สวัสดีค่ะ
วันนี้ e-News ฉบับเดือนนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. จะขอบอกเล่าก้าวสิบในหัวข้อเรื่อง การเตรียมการเพื่อรองรับการพัฒนาระบบราชการในขั้นต่อไป
โดยการดำเนินโครงการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
ซึ่งจะเป็นการยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริหารงานในภาครัฐ
เพื่อผลักดันให้การพัฒนาระบบราชการมีประสิทธิภาพ
และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันมากยิ่งขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ได้ถูกนำเสนอในที่ประชุม ก.พ.ร.
ครั้งที่ 6/2548 เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา
โดยมีภารกิจการบริหารการเปลี่ยนแปลงและนวัตกรรมเป็นผู้รับผิดชอบ
การพัฒนาระบบราชการที่ผ่านมา |
สำนักงาน
ก.พ.ร. ได้ริเริ่ม ผลักดัน
และเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อให้เกิดการพัฒนาระบบราชการ
ด้วยระบบการบริหารราชการแนวใหม่
และการประยุกต์ใช้กระบวนการบริหารเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Management)
ได้แก่
การวางยุทธศาสตร์
เริ่มตั้งแต่ในระดับภาพรวมของรัฐบาล ที่มีการจัดทำแผนการบริหารราชการแผ่นดิน 4 ปี (พ.ศ. 2548 -
2551) และถ่ายทอดลงไปสู่ แผนปฏิบัติราชการ 4 ปี ของกระทรวง ทบวง กรม
และจังหวัด
การจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการของส่วนราชการและจังหวัด
โดยมีการกำหนดตัวชี้วัดหลัก (Key Performance Indicators) ตามแนวทางของ
Balanced Scorecard ที่ครอบคลุมทั้ง 4 มิติ
คือ มิติด้านประสิทธิผลตามยุทธศาสตร์ (Financial Perspective) มิติด้านคุณภาพการให้บริการ
(Customer Perspective) มิติด้านประสิทธิภาพของการปฏิบัติราชการ
(Internal Work Process Perspective) และมิติด้านการพัฒนาองค์กร
(Learning and Growth Perspective)
รวมทั้งการจัดให้มีการให้เงินรางวัลตามผลงานเพื่อสร้างแรงจูงใจในการปฏิบัติราชการ |
|
การนำยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติ
โดยการจัดทำแผนปฏิบัติราชการประจำปี
รวมถึงวิธีการจัดสรรงบประมาณให้รองรับกับยุทธศาสตร์ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
และแผนการบริหารราชการแผ่นดิน นอกจากนี้
เพื่อเป็นการผลักดันการทำงานให้สอดรับกับยุทธศาสตร์ที่วางไว้
จึงได้มีการปรับแต่งองคาพยพของระบบราชการในด้านต่าง ๆ ด้วยได้แก่
- การปรับปรุงโครงสร้างส่วนราชการ :
การปรับปรุงโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม
การแปรสภาพหน่วยงานเป็นหน่วยบริการรูปแบบพิเศษ (Special Delivery Unit : SDU) องค์การมหาชน
และการถ่ายโอนภารกิจ
- การปรับปรุงกระบวนงาน :
การลดระยะเวลาและขั้นตอนในการปฏิบัติงาน การจัดทำข้อเสนอการเปลี่ยนแปลง
(Blueprint for Change)
- การนำเทคโนโลยีมาใช้ : การนำ IT
มาประยุกต์ใช้ในงานให้บริการประชาชน (e-service) และระบบบริการหลังสำนักงาน
(Back
Office)
- การพัฒนาบุคลากรและการปรับเปลี่ยนวัฒนธรรม : การเตรียมวางหลักสูตรอบรมเพื่อปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงาน
และความเข้าใจในระบบบริหารราชการแนวใหม่ สำหรับกลุ่มนักบริหารระดับกลาง
และรองผู้ว่าราชการจังหวัด
|
การควบคุมเชิงยุทธศาสตร์ มีการเฝ้าระวังเชิงยุทธศาสตร์
โดยการกำหนดเจ้าภาพรับผิดชอบทั้งในด้าน Economic Intelligence และ
National Security Intelligence
เพื่อคอยติดตามและวิเคราะห์สถานการณ์เพื่อรายงานเตือนภัยให้แก่รัฐบาล
นอกจากนี้ ยังได้มีการวางระบบประเมินผลตนเอง (Self Assessment)
และการตรวจสอบผลการดำเนินการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
และสำหรับในด้านการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายเงินงบประมาณนั้น
ก็ได้มีการวางระบบการบริหารงานการเงินการคลังภาครัฐสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์
หรือ GFMIS
ด้วย |
การพัฒนาระบบราชการในขั้นต่อไป |
|
การเตรียมการเพื่อรองรับการพัฒนาระบบราชการในขั้นต่อไปนั้นก็คือ
การยกระดับและพัฒนาคุณภาพมาตรฐานการบริหารงานภาครัฐ
เพื่อให้การพัฒนาระบบราชการมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สำนักงาน
ก.พ.ร. จึงได้ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ ในการจัดทำโครงการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐขึ้น
โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐให้สอดคล้องกับ
พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
และเพื่อเป็นแนวทางให้หน่วยงานภาครัฐนำไปยกระดับคุณภาพการปฏิบัติงานสู่ระดับมาตรฐานสากล
รวมทั้งเป็นกรอบในการประเมินตนเอง
และเป็นบรรทัดฐานในการติดตามและประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐอีกด้วย
สำหรับการดำเนินการนั้น
จะมีการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐให้สอดคล้องกับการพัฒนาระบบราชการที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
คือการดำเนินการตาม
พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
และการประเมินผลการปฏิบัติงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการใน 4
มิติ
นอกจากนี้
ยังจะสร้างความเชื่อมโยงให้การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐเป็นตัวผลักดันขับเคลื่อน
ในการยกระดับคุณภาพในการปฏิบัติราชการให้มีประสิทธิภาพด้วย
โครงการดังกล่าว
ยังได้กำหนดเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ โดยนำกรอบการดำเนินการตาม
พ.ร.ฎ.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี พ.ศ. 2546
รวมทั้งหลักเกณฑ์และแนวคิดของรางวัลคุณภาพแห่งชาติของประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้แก่ Malcolm Baldrige National Quality Award (MBNQA)
มาศึกษาวิเคราะห์เพื่อให้ได้เกณฑ์ที่สอดคล้องกับบริบทของส่วนราชการไทย
และการพัฒนาสู่ระดับสากล
ซึ่งจะเป็นเครื่องมือในการประเมินตนเองของส่วนราชการ
เพื่อให้ผู้บริหารทราบว่าหน่วยงานของตนยังมีความบกพร่องในเรื่องใด
และดำเนินการแก้ไขปรับปรุงในด้านต่าง ๆ
เพื่อให้หน่วยงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้
ส่วนราชการยังสามารถได้รับการตรวจรับรอง (Certify)
จากผู้ตรวจประเมินภายนอก
และขอเข้าประกวดเพื่อรับรางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
เช่นเดียวกับรางวับคุณภาพแห่งชาติ (Thailand Quality Award : TQA)
ในภาคเอกชน |
|
สำหรับเกณฑ์การพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐนั้น
ประกอบด้วยเกณฑ์ 7 หมวด ได้แก่
หมวด
1
การนำองค์กร
หมวด
2
การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์
หมวด
3
การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
หมวด
4 การวัด การวิเคราะห์
และการจัดการความรู้
หมวด
5
การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล
หมวด
6
การจัดการกระบวนการ
หมวด
7 ผลลัพธ์การดำเนินการ
โดยเกณฑ์ทั้ง
7 หมวดนี้ มีความเชื่อมโยงในเชิงระบบ
ซึ่งสามารถอธิบายได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็นกระบวนการ และ
ส่วนที่เป็นผลลัพธ์
ส่วนที่เป็นกระบวนการ
สามารถแบ่งตามลักษณะการปฏิบัติการได้
3 กลุ่มย่อย คือ
กลุ่มการนำองค์กร : ได้แก่ หมวด
1 การนำองค์กร หมวด 2 การวางแผนเชิงยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ และหมวด 3
การให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ซึ่งเกณฑ์เหล่านี้ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเดียวกันเพื่อเน้นให้เห็นความสำคัญว่า
ในการนำองค์กรนั้น ผู้บริหารต้องกำหนดทิศทางของส่วนราชการ
โดยต้องมุ่งเน้นที่ยุทธศาสตร์และกลยุทธ์
และการให้ความสำคัญกับผู้รับบริการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
จากรูปข้างบนจะเห็นว่า ทั้ง 3 หมวดนี้เชื่อมโยงกันด้วยเส้นที่มีลูกศร 2 ข้าง
ซึ่งแสดงว่า ทั้ง 3 หมวดต้องมีการปฏิสัมพันธ์เชื่อมโยงกันตลอดเวลา
กลุ่มปฏิบัติการ : ได้แก่ หมวด 5
การมุ่งเน้นทรัพยากรบุคคล และ หมวด 6
การจัดการกระบวนการ กลุ่มนี้แสดงให้เห็นว่าทั้งบุคลากรและกระบวนการ
มีบทบาททำให้การดำเนินงานสำเร็จ และนำไปสู่ผลลัพธ์การดำเนินการของส่วนราชการ
และทั้ง 2 หมวดนี้ก็เช่นเดียวกันที่จะมีลูกศร 2
ข้างเชื่อมโยงกันอยู่
กลุ่มพื้นฐานของระบบ : ได้แก่
หมวด 4 การวัด การวิเคราะห์ และการจัดการความรู้
กลุ่มนี้ส่งผลให้ส่วนราชการมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิผล
และมีการปรัุบปรุงผลการดำเนินการโดยใช้ข้อมูลจริงและองค์ความรู้เป็นแรงผลักดัน
จากภาพข้างบนจะเห็นว่า มีลูกศร 2 ข้างเชื่อมโยงกับหมวด 1 การนำองค์กร
ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้บริหารของส่วนราชการต้องมีข้อมูลจริง
เืืพื่อใช้ในการตัดสินใจ ส่วนลูกศร 2 ข้างที่เชื่อมโยงกับหมวด 7
ผลลัพธ์การดำเนินการ แสดงให้เห็นว่า ต้องมีการวัด และการวิเคราะห์
เพื่อให้สามารถรายงานผลลัพธ์การดำเนินการของส่วนราชการได้ นอกจากนี้
ยังมีลูกศรใหญ่ที่เชื่อมโยงระหว่างหมวด 4 กับหมวดอื่น ๆ ทุกหมวด
แสดงให้เห็นว่า ในการบริหารจัดการนั้น
ต้องมีการใช้ข้อมูลและสารสนเทศอยู่ตลอดเวลา
ส่วนที่เป็นผลลัพธ์
ได้แก่
หมวด 7 ผลลัพธ์การดำเนินการ
ส่วนนี้เป็นการตรวจประเมินใน 4 มิติ ที่สอดคล้องกับคำรับรองการปฏิบัติราชการ
โดยจากภาพข้างบนนั้น
ลูกศรแนวนอนตรงกลางของภาพแสดงการเชื่อมโยงของกลุ่มการนำองค์กรและกลุ่มปฏิบัติการกับส่วนที่เป็นผลลัพทธ์
และชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างหมวด 1 การนำองค์กร กับหมวด 7
ผลลัพทธ์การดำเนินการ
- สำหรับการดำเนินการในขั้นต่ิอไปนั้น
สำนักงาน ก.พ.ร.
ได้เิริ่มทำการศึกษาและกำหนดกรอบทิศทางในการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยได้จัดทำเกณฑ์คุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐไว้แล้ว สำหรับในปี พ.ศ. 2548 จะเป็นการเตรียมพร้อมให้กับส่วนราชการ
โดยได้จัดทำคู่มือสำหรับหน่วยงานภาครัฐเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการประเมินองค์กรด้วยตนเอง
รวมทั้งการสร้างกลไลการดำเนินการภายในสำนักงาน ก.พ.ร.ให้มีความพร้อม
และในปี พ.ศ. 2549 จะเป็นการสนับสนุนให้ส่วนราชการเสนอตัวเข้าสู่ระบบการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
และเสนอตัวเข้ารับ รางวัลคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ
(Public Sector Management Quality Award : PMQA) ต่อไป.