแต่ละมิติจะแตกต่างกัน โดย กรอบการประเมินผลฯ ของส่วนราชการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 จะมีรายละเอียด ดังนี้
มิติที่ 1
ด้านประสิทธิผลตามแผนปฏิบัติราชการ |
มิติที่ 2
ด้านคุณภาพ
การให้บริการ |
มิติที่ 3
ด้านประสิทธิภาพ
ของการปฏิบัติราชการ |
มิติที่ 4
ด้านการพัฒนาองค์การ |
- ผลสำเร็จตามแผนฯ กระทรวงและนโยบายพิเศษของรัฐบาล
- ผลสำเร็จตามแผนฯ กลุ่มภารกิจ
- ผลสำเร็จตามแผนฯ /ภารกิจหลักของส่วนราชการระดับกรมหรือเทียบเท่า |
- ความพึงพอใจ
- การป้องกันการทุจริต
|
- การรักษามาตรฐานระยะเวลาการให้บริการ
- การบริหารงบประมาณและการจัดทำต้นทุนต่อหน่วย
- การควบคุมภายในและการตรวจสอบภายใน
- การพัฒนากฎหมาย
|
- การบริหารจัดการองค์กร
|
ร้อยละ 50 |
ร้อยละ 20 |
ร้อยละ 10 |
ร้อยละ 20 |