เรื่อง : วสุนธรา กิจประยูร / กฤษณา นิลศรี

How to be a REAL Success

กลยุทธ์สู่ความสำเร็จที่แท้จริง

การจัดสัมมนาครั้งแรกในประเทศไทยของ Dr. John C. Maxwell ในครั้งนี้ใช้ชื่อว่า "Maxwell Live in Bangkok : How to be a REAL Success" จัดโดย บริษัท บริดจ์ คอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี และบิสิเนสไทย พร้อมกับพันธมิตรอีกหลายหน่วยงาน เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ ห้องบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรม โซฟิเทล เซ็นทรัล พลาซ่า กรุงเทพฯ โดยมี คุณจักรภพ เพ็ญแข รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินรายการ

กลยุทธ์สู่ความสำเร็จที่แท้จริง

Dr. John C. Maxwell กล่าวถึงกลยุทธ์สู่ความสำเร็จที่แท้จริงว่า ผู้ที่จะประสบความสำเร็จนั้น ต้องอาศัยปัจจัยหลัก 4 ประการ ซึ่งสามารถถ่ายทอดออกมาได้ด้วยคำว่า REAL กล่าวคือ

R
Relationships
คือ สัมพันธภาพ เป็นทักษะสำคัญสูงสุดที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ ด้วยความสามารถในการเข้าถึงและได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้อื่น เพื่อลดความขัดแย้ง เพราะความสัมพันธ์ที่มีกับคนรอบข้างนั้น สามารถสร้างหรือทำลายคุณก็ได้
E
Equipping
คือ แรงหนุน เป็นการเสริมสร้างศักยภาพของผู้อื่น เพราะระดับของความสำเร็จนั้น ขึ้นอยู่กับบุคคลที่ใกล้ชิดกับเรามากที่สุด นอกจากนี้ สิ่งหนึ่งที่จะช่วยให้เราบรรลุความฝันอันยิ่งใหญ่ได้ก็คือ ทีมงาน
A
Attitude
คือ ทัศนคติ เป็นการเสริมสร้างทัศนคติที่ดีที่จะมีผลต่อทัศนคติของบุคคลรอบข้าง ซึ่งชีวิตจะรุ่งเรืองเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับทัศนคติในตัว ไม่ใช่เพราะความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิดเพียงอย่างเดียว
L
Leadership
คือ ความเป็นผู้นำ เป็นการกำหนดเส้นทางความสำเร็จอันจะนำไปสู่การเป็นสุดยอดผู้นำต่อไป เพราะความรุ่งโรจน์หรือความล้มเหลวนั้น ขึ้นอยู่กับผู้นำ หากต้องการเปิดประตูสู่ประสิทธิภาพส่วนบุคคล หนทางเดียวที่จะทำได้ก็คือ ต้องเพิ่มทักษะความเป็นผู้นำ

 
การเป็นผู้นำ

นอกจากนี้ Dr. John C. Maxwell ยังได้กล่าวถึงการเป็น "ผู้นำ" ว่า

1. เมื่อปีนขึ้นสูง ย่อมจำเป็นที่จะต้องมีภาวะของความเป็นผู้นำมากขึ้น เพราะการบรรลุความสำเร็จไม่ว่าในเรื่องใดนั้น ก็มักจะถูกกำหนดโดยความสามารถในการนำผู้อื่นเสมอ

2. การเปลี่ยนแปลงทิศทางใด ๆ ขององค์กร ต้องมีการเปลี่ยนผู้นำ และขีดความสามารถของผู้นำย่อมเป็นเหมือนตัวกำหนดประสิทธิภาพของบุคคลหรือองค์กร

3. โดยทั่วไปแล้ว ในยามคับขัน หรือเมื่อเกิดภาวะวิกฤต องค์กรมักจะมองหาผู้นำใหม่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อประเทศประสบภาวะวิกฤติ ก็จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีใหม่ เมื่อทีมนักกีฬาประสบกับความพ่ายแพ้ตลอด ก็จะต้องมีการมองหาโค้ชใหม่ หรือในกรณีของบริษัท หากเกิดภาวะขาดทุน ก็จะต้องจ้างผู้บริหารใหม่ เป็นต้น

4. ภาวะผู้นำนั้นจะต้องสร้างทุกวัน ไม่ใช่สร้างในวันเดียว และความสามารถในการนำที่แท้จริง เป็นการสั่งสมจากทักษะต่าง ๆ ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถเรียนรู้และพัฒนาให้ดีขึ้นได้ แต่กระบวนการจะไม่ได้เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืน

5. การเป็นผู้นำเป็นเรื่องที่ซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับหลายด้าน ได้แก่ ความนับถือ ประสบการณ์ ความเข้มแข็งด้านจิตใจ ทักษะเกี่ยวกับคน วินัย วิสัยทัศน์ กระแสของเหตุการณ์ และเวลา

6. ปัจจัยหลายประการที่มีส่วนสำคัญต่อภาวะผู้นำ ล้วนเป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม ดังนั้น การที่จะเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพจึงจำเป็นต้องเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก และบุคคลแรกที่ต้องนำให้ได้ก็คือ "ตัวเรา" เอง

ทั้งนี้ "ผู้นำ" สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 ระดับ ได้แก่

1. Position Level ผู้นำโดยตำแหน่ง เป็นระดับต่ำ ที่สุด key word ของระดับนี้คือ “rights” โดยผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟัง คล้อยตาม เพราะไม่มีทางเลือก หรืออาจสรุปได้ว่า เป็นการทำเพราะต้องทำ ไม่ได้เกิดจากความศรัทธา


2. Permission Level ผู้ใต้บังคับบัญชายินยอมให้เป็นผู้นำ เน ื่องจากเกิดความนิยมชมชอบ สามารถเข้ากันได้ดี และเกิดความต้องการที่จะปฏิบัติตาม key word ของระดับนี้คือ “relationship”


3. Production Level ผู้ใต้บังคับบัญชาทำตามเพราะผู้นำได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีความสามารถ ทำงานประสบความสำเร็จ key word ของระดับนี้คือ “momentum” หมายถึง แรงขับเคลื่อนที่จะทำให้สิ่งต่าง ๆ รอบตัว ประสบความสำเร็จได้เร็วขึ้น ถ้าผู้นำมี momentum ก็จะทำให้ลูกน้องมีความเชื่อมั่นว่า ผู้นำของเขาทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ และจะมองว่าเป็นผู้นำในหัวใจ ถึงแม้สิ่งที่ทำอาจจะดูไม่ถูกต้องนัก แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเป็นความผิดที่ยิ่งใหญ่ ปัญหาที่เกิดขึ้นสามารถแก้ไขให้ลุล่วงไปได้

4. People Development Level สำหรับผู้นำในระดับนี้ ลูกน้องยินยอมที่จะเป็นผู้ตาม เพราะผู้นำได้พิสูจน์ให้พวกเขาเห็นจากการกระทำว่า ได้ส่งเสริมให้มีการพัฒนาและฝึกอบรมพวกเขาให้มีโอกาสเพิ่มพูนทักษะในด้านต่างๆ ทำให้เกิดความซื่อสัตย์ต่อองค์กร และจะซื่อสัตย์ต่อผู้นำด้วย เนื่องจากผู้นำได้ช่วยฝึกฝน อบรม และเพิ่มความมีคุณค่าให้พวกเขา

5. Personhood Level ผู้นำในระดับนี้นับว่าเป็นระดับสูงสุด คือ ลูกน้องยินยอมที่จะทำตาม เพราะรู้สึกว่าผู้นำได้ช่วยพวกเขามามากเป็นช่วงระยะเวลานาน จนทำให้ได้รับการยอมรับ และให้ความเคารพนับถือ ว่าเป็นผู้นำที่ทำงานประสบความสำเร็จ

ประวัติ Dr. John C. Maxwell

เป็นเจ้าของบริษัทชั้นนำ 4 แห่ง และเป็นนักเขียนติดอันดับยอดขายดีเด่น เขาได้ทุ่มเทเวลา และพลังงานไปกับการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับชีวิตของผู้คนมากมาย ได้สร้างผู้ติดตามอย่างมากในหมู่ผู้นำธุรกิจชั้นสูงทั่วโลก ซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตากันมากที่สุด

ในแต่ละปีเขาจะไปบรรยายในที่ต่าง ๆ รับงานสอนตามที่ประชุมต่าง ๆ บันทึกการถ่ายทอดบทเรียน และทำวิดีโอการฝึกอบรม และเขียนหนังสือ

เขาเขียนหนังสือกว่า 30 เล่ม และที่ขายดีที่สุด ได้แก่ “Thinking for a Change”, “Running with Giants”, “Leadership 101”, “Attitude 101”, “Failing forward: Turning your failures into Stepping Stones for Success” เป็นต้น

ให้ความสนใจเรื่องคนโดยไม่ติดยึดกับทฤษฎี ปรับให้เข้าใจง่าย จากสูงสุดสู่สามัญโดยกลับไปที่การใช้สามัญสำนึก