|
เดินหน้า...พัฒนาราชการไทย
การตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ
รายการเดินหน้า...พัฒนาราชการไทย ที่ออกอากาศเมื่อวันอังคารที่ 19 พฤษภาคม 2552 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ได้นำเสนอเรื่อง การตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ โดยเชิญกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) 2 ท่าน ได้แก่ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เกษรี ณรงค์เดช และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประวิตร นิลสุวรรณากุล มาร่วมสนทนากับ คุณศิริบูรณ์ ณัฐพันธ์ พิธีกรประจำของรายการฯ

การตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ ถือว่าเป็นกลไกหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาระบบราชการ โดยวิทยากรทั้ง 2 ท่านที่ให้เกียรติมาร่วมรายการฯ ในครั้งนี้ คือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เกษรี ณรงค์เดช ประธานอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลาง และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประวิตร นิลสุวรรณากุล ประธานอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ ทั้ง 2 ท่านมีประสบการณ์ในเรื่องนี้อย่างไร เราไปติดตามด้วยกันค่ะ
เริ่มรายการด้วยสกู๊ปสัมภาษณ์ ศาสตราจารย์ ดร.โกวิทย์ โปษยานนท์ ประธานกรรมการตรวจสอบ และประเมินผลภาคราชการ ซึ่งได้กล่าวว่า การตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการดำเนินการโดย คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ หรือ ค.ต.ป. ที่ขึ้นตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 ทำหน้าที่ในการวางนโยบายแนวทางการตรวจสอบประเมินผลภาคราชการ โดยบูรณาการการทำงานของหน่วยงานเข้าด้วยกัน เพื่อให้การตรวจสอบและประเมินผลฯ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน การมี ค.ต.ป. จะช่วยส่งเสริมให้หน่วยงานราชการมีการกำกับดูแลตนเองที่ดี มีการตรวจสอบ ติดตามและประเมินผลงานที่ได้ดำเนินการในปีที่ผ่านมาอย่างรอบคอบ ซึ่งจะช่วยผู้บริหารในการตัดสินใจและบริหารจัดการการดำเนินงานของส่วนราชการให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ โยไม่เกิดการทุจริต คำนึงถึงความยุติธรรม โปร่งใส และความรับผิดชอบต่อประเทศและก่อให้เกิดประโยชน์สุขต่อประชาชนโดยรวม

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประวิตร นิลสุวรรณากุล ประธานอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัดภาคใต้ ได้กล่าวในรายการฯ ว่า นอกจากจะมีคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการชุดใหญ่แล้ว ยังมีคณะอนุกรรมการชุดย่อยๆอีก 7 ชุด คือ คณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มกระทรวง 3 กลุ่มกระทรวง คือ กลุ่มกระทรวงด้านเศรษฐกิจ กลุ่มกระทรวงด้านความมั่นคง และกลุ่มกระทรวงด้านบริหาร และคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัด 4 กลุ่มจังหวัด คือ กลุ่มจังหวัดภาคเหนือ กลุ่มจังหวัดภาคกลาง กลุ่มจังหวัดภาคใต้ และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
หลักการสำคัญของ ค.ต.ป. คือ ต้องบูรณาการการทำงานของหน่วยงานกลางที่เคยทำหน้าที่ตรวจประเมินเข้าด้วยกัน ส่วนราชการต้องส่งรายงานให้หน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงบประมาณ สภาพัฒน์ฯ กรมบัญชีกลาง สำนักงาน ก.พ. ขณะนี้ ค.ต.ป. กำหนดเอารายงานที่ต้องส่งหน่วยงานต่างๆ เหล่านี้มาสอบทาน ทบทวน แล้วทำเป็นภาพรวมอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรี ซึ่งกำหนดไว้ว่าจะต้องจัดทำรายงานปีละ 2 ครั้ง แต่ในระยะแรกที่ผ่านมานั้น ส่งรายงานเพียงปีละ 1 ครั้ง ในอนาคตจะต้องบูรณาการรายงานต่างๆ เหล่านี้ให้เป็นชุดเดียว ถ้าสามารถบูรณาการงานการประเมินผลของหน่วยงานกลางต่างๆ ให้มาอยู่ที่เดียวกัน ก็จะทำให้สามารถประเมินการปฏิบัติราชการของหน่วยงานต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เกษรี ณรงค์เดช ประธานอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัดภาคกลาง กล่าวว่า สิ่งที่ ค.ต.ป. กำหนดไว้ว่าจะต้องดำเนินการสอบทาน มี 5 เรื่อง คือ 1) การตรวจราชการ 2) การตรวจสอบภายใน 3) การควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง 4) การวัดผล และ 5) รายงานการเงิน ซึ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ส่วนราชการต้องทำอยู่แล้ว เราจะเข้าไปสอบทานและให้คำแนะนำหากเห็นว่ายังมีสิ่งใดบกพร่องอยู่ ขอเน้นว่าไม่ใช่เป็นการตรวจสอบ แต่เป็นการสอบทานสิ่งที่ทำอยู่แล้ว ดังนั้นก็น่าจะไม่เป็นการเพิ่มงานแต่อย่างใด นอกจากจะต้องมีการสอบทานปกติใน 5 เรื่องดังกล่าวข้างต้นแล้ว ยังมีการสอบทานกรณีพิเศษอีก ในเรื่องของโครงการใหญ่ตามนโยบายรัฐบาล เช่น โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โครงการการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทน โครงการท่องเที่ยวของจังหวัด เป็นต้น ซึ่งเมื่อสอบทานแล้วก็ได้ข้อค้นพบที่น่าสนใจหลายประการ ก็จะต้องรายงานคณะรัฐมนตรีต่อไป
สำหรับปัญหาที่พบนั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ เกษรี กล่าวว่า
เป็นเรื่องของความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่จะต้องทำของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องการควบคุมภายใน มักจะเข้าใจว่าเป็นเรื่องเดียวกับการตรวจสอบภายใน ขณะนี้ท่านอาจารย์ประวิตรได้เข้าไปช่วยโดยร่วมกับกรมบัญชีกลางในเรื่องของการให้ความรู้ การจัดทำคู่มือ รวมถึงการจัดทำหลักสูตร
e-learning ด้วย
สุดท้าย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ประวิตร เน้นย้ำว่า วัตถุประสงค์ของการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ หรือ ค.ต.ป. ก็เพื่อสนับสนุนการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และขณะนี้ระบบราชการก็ต้องการที่จะกระจายอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบไปสู่กระทรวง ทบวง กรม จังหวัด จึงจำเป็นต้องมีระบบงานที่ดี มีระบบควบคุมภายในที่ดี มีระบบของการตรวจสอบและติดตามผลที่เกิดขึ้น การทำงานของ ค.ต.ป. จึงถือว่าสนับสนุนในเรื่องของการพัฒนาระบบราชการ และทำให้เกิดการกำกับดูแลที่ดีอีกทางหนึ่ง ทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และรายงานที่นำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีนั้นเปิดเผย ประชาชนสามารถขอดูได้เช่นกัน...
ธารทิพย์ (สลธ.) / เรื่อง
สุคนทิพย์ (สลธ.) / ภาพ
วสุนธรา & ภัทรพร (สลธ.) / จัดทำ
เผยแพร่ข้อมูลเมื่อ 30 กรกฎาคม 2552 08:22:28 ปรับปรุงข้อมูลล่าสุดเมื่อ 30 กรกฎาคม 2552 08:22:28