เรื่อง : วสุนธรา กิจประยูร

The 6th Global Forum on Reinventing Government

              ก้าวหน้าไปอีกขั้นกับการปฎิรูประบบราชการไทยใน การประชุมนานาชาติว่าด้วยการปฏิรูประบบราชการ The 6th Global Forum
on Reinventing Goernment ณ กรุงโซลสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 – 27 พฤษภาคม 2548



                                                              
การประชุมครั้งนี้นับเป์นครั้งแรกที่จัดขึ้นในภูิมิภาคเอเชียที่ประชุมได้เชิญให้นายกรัฐมนตรีของไทยร่วมกล่าวสุนทรพจน์ด้วยเนื่องจากเห็นว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จในการปฎิรูประบบราชการที่สามารถปรับเปลี่ยนกระทรวงได้โดยไม่เกิดความขัดแย้งและได้รับความร่วมมือจากข้าราชการเป็นอย่างดี ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ" สู่การมีส่วนร่วมและระบบธรรมาภิบาลที่มีความโปร่งใส" (
Toward Participation and Transparent Govermance ) ซึ่งมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น E-News ฉบับนี้ จึงพลาดไม่ได้อย่างยิ่งที่จะนำเสนอเรื่องดี ๆ เช่นนี้สู่สายตาของทุกท่าน
            เนื่องจากการประชุมครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับสำนักงาน ก.พ.ร จึงมี
ีกรรมการ ก.พ.ร. และสมาชิกสำนักงาน ก.พ.ร. เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ด้วย ได้แก่ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธาน ก.พ.ร ก.พ.ร. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ก.พ.ร.อรพินท์ สพโชคชัย และ ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. พร้อมด้วยสมาชิกสำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน 4 ท่าน


“สู่การมีส่วนร่วม และระบบธรรมาภิบาลที่มีความโปร่งใส”
(Toward Participation and Transparent Governance)

          นายกรัฐมนตรีได้กล่าวแสดงความยินดีที่ได้มีการกล่าวสุนทรพจน์ในหัวข้อ “สู่การมีส่วนร่วมและระบบธรรมาภิบาลที่มีความโปร่งใส” (Toward Participation and Transparent Governance) ซึ่งเป็นหัวข้อที่สอดคล้องกับนโยบายหลักของรัฐบาลและเป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้ความสนใจเป็นพิเศษ หัวข้อสำคัญต่าง ๆ ในการประชุมครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับสถานการณ์โลกปัจจุบัน ซึ่งการปฏิรูประบบราชการนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวเนื่องกับความคาดหมายและการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลง ที่ทุกคนจะต้องรีบปรับตัวก่อนที่จะถูกบังคับ เนื่องจากความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่สามารถคาดหมายได้ล่วงหน้า ความสำเร็จจึงขึ้นอยู่กับศักยภาพที่จะทลายวัฒนธรรมความคิดแบบเก่า ๆ แต่ก็ต้องใช้เวลาที่จะประสบความสำเร็จ
            
การปฏิรูประบบราชการนั้น มีนัยสำคัญถึงการปรับเปลี่ยนทรัพยากรของแต่ละบุคคล ควบคู่ไปกับการจัดลำดับความสำคัญให้สอดรับกับเนื้อหาของโลกาภิวัฒน์ บทบาทของรัฐบาลในโลกยุคปัจจุบันต้องส่งเสริมสนับสนุนการขับเคลื่อนของภาคเอกชน และเป็นผู้อำนวยความสะดวก ไม่ใช่ผู้กำกับดูแล

            สิ่งที่ผู้เสียภาษีต้องการ คือ รัฐบาลที่มีขนาดเล็กลง แต่ต้องมีประสิทธิภาพ และคุ้มค่ามากขึ้น รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่มีความยืดหยุ่น คล่องตัว และตอบสนองให้ภาคเอกชนสามารถรักษาศักยภาพการแข่งขันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ รัฐบาลที่ใสสะอาด โปร่งใส และเชื่อถือได้ ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ภาคเอกชนต้องการ เพื่อให้มั่นใจว่าภาษีที่จ่ายไปจะถูกนำไปใช้อย่างถูกต้อง

            ปัจจุบัน ทุกประเทศต้องอยู่ในโลกโลกาภิวัฒน์ และกระแสโลกาภิวัฒน์นี้ เป็นตัวขับเคลื่อนความเปลี่ยนแปลงในอัตราความเร็วเทียบเท่ากับการหายใจ ดังนั้น เราจึงต้องปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง หรือไม่ก็ต้องเสี่ยงที่จะต้องล้าหลัง ทั้งนี้ การปฏิรูปไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดขึ้นได้ทันทีทันใด และการปฏิรูประบบราชการนั้น เป็นเรื่องที่ยาก เพราะระบบราชการเป็นหน่วยงานบริการ ไม่มีการเก็งผลกำไร และไม่มีแรงจูงใจให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ต่างจากภาคเอกชน และแต่ละส่วนในสังคมนั้นล้วนแต่มุ่งหวังผลประโยชน์ที่ต่างกัน แต่จะต้องสะท้อนถึงนโยบายของรัฐอย่างเป็นธรรม ซึ่งรัฐจะต้องทำหน้าที่ดังกล่าว และไม่สามารถให้ผู้อื่นมาทำหน้าที่ดังกล่าวได้

         ในประเทศไทย การปฏิรูประบบราชการดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งช่วงสองปีแรกของรัฐบาล ได้ดำเนินการปฏิรูประบบราชการ โดยการปรับโครงสร้างกระทรวงต่าง ๆ ให้เป็นไปตามภารกิจ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และมีความคล่องตัวสูง ในการนี้ รัฐบาลได้ให้ความเห็นชอบกฎหมายปฏิรูประบบราชการ และธรรมาภิบาล รวมถึงการปฏิรูปกฎหมาย เพื่อชำระกฎหมายต่าง ๆ ที่ล้าสมัย และแก้ไขให้สอดรับและตอบสนองต่อโลกปัจจุบัน            นอกจากนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการปฏิรูประบบงบประมาณ โดยเน้นการจัดงบประมาณเชิงยุทธศาสตร์ ซึ่งจะทำให้การจัดสรรทรัพยากรและการบริหารงานของรัฐบาลมีความคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น และการใช้เงินภาษีของประชาชนเป็นไปอย่างรอบคอบ


            ส่วนการปฏิรูปโครงสร้างนั้น ใช้หลัก “สำนักงานใหญ่เล็กลง สาขาใหญ่ขึ้น” โดยรัฐบาลจะเป็นศูนย์กลางด้านยุทธศาสตร์ ทำหน้าที่วางแผน อำนวยความสะดวก ดูแล และประเมินผล ในขณะที่ เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นจะทำหน้าที่ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชนในท้องถิ่นโดยตรง กล่าวโดยสรุปคือ การบริหารงานและนโยบายจะเน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ใช่รัฐบาลเป็นศูนย์กลาง ทั้งนี้ การสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ถูกต้อง นับเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จ ผลตอบแทนจะต้องเป็นไปตามผลงาน และไม่มีเส้นแบ่งระหว่างหน่วยงาน ทุกหน่วยงานจะต้องทำงานเป็นทีมเดียวกัน ข้าราชการจะต้องปฏิบัติหน้าที่สู่ความเป็นเลิศ และยุติการผลิตผลงานที่ไร้ประโยชน์ และสิ่งเหล่านี้ คือเป้าหมายที่รัฐบาลกำลังดำเนินการในปัจจุบัน

            สำหรับการบริหารแบบบูรณาการ (CEO) นั้น ได้ให้ความสำคัญของการทำงานเป็นทีม มีภาวะผู้นำ มีวิสัยทัศน์ร่วมกัน มีภารกิจและยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน รวมทั้งทักษะการบริหารจัดการ ความรับผิดชอบและความน่าเชื่อถือ ซึ่งโครงการนี้ประกอบด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการ 76 จังหวัดและเอกอัครราชทูตแบบบูรณาการ 60 ประเทศ จะได้รับมอบอำนาจการบริหารการจัดการ ทีมงาน และทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อให้นโยบายของรัฐทั้งภายในประเทศและต่างประเทศสามารถนำไปปฏิบัติและบริหารอย่างเชื่อมโยงกัน ซึ่งเป็นการผนวกรูปแบบ inside-out และ outside-in            หัวใจของการบริหารที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง คือ แนวคิดการสร้างอำนาจให้กับประชาชน ซึ่งจะยังคงขยายรูปแบบแนวทาง ผ่านโครงการ “Smart Card” หรือบัตรประชาชนอเนกประสงค์สำหรับประชาชน (e-Citizens) เพื่อเป็นการเพิ่มอำนาจให้ประชาชน พร้อมการให้บริการที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งด้านการให้บริการด้านสุขภาพและการศึกษา ซึ่งจะส่งผลให้ภาครัฐและภาคเอกชนเกิดการแข่งขันซึ่งกันและกัน เพื่อให้การบริการที่ดีที่สุดแก่ประชาชน             โลกวิทยาการเช่นในปัจจุบัน เครื่องมือสำคัญในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ คือ เทคโนโลยีสารสนเทศและข้อมูลข่าวสาร ซึ่งได้เน้นให้เห็นว่า เทคโนโลยีจะเปลี่ยนรูปแบบข้าราชการให้เป็นพนักงานที่มีองค์ความรู้ที่ถึงพร้อมด้วยข้อมูลข่าวสาร เพื่อการตัดสินใจที่รอบคอบในการให้บริการประชาชน และด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศนี้เอง จะทำให้การให้บริการแก่ประชาชนไทยเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและตรงเวลา โดยริเริ่มการให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้เป็นรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ที่มีประสิทธิภาพแก่ประชาชน ในการทำหน้าที่ประดุจดังพนักงานส่วนหน้าในการให้บริการและติดต่อ อาทิ การจัดซื้อจัดจ้าง การให้บริการด้านภาษี การจัดทำงบประมาณ รวมทั้งการดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือเดินทางทางอิเล็กทรอนิกส์

            นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้จัดให้มีกระบวนการจัดการประมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมในกระบวนการประมูลโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐ ซึ่งการประมูลโครงการภาครัฐขนาดใหญ่ในโครงต่อขยายโทรคมนาคม ได้จัดให้มีการประมูลโดยผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เป็นผลให้รัฐสามารถได้ผู้ชนะการประมูล ในราคาที่ต่ำกว่าราคาที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ถึง 6 พันล้านบาท ซึ่งกระบวนการดังกล่าว สามารถประหยัดเงินของผู้เสียภาษีในอนาคตได้เป็นจำนวนมาก

            สำหรับในเอเชียนั้น “คุณค่าเอเชีย” เกี่ยวของกับการดำเนินชีวิตอย่างมีดุลยภาพ ประการหนึ่งคือ ความโปร่งใส ซึ่งในความหมายของชาวตะวันตก มักจะเห็นภาพของการเผชิญหน้าของแต่ละฝ่ายระหว่าง ผู้ตรวจสอบ และผู้ถูกตรวจสอบ
            สำหรับในประเทศไทย ได้มีความพยายามในการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้รัฐบาลมีความโปร่งใสมากยิ่งขึ้น โดยจะไม่มีการกล่าวหาใคร ในการนี้ รัฐบาลจึงได้นำระบบ
GFMIS หรือระบบการบริหารจัดการการเงินการคลังภาครัฐ มาใช้เป็นกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนการบริหารประเทศ

            และประเทศไทยนับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาประเทศแรก ๆ ของโลกที่นำระบบการแสดงผลตามเวลาจริง หรือ online real - time นี้มาใช้ ทั้งนี้ ระบบ GFMIS ได้รับการออกแบบขึ้น เพื่อความมีประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความโปร่งใส โดยจะทำให้กระบวนการทางการเงินการคลังภาครัฐทั้งหมด สามารถตรวจสอบและเปิดดูได้จากระบบ online real - time ยิ่งไปกว่านั้น การจ่ายเงินของหน่วยงานรัฐบาล การทำบัญชี การตรวจสอบบัญชี การจัดซื้อจัดจ้าง และการบริหารงานบุคคล จะเป็นไปอย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งจะเป็นมาตรฐานในการดำเนินงานที่เป็นธรรมและโปร่งใส รวมถึงการจัดเก็บรายได้และการใช้จ่ายต่าง ๆ และด้วยระบบดังกล่าวนี้ ระดับมาตรฐานการดำเนินงานและความปร่งใสได้เลื่อนสูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง และความโปร่งใสนี้จะช่วยกำจัดการทุจริต และนำไปสู่การใช้ทรัพยากรของรัฐที่มีอยู่อย่างจำกัด ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้ง ยกระดับระบบธรรมาภิบาล โดยเป็นกลไกของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติหน้าที่ และเป็นแหล่งข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้อง มีความน่าเชื่อถือ และสร้างความเชื่อมั่น

 

            นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปิดท้ายว่า ที่ได้กล่าวมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เป็นเพียงการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อการปฏิรูประบบราชการเท่านั้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงการปฏิวัติความเปลี่ยนแปลงของการบริหารประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน นอกจากการใช้เทคโนโลยีแล้ว รัฐบาลยังได้ติดตั้งระบบ Digital Nervous System หรือ โครงข่าวดิจิตอล เพื่อให้รัฐบาลสามารถเข้าถึงข้อมูล และความรู้ต่าง ๆ ได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส ในเรื่องที่เกี่ยวกับภารกิจของชาติ

            ทั้งนี้ รัฐบาลได้ส่งเสริมการทำงานอย่างโปร่งใส และระบบธรรมาภิบาล ซึ่งเป็นที่ยอมรับ เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย และไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง รวมถึงการปฏิรูประบบราชการที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชน ในรูปแบบที่ก่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด มีประโยชน์ และมีความโปร่งใส

สำนักงานก.พ.ร.ร่วมจัดนิทรรศการประชุมนานาชาติ
The 6th Global Forum on Reinventing Government

            สำหรับเนื้อหาที่นำเสนอในบูธนิทรรศการของไทย แบ่งสาระสำคัญออกเป็น 4 หัวข้อหลัก คือ   เกริ่นนำ ซึ่งกล่าวถึงวิกฤตกาลอันนำไปสู่การปฏิรูปและการดำเนินการของรัฐบาลในการแก้ปัญหาในด้านต่าง ๆ   
         
 
          การปฏิรูประบบราชการ
ซึ่งกล่าวถึงผลงานการแก้ปัญหาของรัฐบาลในส่วนของการปฏิรูประบบราชการที่ผ่านมา ได้แก่
                   การส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
                   การปรับโครงสร้างส่วนราชการ
                   การพัฒนาระบบการบริหารงานภาครัฐ
                   การปรับปรุงการให้บริการประชาชน
                   การปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ วัฒนธรรม และค่านิยมของข้าราชการ
                   การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารเพื่อพัฒนาระบบราชการ
                   การปรับปรุงเงินเดือนค่าตอบแทนของข้าราชการ              

          ก้าวต่อไป

                   นโยบายขจัดความยากจน
                   นโยบายพัฒนาคนและสังคมที่มีคุณภาพ
                   นโยบายปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้สมดุลแข่งขันได้
                   นโยบายบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
                   นโยบายการต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ
                   นโยบายพัฒนากฎหมายและส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี
                   นโยบายส่งเสริมประชาธิปไตยและกระบวนการประชาสังคม
                   นโยบายรักษาความมั่นคงของรัฐ
                   นโยบายตามแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ             
           และสุดท้าย การสร้างประเทศไทยให้แข็งแกร่ง
                   

                 ภาพบรรยากาศการประชุมและการจัดนิทรรศการในครั้งนี้มาฝากกันค่ะ!      

               นายกรัฐมนตรีทักทายผู้เข้าร่วมประชุมและให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวการประชุม The 1st ASEAN+3 Ministerial Meeting on Creative Management for Government


 

 

             บูธนิทรรศการ    เผยโฉมบูธนิทรรศการของไทยสู่สายตานานาประเทศ


 

 

 


ของที่ระลึกและเอกสารที่แจกในบูธของไทย
ซึ่งได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
 

เยี่ยมชมบูธนิทรรศการของประเทศอื่น ๆ