ฉบับที่ 10 ประจำเดือน ธันวาคม 2548

สวัสดีค่ะ e-newsletter ฉบับ ส่งท้ายปีเก่า  ต้อนรับปีใหม่
พบกับ     การบรรยายพิเศษ
ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร
นายกรัฐมนตรี และการสัมมนา
"High Impaet Middle
Management"
เรื่องน่ารู้หลากหลายกลยุทธ
นำไปสู่ การพัฒนาองค์กรที่มี
ประสิทธิภาพ
ฉบับนี้ยังมี บัตรอวยพรปีใหม่
จาก ดร.ทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร.


สรุปประเด็นการสัมมนา
ยุทธวิธีก้าวสู่ขีดความสำเร็จสูงสุด
ของผู้บริหารระดับกลาง


              ฉบับนี้เราจะมีสรุปประเด็นของงานสัมมนาเชิงวิชาการ เรื่อง “ยุทธวิธีก้าวสู่ขีดความสำเร็จสูงสุดของผู้บริหารระดับกลาง (High Impact Middle Management : Solutions for Today's Busy Managers)” ที่สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดขึ้น เมื่อวันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน 2548 ที่ผ่านมา ณ ห้อง Escap Hall ศูนย์การประชุม องค์การสหประชาชาติ โดยได้เชิญคุณ Lisa Haneberg ผู้เขียนหนังสือ High Impact Middle Management โดยรวบรวมจากประสบการณ์การศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของผู้บริหารระดับ กลางใน องค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก
         มาบรรยายแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์กับผู้บริหารระดับสูงและระดับกลางของหน่วยงานภาครัฐ ของไทย จำนวนกว่า 600 คน

ผู้บริหารระดับกลาง : กลไกในการขับเคลื่อนพันธกิจขององค์กรให้ประสบผลสำเร็จ
          
             Lisa Haneberg
เชื่อว่า ผู้บริหารระดับกลาง เปรียบเสมือนกลไกที่สำคัญมากในการขับเคลื่อนพันธกิจขององค์กรให้ประสบผลสำเร็จ ผู้บริหารระดับกลางคือผู้ที่มีความสำคัญในการนำยุทธศาสตร์ขององค์ไปปฎิบัติงานจริง ผลของการดำเนินงานของผู้บริหารระดับกลางนั้น จะเป็นตัวสะท้อนความสำเร็จขององค์กรอย่างแท้จริง อย่างไรก็ดี ผู้บริหารระดับกลางบางท่านไม่ได้รู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญมากต่อองค์กรเหมือนอย่างที่ Lisa เชื่อ โดยได้ยกตัวอย่างที่สะท้อนถึงความรู้สึกเหล่านี้ ดังต่อไปนี้
              
           รู้สึกว่าตนเองไม่มีสิทธิพิเศษใด ๆ หรือไม่รู้สึกว่าตนเป็นบุคคลที่สำคัญขององค์กรแต่อย่างใด

           รู้สึกว่ามีความกดดันอยู่ตลอดเวลา และงานและปัญหาต่างๆ ก็ประดังเข้ามาหาจากหลาย ๆ ด้าน ซึ่งต้องให้เวลาและพละกำลังอยู่เสมอเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด

           รู้สึกว่าบทบาทของตนเองนั้น เป็นบทบาทที่ยากเมื่อเปรียบเทียบกับผู้บริหารในระดับสูงซึ่งเป็นผู้กำหนดยุทธศาตร์และนโยบาย แต่ผู้บริหารระดับกลางนั้น ต้องนำไปปฎิบัติ รวมทั้งต้องเผชิญกับปัญหาและความไม่พอใจต่อยุทธศาตร์หรือ นโยบายนั้น และจะต้องเป็นผู้คอยแก้ไขปัญหาต่าง ๆ แต่เพียงลำพัง

            ในภาคเอกชน ผู้บริหารระดับกลางบางคนไม่ต้องการที่จะทุ่มเทให้กับทำงานอย่างเต็มกำลัง เพราะรู้สึกว่าในอีกไม่ช้าตนเองจะถูกปลดออก เนื่องจากการปรับลดขนาดขององค์กรซึ่งเกิดขึ้นบ่อยครั้งในสังคม ปัจจุบัน


Lisa ได้สรุปในเรื่องของการที่ผู้บริหารระดับกลางมีงานและปัญหาต่าง ๆ ล้นมืออยู่ตลอดเวลาว่า จากประสบการณ์เธอพบว่า มีผู้บริหารระดับกลางบางคนที่ถึงแม้ว่าจะยุ่งมากเพราะงานและปัญหาต่าง ๆ แต่พวกเขาเหล่านั้นจะควบคุมสติและไม่ท้อแท้กับปัญหาที่เกิดขึ้น ในทางตรงกันข้าม พวกเขาเหล่านั้นมีความพึงพอใจในภาระหน้าที่ความรับผิดชอบที่เป็นอยู่ และพวกเขาเหล่านี้ก็สามารถปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายได้ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี ซึ่ง Lisa ได้ศึกษา พฤติกรรม ทัศนคติ และแนวทางการทำงานของกลุ่มคนเหล่านี้ และนำมาพัฒนาเป็นปรัชญาและวิธีการในการเป็น ผู้บริหารระดับกลางที่มีประสิทธิภาพและผลงานสูง (High Impact Middle Manager : HIMM)

ข้อกำหนดเบื้องต้นในการประยุกต์ใช้ HIMM ของ Lisa
  
1. ทัศนคติต่องานของผู้บริหารระดับกลาง เป็นงานที่น่าตื่นเต้น เพราะการปฏิบัติงานที่เห็นผลของการดำเนินการด้วยตนเอง เป็นผู้ซึ่งสร้างความแตกต่างระหว่างความสำเร็จหรือล้มเหลวของโครงการต่าง ๆ ถึงแม้งานจะยุ่งและยาก แต่ก็เป็นงานที่สร้างความพึงพอใจอย่างมากเมื่องานสำเร็จ
 
2. การบริหารงานเป็นงานศิลปะที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะงานบริหารในภาครัฐที่มีผลกระทบกับประชาชนของ ประเทศ ซึ่งหากสำเร็จ ผลลัพธ์ที่ได้มานั้นจะน่าชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับงานศิลปต่าง ๆ ที่สร้างความ พึงพอใจ แก่ผู้ชม

3. ผู้บริหารที่ดีต้องไม่เฉยเมยต่อสิ่งต่าง ๆ จะต้องคิดในสิ่งที่ผู้อื่นไม่ได้คิดถึง และหลายครั้งต้องทำในสิ่งที่ยากที่ผู้อื่นมักไม่ทำหรือไม่อยากทำ
 
4. ความเชื่อจะเป็นตัวกำหนดพฤติกรรม หากผู้บริหารเชื่อว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องหรือมีความสำคัญที่จะต้องทำ ความเชื่อนั้นก็จะส่งผลต่อพฤติกรรมการปฏิบัติงาน ความเชื่อหรือทัศคติที่ดีต่อการงานจะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน ในเชิงบวก ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จในการดำเนินการ ส่วนความเชื่อหรือทัศคติที่ไม่ดีจะส่งผลต่อผลการ ปฏิบัติงานในเชิงลบ ซึ่งจะนำไปสู่ความล้มเหลวในการดำเนินการ


5.  ความสัมพันธ์ระหว่างคนในองค์กรมีอิทธิพลต่อความสำเร็จ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและ ผู้ใต้บังคับบัญชา มีอิทธิพลต่อผลที่จะไดัรับของงาน โดยผ่านทางความคิดต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นก่อนการปฏิบัติ ซึ่งผู้บริหารคนใดที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ดี ก็จะมีโอกาสสูงมากที่งานจะไม่สำเร็จ เครื่องมือที่สำคัญในกระบวน การนี้คือ การสนทนา (Dialogue) การสนทนาที่ดี (ไม่ใช่การนินทาว่าร้าย) ระหว่างกันของผู้คนในองค์กรจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน แล้วนำไปสู่การคิดร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหา ต่าง ๆ การดำเนินการและความสำเร็จในที่สุด

6.  จุดแข็งและจุดอ่อนของผู้บริหารเป็นที่รู้กันของทุกคนในองค์กร ผู้บริหารระดับกลางที่ทราบถึงจุดอ่อน จุดแข็งของตัวเอง จะต้องเปิดใจรับคำแนะนำจากผู้อื่นที่ชี้แนะ และพยายามปฏิบัติตัวเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น การยอมรับและขอความช่วยเหลือเพื่อลดจุดอ่อนของตนเองกับผู้อื่นไม่ได้ ทำให้คนในองค์กรขาดความนับถือ เพราะทุกคนทราบถึงจุดอ่อนนั้นอยู่แล้ว แต่ในทางตรงกันข้ามการยอมรับในจุดอ่อนของตนเอง จะเป็นนำไปสู่การร่วมงานที่ดีกับทุกๆคนในองค์กร


 
7. การเป็นผู้บริหารระดับกลางที่ดีนั้น สามารถเรียนรู้และฝึกฝนได้ แต่การที่จะเป็นผู้บริหารระดับกลางท ี่ประสบ ความสำเร็จ ต้องเข้าใจบทบาทความรับผิดชอบของตนและผู้ร่วมงาน นอกจากนี้ ผู้บริหารระดับกลางที่ดีจะต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผู้ร่วมงานด้วย

8.  ผู้บริหารระดับกลางที่ดีไม่ใช่เป็นเพียงผู้ควบคุมการดำเนินการเท่านั้น แต่จะต้องสร้างความแตกต่างใน เชิงบวก รวมทั้งการแก้ไขปัญหาและค้นหาโอกาสที่จะสร้างผลกระทบที่ดีนั้น ๆ

              Lisa เชื่อว่าองค์กรใดที่มีผู้บริหารระดับกลางที่มีประสิทธิภาพและผลผลิตสูง ย่อมจะแข็งแรง และประสพความสำเร็จได้มากกว่าองค์กรที่ปราศจากผู้บริหารระดับกลางเหล่านี้

ประโยชน์ของ H.I.M.M. ต่อองค์กร

               
             การปรับแต่ง กลยุทธ์ เป้าหมาย และการดำเนินงานให้สอดคล้องกันและนำไปสู่ความสำเร็จ

               ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม

               คนในองค์กรรู้สึกสนุกกับงานได้อย่างเต็มที่

               ปัญหาจะถูกแก้ไขได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะเกิดปัญหาใหญ่ตามมา

               สร้างโอกาสให้เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้

               สร้างผู้นำที่ดี เพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโต และความก้าวหน้าขององค์กร

ผู้บริหารระดับกลางที่มีประสิทธิภาพและผลงานสูง (H.I.M.M.) ปฎิบัติตนอย่างไร
           

          1. รับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย อุทิศตนเปรียบเสมือนตนเองเป็นผู้นำหรือเจ้าของของ องค์กรนั้น ๆ เป็นผู้นำในการดำเนินงานที่ได้รับมอบหมายให้บรรลุผล

          2. มีส่วนร่วมในการทำให้องค์กรดีขึ้นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

          3. ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับผู้ร่วมงาน ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ดีให้กับ ผู้ร่วมงาน ในองค์กร

          4. มีความมุ่งมั่นในการทำงานโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่วางไว้

          5. เป็นนักสนทนาที่ดีเยี่ยม เพราะในการทำงาน ผู้บริหารจะต้องสนทนา (สื่อสาร) กับผู้ร่วมงานเพื่อ การสั่งงาน ชักจูง รับฟังความเห็น ระดมความเห็นเพื่อการแก้ปัญหาต่าง ๆ

          6. ต้องเตรียมพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงเสมอ โดยการสร้างทีมงานที่มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อปรับตัวและรองรับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว

          7. ต้องเข้าใจถึงความสำคัญของบทบาทและหน้าที่ของตนเองต่อองค์กรและเพื่อนร่วมงาน

          8. ต้องรู้จักการกำหนดการวัดผลการดำเนินงานให้สอดคล้องกับผลลัพธ์และความสำเร็จที่ได้รับ

          9. ต้องเป็นผู้ที่กระตือรือร้น ทำงานในเชิงรุกและตอบสนองต่อสถานะการต่าง ๆ ได้ดี

         10. ต้องสามารถขจัดอุปสรรคในการทำงานได้

Mucky Muck คืออะไร ?
 
Mucky Muck
คือ อุปสรรค (Barrier) ชนิดหนึ่งในการทำงานที่มักเกี่ยวข้องกับคนในการทำงานร่วมกัน อาทิเช่น ความเห็นไม่ตรงกัน ความสับสนในการดำเนินการ ความอิจฉาระหว่างกัน เป็นต้น การจัดการกับ อุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้ง Mucky Muck นั้น ไม่ใช่งานที่ง่ายเลย แต่ ผู้บริหารระดับกลางที่มีประสิทธิภาพและผลงานสูง (H.I.M.M) สามารถทำได้ ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานราบรื่นขึ้นและมีผลงานที่ดีขึ้น





โอกาสที่จะเกิดขึ้นถ้าประยุกต์ใช้ H.I.M.M ในองค์กร

           
            1. โอกาสสำหรับผู้บริหารระดับสูง

                     ปรับบทบาทและความสำคัญของผู้บริหารระดับกลางใหม่
                     กำหนดระดับความคาดหวังตามบทบาทที่เปลี่ยนไป
                     กำหนดนิยามของการดำเนินงานที่ดีเลิศสำหรับผู้บริหารระดับกลางใหม่
                     จัดหาเครื่องมือและเทคนิคใหม่ให้กับผู้บริหารระดับกลาง

            2. โอกาสสำหรับผู้บริหารระดับกลาง
                     ความพึงพอใจในการทำงานที่เพิ่มขึ้น
                     มีประสิทธิภาพและผลงานที่ดีขึ้น
                     มีส่วนช่วยปรับปรุงกระบวนการต่าง ๆ ในองค์กรให้ดีขึ้น

ขั้นตอนในการไปสู่ H.I.M.M.

              
             1.  ปรับเปลี่ยนทัศนคติ (Mindset) ในการทำงานตามแนวทางของ H.I.M.M. เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงบทบาทและความรับผิดชอบของผู้บริหารระดับกลาง

             2. เพิ่มการสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่าง ๆ ในการเปลี่ยนแปลงการดำเนินการต่าง ๆ ตามแนว ทางของ H.I.M.M. ระหว่างผู้บริหารระดับกลางและระดับสูง ซึ่งจะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีของทั้งสองฝ่าย เพื่อทำให้องค์กรเติบโตขึ้นอย่างเข้มแข็ง

             3. พยายามขจัด Mucky Muck องค์กรให้หมดไป


ตัวอย่างของ Mucky Muck ในองค์กร


               4. ปรับปรุงบทบาทของทุกคนในองค์กร ปรับปรุงโครงสร้างขององค์กร ปรับปรุงขั้นตอนการทำงานให้มีความสอดคล้องกัน เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามแนวทางของ H.I.M.M. ซึ่งจะนำไปสู่ความสำเร็จ

               5. ปรับปรุงขั้นตอนการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยปราศจากการเพิ่มความยุ่งยากให้กับการ ทำงาน

               6.  มีการพัฒนาทักษะผู้บริหารระดับกลางอย่างสม่ำเสมอ

               7.  จัดตั้งหน่วยงานภายในที่ช่วยให้คำปรึกษากับผู้บริหารระดับกลางในการดำเนินงานตามแนวทางของ H.I.M.M.

               8. อย่ารอให้สิ่งเหล่านี้เกิดเอง ผู้บริหารระดับกลางที่มีประสิทธิภาพและผลงานสูงสามารถเริ่มต้นการดำเนินงานตามแนวทางของ H.I.M.M. ด้วยการเปลี่ยนความเชื่อและการกระทำของท่านได้ในทันท

ยุทธวิธี 11 ประการในการกำจัดหรือหลีกเลี่ยง Mucky Muck

      Lisa ได้แนะนำยุทธวิธีในการกำจัดหรือหลีกเลี่ยง Mucky Muck ดังต่อไปนี้

               1. ศึกษาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถ้าหากมีการเสนอความคิดเห็นที่มีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริหาร ทางที่ดีที่สุด คือ ท่านควรศึกษาให้ถ้วนถี่ และค้นหาให้ได้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกับแนวทางปฏิบัติงานที่ไม่ถูกต้อง

               2. เลือกให้ดีว่าจะต่อสู้เพื่อสิ่งใด ผู้บริหารระดับกลางมักจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ ที่ต้องเลือกระหว่างการยึดมั่น และต่อสู้ในสิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้อง หรือทำใจยอมรับในสิ่งที่ขัดกับความคิดของตนเองและเดินหน้าต่อไป ถ้าหากท่านต่อสู้มากเกินไปในเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ อาจทำให้ความน่าเชื่อถือของท่านลดน้อยลง

               3. ทุ่มเทพละกำลังและความสามารถของท่านไปยังเป้าหมายที่สำคัญที่สุด ผู้บริหารระดับกลางทำงานอย่างทุ่มเท เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงบวกกับพนักงานมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่หากบุคคลใดบุคคลหนึ่งไม่ให้การตอบรับหรือไม่สนใจสิ่งที่ท่านพยายามจะทำ ท่านจงทุ่มเทพละกำลังและความสามารถของท่านไปยังจุดหมายอื่นที่ให้ประโยชน์มากกว่า

               4. ติดต่อสื่อสารให้มาก ๆ พูดให้ครอบคลุมทุกเรื่องที่สำคัญ และติดตามผลการดำเนินงาน ผู้บริหารระดับกลางควรจะสื่อสารกับผู้อื่นให้มากที่สุด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเข้าใจผิด การทำงานซ้ำซ้อน และข้อมูลที่ขัดแย้งกัน

               5. วิเคราะห์ปัญหาและหาหนทางแก้ไข หากท่านต้องเผชิญกับข้อมูลที่ขัดแย้งกัน การทำงานซ้ำซ้อนหรือความเข้าใจผิด ๆ ผู้บริหารระดับกลางที่ดีควรทำ ทุกวิถีทางเพื่อทำความเข้าใจและขจัดปัญหาดังกล่าวนั้นเสีย การวิเคราะห์ปัญหาที่ถูกต้องแม่นยำจะช่วยลดความยุ่งยากทั้งหลายภายในองค์กรไปไม่ได้

               6. ตั้งคำถามเพื่อค้นหาเป้าหมายและจุดประสงค์ที่ซ่อนเร้นอยู่ ท่านควรตั้งคำถามเพื่อเรียนรู้ถึงเป้าหมายและจุดประสงค์ที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำวิจารณ์และ ความคิดเห็นของบุคคลอื่น

               7. ปรับปรุงความสัมพันธ์ที่เคยสูญเสียไป แม้จะเป็นสิ่งที่ยากแต่ก็เป็นเรื่องที่ สำคัญยิ่งที่ท่านจะต้องปรับปรุงความสัมพันธ์ที่เคยสูญเสีย ไปกับเพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องให้กลับมาดีเหมือนเดิม หากท่านไม่พยายามจัดการกับปัญหาดังกล่าวนี้ ความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ระหว่างท่านกับ เพื่อนร่วมงานหรือลูกน้องจะกลายเป็นอุปสรรค ในการติดต่อสื่อสาร การปฏิบัติงานและผลการดำเนินงาน

               8. เชื่อมั่นในศักยภาพของพนักงานในอันที่จะเปลี่ยนแปลงและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ผู้บริหารระดับกลางที่ดีย่อมตระหนักว่าปัญหาในการปฏิบัติงานส่วนใหญ่ล้วนมาจากระบบการบริหารงาน และหากพนักงานได้รับทราบแนวทางและการชี้นำที่ถูกต้อง แล้วพวกเขาก็จะทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ

               9. จัดระเบียบในการทำงาน ผู้บริหารระดับกลางที่มีประสิทธิภาพ และผลงานสูงทราบดีว่า พวกเขาจำเป็นต้องจัดระเบียบในการทำงาน เพื่อให้แน่ใจได้ว่าตนเองและทีมงานมีประสิทธิภาพ และมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมให้กับการทำงาน

               10. มองโลกในแง่ดีไว้ก่อน ในบางครั้งวิธีที่ดีที่สุดก็คือ หัวเราะให้กับสิ่งที่เกิดขึ้น และเดินหน้าต่อไป

               11. ชื่นชมความสำเร็จเมื่อท่านสามารถรับมือกับความยุ่งยากและปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้แล้วท่านจะมีความชำนาญในการเล็งเห็นปัญหาอันอาจจะเกิดขึ้น และหาหนทางป้องกันปัญหานั้นได้โดยไม่กระทบกระเทือนการดำเนินงานของท่าน

คำเตือนในการประยุกต์ใช้แนวทางการบริหารแบบ H.I.M.M.

  
             H.I.M.M. ไม่ใช่โปรแกรมหรือโครงการ แต่เป็นปรัชญาและศิลปในการทำงาน และการบริหารงานจะต้องอาศัยความพยายามเวลาและความต่อเนื่องในการเปลี่ยนแปลงตนเอง ให้เป็นผู้บริหารระดับกลางที่มีประสิทธิภาพและผลงานสูง

             H.I.M.M.ต้องการการสนับสนุนอย่างจริงจังจากผู้บริหารระดับสูงในการปรับปรุงองค์กร และการสร้างบรรยากาศในการทำงานในรูปแบบของ H.I.M.M.

อุปสรรคในการประยุกต์ใช้แนวทางการบริหารแบบ H.I.M.M.

              
               1. พฤติกรรมเก่าที่แก้ไขได้ยาก

               2. วัฒนธรรมภายในองค์กรเปลี่ยนแปลงอย่างช้า ๆ และเป็นธรรมดาที่จะมีการต่อต้านการเปลี่ยนแปลง

               3.  การขจัดอุปสรรคต่าง ๆ รวมทั้ง Mucky Muck ไม่ใช่งานที่ง่ายเลย หลาย ๆ ครั้งมันจะทำให้คุณท้อแท้

               4. ต้องใช้ความกล้าในการที่จะแสดงจุดยืนในสิ่งที่ตนเองคิดว่าถูกต้อง

               5. มีการเปลี่ยนแปลงแนวทางในการดำเนินงานเพื่อการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงองค์กร ทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความสับสน ให้จำไว้ว่าการสนทนาแลกปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างทุก ๆ คน ในองค์จะช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้

               6. ผู้บริหารบางคนเห็นว่า H.I.M.M. เป็นสิ่งน่ากลัว และไม่ยอมรับความคิดริเริ่มนี้

               7. ในบางครั้งการพยายามที่จะเป็น H.I.M.M. ต้องอาศัยการอุทิศและทุ่มเทตนเอง แต่หากล้มเหลวหรือมีปัญหามากอาจจะทำให้คุณรู้สึกผิดหวังอย่างมาก

 

แนวทางการดำเนินงานระหว่างสำนักงาน ก.พ.ร. กับผู้บริหารระดับกลาง
 
สำหรับแนวทางการดำเนินงานกับผู้บริหารระดับกลางที่ทางสำนักงาน ก.พ.ร. จะดำเนินการผลักดันต่อไปแบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ

               1. การพัฒนาขีดสมรรถนะผู้บริหารระดับกลาง (Middle Management Empowerment) เพื่อสร้างความพร้อมให้สามารถเป็น ผู้นำการเปลี่ยนแปลง (Change Agent) ในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ไปสู่การปฏิบัติให้เกิดผล โดย...

                    จะมีการจัดทำ“หลักสูตรพัฒนาขีดสมรรถนะผู้นำการเปลี่ยนแปลงระดับกลาง” เพื่อสนับสนุนแนวความคิดที่จะปรับเปลี่ยนการทำงานของข้าราชการ จากระบบดั้งเดิมสู่การทำงานในระบบราชการที่ทันสมัย ปรับกระบวนทัศน์ มุมมอง และทัศนคติให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลง ให้ตระหนักถึงความสำคัญ ในการให้บริการประชาชน และได้เรียนรู้ถึงเทคนิควิธีการต่าง ๆ ที่จะสามารถช่วยให้เป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีแนวคิดพื้นฐานเรื่อง “การบริการที่เป็นเลิศ (Service First Program)” และ “การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Change Management Program)”

                     จะมีการคัดเลือกผู้บริหารระดับกลางจากองค์กรนำร่องที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง อาทิเช่น สถานีตำรวจ ด่านศุลกากร อำเภอ เป็นต้น ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคให้เข้าร่วมการอบรม และเมื่อผ่านการเรียนรู้อบรมแล้วผู้บริหารระดับกลางกลุ่มนี้จะต้องนำไปปฏิบัติจริงในหน่วยงาน ของตนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมซึ่งจะเป็นการกลับไปขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในองค์กรของตนเอง โดยสำนักงาน ก.พ.ร. จะจัดให้มีทีมพี่เลี้ยงเป็นที่ปรึกษา (Executive coaching) ให้คำแนะนำ ช่วยเหลือในช่วงการดำเนินงาน

               2. การสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อกับการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง (Enabling Environment) เพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติจริง โดยสำนักงาน ก.พ.ร. จะเร่งส่งเสริม สนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ให้เกิดขึ้นจากการเรียนรู้ ผู้เข้ารับการอบรมสามารถดำเนินการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ในองค์กรของตน โดยจะมีหน่วยงานติดตาม ประเมินผลต่อไป