มติคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน 2549

ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน ก.พ.ร.

                  การประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่  7 พฤศจิกายน 2549  ณ ห้องประชุม  ชั้น 2  ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีหลังใหม่     ทำเนียบรัฐบาล    ได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
สำนักงาน ก.พ.ร. จำนวน 3 เรื่อง ดังนี้


เศรษฐกิจ

เรื่อง
แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10
(พ.ศ. 2550 - 2554)


                  คณะรัฐมนตรีรับทราบแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 (พ.ศ. 2550 - 2554) ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเสนอโดยมีวิสัยทัศน์ พันธกิจวัตถุประสงค์ เป้าหมาย ยุทธศาสตร์การพัฒนาของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติและการ
ติดตามประเมินผล สรุปได้ดังนี้

           1. วิสัยทัศน์ประเทศไทย

                มุ่งพัฒนาสู่ “สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน (Green and Happiness Society)  คนไทยมีคุณธรรมนำความรอบรู้ รู้เท่าทันโลก  ครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง  สังคมสันติสุข เศรษฐกิจมีคุณภาพ  เสถียรภาพ  และเป็นธรรม สิ่งแวดล้อมมี
คุณภาพและทรัพยากรธรรมชาติที่ยั่งยืนอยู่ภายใต้         ระบบบริหารจัดการประเทศที่มีธรรมาภิบาล        ดำรงไว้ซึ่งระบอบ
ประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอยู่ในประชาคมโลกได้อย่างมีศักดิ์ศรี”

                                              

           2. พันธกิจ

                เพื่อให้การพัฒนาประเทศในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 มุ่งสู่ “สังคมอยู่เย็นเป็นสุขร่วมกัน” ภายใต้แนวปฏิบัติของ “ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง” เห็นควรกำหนดพันธกิจของการพัฒนาประเทศ ดังนี้
              (1) พัฒนาคนให้มีคุณภาพ คุณธรรมนำความรอบรู้อย่างเท่าทัน
              (2) เสริมสร้างเศรษฐกิจให้มีคุณภาพ เสถียรภาพ และเป็นธรรม
              (3) ดำรงความหลากหลายทางชีวภาพและสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพสิ่งแวดล้อม
              (4) พัฒนาระบบบริหารจัดการประเทศให้เกิดธรรมาภิบาล ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย  อันมีพระมหากษัตริย์ทรง
เป็นประมุข

           3. วัตถุประสงค์

               (1) เพื่อสร้างโอกาสการเรียนรู้คู่คุณธรรม จริยธรรมอย่างต่อเนื่อง ที่ขับเคลื่อนด้วยการเชื่อมโยงบทบาทครอบครัว สถาบันศาสนาและสถาบันการศึกษา   เสริมสร้างบริการสุขภาพอย่างสมดุลระหว่างการส่งเสริม  การป้องกัน  การรักษา
และการฟื้นฟูสมรรถภาพ และสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

               (2) เพื่อเพิ่มศักยภาพของชุมชน เชื่อมโยงเป็นเครือข่าย เป็นรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต และอนุรักษ์ ฟื้นฟู ใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน นำไปสู่การพึ่งตนเองและลดปัญหาความยากจนอย่างบูรณาการ

               (3) เพื่อปรับโครงสร้างการผลิตสู่การเพิ่มคุณค่าของสินค้าและบริการบนฐานความรู้และนวัตกรรม รวมทั้งสนับสนุนให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างสาขาการผลิตเพื่อทำให้มูลค่าการผลิตสูงขึ้น

               (4) เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน และระบบบริหารความเสี่ยงให้กับภาคการเงิน การคลัง พลังงาน ตลาดปัจจัยการผลิต ตลาดแรงงาน และการลงทุน

               (5) เพื่อสร้างระบบการแข่งขันด้านการค้าและการลงทุนให้เป็นธรรม และคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ รวมทั้งสร้างกลไกในการกระจายผลประโยชน์จากการพัฒนาสู่ประชาชนในทุกภาคส่วนอย่างเป็นธรรม

               (6) เพื่อเสริมสร้างความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติและคุณค่าความหลากหลายทาง ชีวภาพ ควบคู่กับการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมให้เป็นฐานที่มั่นคงของการพัฒนาประเทศ และการดำรงชีวิตของคนไทยทั้งในรุ่นปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งสร้างกลไกในการรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างเป็นธรรมและอย่างยั่งยืน

               (7) เพื่อเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการประเทศสู่ภาครัฐ ภาคธุรกิจเอกชน และภาคประชาชน และขยายบทบาทขีดความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควบคู่กับการเสริมสร้างกลไกและกระบวนการมีส่วนร่วมในการพัฒนาวัฒนธรรมประชาธิปไตย ให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

           4. เป้าหมาย

                (1) เป้าหมายการพัฒนาคุณภาพคนและความเข้มแข็งของชุมชน

                       (1.1) การพัฒนาคน

                     1) คนไทยทุกคนได้รับการพัฒนาให้มีความพร้อมทั้งด้าน
ร่างกาย  สติปัญญา  คุณธรรม  จริยธรรม  อารมณ์ มีความสามารถในการ
แก้ปัญหา    มีทักษะในการประกอบอาชีพ   มีความมั่นคงในการดำรงชีวิต
อย่างมีศักดิ์ศรี และอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข
                    2) เพิ่มจำนวนปีการศึกษาเฉลี่ยของคนไทยเป็น    10  ปี
พัฒนากำลังแรงงานระดับกลางที่มีคุณภาพ เพิ่มเป็นร้อยละ 60 ของกำลัง
แรงงานทั้งหมด       และเพิ่มสัดส่วนบุคลากรด้านการวิจัยและพัฒนาเป็น
10 คนต่อประชากร 10,000 คน
                    3) อายุคาดหมายเฉลี่ยของคนไทยสูงขึ้นเป็น      80   ปี ควบคู่กับการลดอัตราเพิ่มของการเจ็บป่วยด้วยโรคป้องกันได้ใน 5 อันดับ
แรก คือ หัวใจ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน หลอดเลือดสมอง  และมะเร็ง
นำไปสู่การเพิ่มผลิตภาพแรงงานและลดรายจ่ายด้านสุขภาพของบุคคลลง
ในระยะยาว

 

                      (1.2) การพัฒนาชุมชนและแก้ปัญหาความยากจน ทุกชุมชนมีแผนชุมชนแบบมีส่วนร่วม และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำแผนชุมชนไปใช้ประกอบการจัดสรรงบประมาณ เพิ่มกิจกรรมสร้างสรรค์สังคม และบรรเทาปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติด และขยายโอกาสการเข้าถึงแหล่งทุน การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ และลดสัดส่วนผู้อยู่ใต้เส้นความยากจนลงเหลือร้อยละ 4 ภายในปี 2554

                (2) เป้าหมายด้านเศรษฐกิจ

                       (2.1) โครงสร้างเศรษฐกิจ สัดส่วนภาคเศรษฐกิจในประเทศต่อภาคการค้าระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 75 ภายในปี 2554 และสัดส่วนภาคการผลิตเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 15 ภายในปี 2554

                       (2.2) เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยร้อยละ 3.0 - 3.5 ต่อปี สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไม่เกินร้อยละ 50 และความยืดหยุ่นการใช้พลังงานเฉลี่ยไม่เกิน 1:1 ในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10

                       (2.3) ความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจ สัดส่วนรายได้ของกลุ่มที่มีรายได้สูงสุด ร้อยละ 20 แรก ต่อรายได้ของกลุ่มที่มีรายได้ต่ำสุดร้อยละ 20 ไม่เกิน 10 เท่าภายในปี 2554 และสัดส่วนผลผลิตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 40 ในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10

                (3) เป้าหมายการสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม

                       (3.1) รักษาความสมบูรณ์ของฐานทรัพยากรและความหลากหลายทางชีวภาพ ให้มีพื้นที่ป่าไม้ไว้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 33 และต้องเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ไม่น้อยกว่าร้อยละ 18 ของพื้นที่ประเทศ รวมทั้งรักษาพื้นที่ทำการเกษตรในเขตชลประทานไว้ไม่น้อยกว่า 31,000,000 ไร่

                       (3.2) รักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อการดำรงคุณภาพชีวิตที่ดี และไม่เป็นภัยคุกคามต่อระบบนิเวศ ตลอดจนคุณภาพชีวิตของคนไทย


                                                      



                 (4) เป้าหมายด้านธรรมาภิบาล

                       (4.1) มุ่งให้ธรรมาภิบาลของประเทศดีขึ้น มีคะแนนภาพลักษณ์ของความโปร่งใสอยู่ที่ 5.0 ภายในปี 2554 ระบบราชการมีขนาดที่เหมาะสม และมีการดำเนินงานที่คุ้มค่าเพิ่มขึ้น ลดกำลังคนภาคราชการให้ได้ ร้อยละ 10 ภายในปี 2554 ธรรมาภิบาลในภาคธุรกิจเอกชนเพิ่มขึ้น ท้องถิ่นมีขีดความสามารถในการจัดเก็บรายได้ และมีอิสระในการพึ่งตนเองมากขึ้น ภาคประชาชนมีความเข้มแข็ง รู้สิทธิ หน้าที่ และมีส่วนร่วมมากขึ้นในการตัดสินใจและรับผิดชอบในการบริหารจัดการประเทศ

                       (4.2) สร้างองค์ความรู้เกี่ยวกับประชาธิปไตยและธรรมาภิบาลในบริบทไทย ให้มีการศึกษาวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ในด้านวัฒนธรรมประชาธิปไตย วัฒนธรรมธรรมาภิบาล และวัฒนธรรมสันติวิธีเพิ่มขึ้นในระยะของแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10

           5. ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ

                ภายใต้บริบทการเปลี่ยนแปลงในกระแสโลกาภิวัตน์ที่ปรับเปลี่ยนเร็วและสลับซับซ้อนมากยิ่งขึ้น จำเป็นต้องกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศที่เหมาะสม ดังนี้

                (1) ยุทธศาสตร์การพัฒนาคุณภาพคนและสังคมไทยสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคนให้มีคุณธรรมนำความรู้ เกิดภูมิคุ้มกัน

                (2) ยุทธศาสตร์การสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและสังคมให้เป็นรากฐานที่มั่นคงของประเทศ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการกระบวนการชุมชนเข้มแข็ง ด้วยการส่งเสริมการรวมตัว ร่วมคิด ร่วมทำ ในรูปแบบที่หลากหลาย และจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่องตามความพร้อมของชุมชน

                (3) ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างการผลิตให้สมดุลและยั่งยืน ให้ความสำคัญกับการปรับโครงสร้างเพื่อสร้างความเข้มแข็งของภาคการผลิตและบริการ บนฐานการเพิ่มคุณค่าสินค้าและบริการจากองค์ความรู้สมัยใหม่ ภูมิปัญญาท้องถิ่นและนวัตกรรม และการบริหารจัดการที่ดี รวมทั้งสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีด้วยการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและระบบโลจิสติกส์ การปฏิรูปองค์กร การปรับปรุงกฎระเบียบ การพัฒนามาตรฐานในด้านต่าง ๆ และการดำเนินนโยบายการค้าระหว่างประเทศให้สนับสนุนการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ พร้อมทั้งการสร้างภูมิคุ้มกันและระบบบริหารความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจที่มีประสิทธิภาพ

                (4) ยุทธศาสตร์การพัฒนาบนฐานความหลากหลายทางชีวภาพ และการสร้างความมั่นคงของฐานทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ให้ความสำคัญกับการรักษาฐานทรัพยากรและความสมดุลของระบบนิเวศ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและการพัฒนาที่ยั่งยืน

                (5) ยุทธศาสตร์การเสริมสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการประเทศ มุ่งเสริมสร้างความเป็นธรรมในสังคมอย่างยั่งยืน

           6. การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติและการติดตามประเมินผล

                การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 สู่การปฏิบัติ ต้องให้ภาคีพัฒนาทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อน โดยนำเอาแนวทางการพัฒนาตามยุทธศาสตร์ของแผนมาแปลงไปสู่แผนปฏิบัติการในระดับต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการปรับระบบการจัดสรรทรัพยากร การปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบ การสร้างองค์ความรู้ รวมทั้งการติดตามประเมินผลอย่างเป็นระบบ โดยมีแนวทางสำคัญ ดังนี้

                     

            (1) เสริมสร้างบทบาทการมีส่วนร่วมของภาคีพัฒนา   จัดทำแผน
ปฏิบัติการในระดับต่าง  ๆ     ที่บูรณาการเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ของแผน
พัฒนาฯ ฉบับที่ 10 ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
            (2) กำหนดแนวทางการลงทุนที่สำคัญตามยุทธศาสตร์การพัฒนา
ในแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10             
            (3) เร่งปรับปรุงและพัฒนากฎหมาย   เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน
ยุทธศาสตร์ให้บังเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ       ประสิทธิผล
            (4) ศึกษาวิจัยสร้างองค์ความรู้  และกระบวนการเรียนรู้   เพื่อหนุน
เสริมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 10 สู่การปฏิบัติ   
            (5) พัฒนาระบบการติดตามประเมินผล   และสร้างดัชนีชี้วัดความ
สำเร็จของการพัฒนาในทุกระดับ    

            (6) สนับสนุนการพัฒนาระบบฐานข้อมูลในทุกระดับ และการเชื่อมโยงโครงข่ายข้อมูลข่าวสาร ระหว่างหน่วยงาน
กลางระดับนโยบาย ตลอดจนระดับพื้นที่และท้องถิ่น

เศรษฐกิจ

เรื่อง
การดำเนินงานของสำนักงานกำกับระบบ GFMIS


           คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ยุบ สำนักงานกำกับการบริหารการเงินการคลังภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์ (GFMIS) ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และโอนงานนี้ไปให้กระทรวงการคลังโดยเร็วที่สุด ตามที่สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีเสนอ

สังคม

เรื่อง
ข้อเสนอแนะที่สำคัญต่อรัฐบาล


           คณะรัฐมนตรีอนุมัติข้อเสนอแนะ (ระยะแรก) เกี่ยวกับนโยบายด้านจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและการประพฤติมิชอบ ตามที่คณะที่ปรึกษาด้านการเสริมสร้างจริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติเสนอ และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รับไปดำเนินการในแต่ละหัวข้อ ดังนี้

           ด้านกฎหมาย มอบหมายให้ กระทรวงการต่างประเทศ
           ภาคการเมือง
มอบหมายให้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี
           ภาคสังคม
มอบหมายให้ กระทรวงศึกษาธิการ ร่วมกับ กระทรวงวัฒนธรรม
           ภาคธุรกิจ
มอบหมายให้ กระทรวงการคลัง ร่วมกับ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์  และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
           
ภาคราชการ มอบหมายให้ กระทรวงยุติธรรม  ร่วมกับ สำนักงาน ก.พ.  และ สำนักงาน ก.พ.ร.  ทั้งนี้ ในส่วนของ
คุณธรรม จริยธรรม ในแวดวงราชการ มอบหมายให้คุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดูแลในภาพรวม

           ข้อเสนอแนะ (ระยะแรก) มีรายละเอียดดังนี้

                                                    



           ด้านกฎหมาย
           - ให้มีการลงสัตยาบันตามอนุสัญญาขององค์การสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านคอร์รัปชั่น (The United 
Nations Convention Against Corruption)
           - ปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย และอนุวัติตามอนุสัญญา

           ภาคการเมือง
           - ให้มีการจัดทำประมวลจริยธรรมหรือจรรยาบรรณ (Code of Ethics/Conduct) ในการปฏิบัติงานของคณะรัฐมนตรีเพื่อเป็นตัวอย่าง

           ภาคสังคม
           - ให้มี/พัฒนาหลักสูตรเกี่ยวกับการเสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม และศีลธรรมในทุกระดับการศึกษา ตลอดจนปรับเนื้อหาการเรียนการสอนให้ทันสมัย
           - ปรับเปลี่ยนเจตคติและค่านิยมของคนในสังคมเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและการประพฤติมิชอบ ด้วยวิธีการที่สร้างสรรค์ และผ่านสื่อในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้สื่อสารและเข้าถึงประชาชนทุกระดับ
           - ส่งเสริมให้สื่อและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง ติดตาม ตรวจสอบ ป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตและการประพฤติมิชอบ รวมทั้งเผยแพร่และการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล

           ภาคธุรกิจ
           - สนับสนุนให้ภาคธุรกิจตระหนักและมีส่วนร่วมในการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล และการป้องกันการทุจริตและการประพฤติมิชอบ
           - กำหนดมาตรการป้องกันการใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจโดยไม่สุจริต และกำกับติดตามการบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาคธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ

                                                            
                                                            


           ภาคราชการ
           - ให้ภาคราชการนำระบบคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาลมาปฏิบัติอย่างจริงจังและต่อเนื่อง รวมทั้งให้มีกลไกต่าง ๆ ี่สนับสนุนการดำเนินงาน
           - เสริมสร้างคุณธรรม จริยธรรม ความโปร่งใส และความซื่อสัตย์สุจริต ของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ด้วยการใช้กลไกของรัฐที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ
           - ส่งเสริมให้ภาคราชการนำผลการศึกษาวิจัยด้านการส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม และการป้องกันการทุจริต ที่ดำเนินการโดยสำนักงาน ก.พ. และส่วนราชการต่าง ๆ มาใช้หรือประยุกต์ใช้อย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม
           - เร่งรัดการจัดตั้งสำนักงานพัฒนาระบบคุณธรรม จริยธรรม และป้องกันการทุจริตและประพฤติมิชอบในฝ่ายบริหาร (รับผิดชอบกรณีกระทำความผิดประพฤติมิชอบของข้าราชการตั้งแต่ระดับ 8 ลงมา)