มติคณะรัฐมนตรี
ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน ก.พ.ร. |
การประชุมคณะรัฐมนตรี ณ เฮือนวารีกุญชร เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันอังคารที่ 7 กุมภาพันธ์ 2549 ได้พิจารณาเรื่องที่ เกี่ยวข้องสำนักงาน ก.พ.ร.ดังนี้
|
เรื่องที่ 23
การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณ |
คณะรัฐมนตรีพิจารณา เรื่อง การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณตาม ที่กระทรวงการคลังเสนอ แล้วมีมติดังนี้ |
1. ให้กระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง)พิจารณาเรื่องที่ส่วนราชการและ รัฐวิสาหกิจ ขออนุมัติขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2547 2548 ตามเกณฑ์
การพิจารณาดังนี้
|
การขยายเวลาเบิกจ่ายเงินงบประมาณปี พ.ศ. 2547 2548 กรณีที่ส่วนราชการและ รัฐวิสาหกิจ เจ้าของงบประมาณยังไม่ได้ก่อหนี้ผูกพัน และได้มีหนังสือขอขยายเวลา เบิกจ่ายเงินมายังกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ภายในวันทำการสุดท้ายของ เดือนธันวาคม 2548 อย่างเข้มงวด โดยจะไม่อนุมัติให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน
งบประมาณปี พ.ศ. 2547 และ 2548 ที่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ยังไม่สามารถ ก่อหนี้ผูกพัน ได้ทันภายในเดือนธันวาคม 2548 เว้นแต่เป็นงบประมาณที่อยู่ใน เกณฑ์การพิจารณาดังตาราง ซึ่งจะผ่อนผันให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินกรณีไม่มีผูกพัน
สิ้นเดือนมีนาคม 2549 เกณฑ์การพิจารณา กรณีไม่มีหนี้ผูกพันให้พับไป
|
ยกเว้น รายการต่อไปนี้ให้ขยายเวลาเบิกจ่ายเงินต่อไปได้ถึงสิ้นเดือน มีนาคม 2549
เงินงบประมาณปี พ.ศ. 2547 |
เงินงบประมาณปี พ.ศ. 2548 |
(1) รายการหรือโครงการที่อยู่ระหว่าง กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
|
(1) รายการหรือโครงการที่อยู่ระหว่าง
กระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
|
(2) รายการหรือโครงการที่ได้รับการจัด สรรเงินงบประมาณในลักษณะงานดำเนิน การเอง
|
(2) รายการหรือโครงการที่ได้รับการจัด สรรเงิน งบประมาณในลักษณะงาน ดำเนินการเอง
|
(3) รายการหรือโครงการที่คณะรัฐมนตรี ีมีมติให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และหรือ ขยายเวลาเบิกจ่ายเงิน ทั้งนี้ ระยะเวลา สิ้นสุดการกันเงินฯ และหรือขยายเวลาฯ ให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี
|
(3) รายการหรือโครงการที่คณะรัฐมนตรี มีมติ ให้กันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี และหรือขยายเวลา เบิกจ่ายเงิน ทั้งนี้ระยะเวลาสิ้นสุดการกันเงินฯ และหรือขยายเวลาฯ ให้เป็นไปตาม มติคณะรัฐมนตรี
|
(4) รายการหรือโครงการที่คณะรัฐมนตรีให้ ความเห็นชอบและมีมติให้ดำเนินการแล้ว
|
(4) รายการหรือโครงการที่คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบและมีมติให้ดำเนินการแล้ว
|
|
(5) รายการหรือโครงการที่ส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจได้รับจัดสรรเงินงบประมาณ รายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี พ.ศ. 2548 |
|
ทั้งนี้ หากส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจไม่สามารถดำเนินการหรือเบิกจ่ายเงิน ให้เสร็จสิ้นได้ทัน ภายใน สิ้นเดือนมีนาคม 2549 ก็ให้ขอทำความตกลงกับกระทรวง การคลังเพื่อขอขยายเวลาเบิกจ่ายเงินเป็น กรณี ๆ ไป
|
|
2. ให้สำนักงบประมาณนำผลการพิจารณาของกระทรวงการคลัง (กรมบัญชีกลาง) ไปใช้ในการพิจารณาจัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้แก่ส่วนราชการ และ
รัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ทั้งในส่วนของการจัดสรรเงินงบประมาณสำหรับส่วนที่พับไป และ การจัดสรรเงินงบประมาณในโอกาสต่อไปให้แก่ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ โดย คำนึงถึงความพร้อมในการดำเนินการของส่วนราชการทั้งนี้เพื่อให้การจัดสรรเงินงปม. แผ่นดินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
|
|
3. ให้ สำนักงาน ก.พ.ร. กำหนดให้การก่อหนี้ผูกพันและการเบิกจ่ายเงินกันไว้
เบิกเหลื่อมปีเป็นตัวชี้วัดการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าของงบประมาณต่อไป ทั้งนี้ เพื่อให้การจ่ายเงินงบประมาณของส่วนราชการ สามารถสะท้อนประสิทธิภาพการบริหารจัดการเงินงบประมาณของส่วนราชการ
อีกทางหนึ่งด้วย
|
การประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ีหลังใหม่ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2549 ได้พิจารณาเรื่องที่ เกี่ยวข้องสำนักงาน ก.พ.ร. สรุปได้ดังนี้
|
เรื่องที่ 20
การประชุมเชิงปฏิบัติการ
การพัฒนาผู้นำการบริหารการเปลี่ยนแปลง
(CEO Retreat II) |
คณะรัฐมนตรีรับทราบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 7 (ฝ่ายกฎหมายฯ) ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรี (นายวิษณุ เครืองาม)เป็นประธาน กรรมการฯ ที่รับทราบสรุปผลการประชุมเชิงปฏิบัติการการพัฒนาผู้นำการบริหาร การเปลี่ยนแปลง (CEO Retreat II) เมื่อวันที่ 4-6 มกราคม 2549 ตามที่ สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ
|
โดยให้กระทรวงมหาดไทยรับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการฯ ในประเด็น การแต่งตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดของกระทรวงมหาดไทยไปพิจารณา ดำเนินการต่อไป และให้ สำนักงาน ก.พ.ร. กระทรวงมหาดไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และ สำนักงาน ก.พ. รับประเด็นอภิปรายของคณะกรรมการฯ ในประเด็นการส่งเสริม และพัฒนาจังหวัดแบบบูรณาการโดยมีผู้ว่าซีอีโอ ไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
|
การประชุมคณะรัฐมนตรี ณ ห้องประชุม ชั้น 2 ตึกสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี หลังใหม่ ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันอังคารที่ 31 มกราคม 2549 ได้พิจารณาเรื่องที่ เกี่ยวข้องสำนักงาน ก.พ.ร. สรุปได้ดังนี้
|
เรื่องที่ 20
รายงานผลการดำเนินงานของ
ศูนย์บริการร่วมรูปแบบเคาน์เตอร์บริการประชาชน |
คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานผลการดำเนินงาน
ของศูนย์บริการร่วมรูปแบบเคาน์เตอร์บริการประชาชน ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ (ก.พ.ร.) เสนอดังนี้ |
|
สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ทำการศึกษาและพัฒนาเพื่อจัดตั้ง ศูนย์บริการร่วมรูปแบบ เคาน์เตอร์บริการประชาชน (Government Counter Service : GCS)เป็นต้นแบบ ในการขยายผล การดำเนินการต่อไป รวม 2 แห่ง โดยมีผลการดำเนินการและปัญหา อุปสรรค ดังนี้
|
1. ผลการดำเนินการ
|
1.1 เคาน์เตอร์บริการประชาชนบริเวณสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต กรุงเทพฯ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนที่เข้าร่วมให้บริการ 17 หน่วยงาน และมีงานบริการ ต่างๆ รวม 22 งานบริการ ซึ่ง บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพและบริษัท วี จี ไอ โกลบอล มีเดีย จำกัด ให้ใช้พื้นที่โดยไม่คิดค่าเช่าเป็นระยะเวลา 1 ปีจนถึงสิ้นเดือน มกราคม 2549 และได้เปิดให้บริการตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2548 แล้วมีประชาชน ใช้บริการรวม ทั้งสิ้น 46,879 ราย งานบริการที่ประชาชนใช้บริการ มากที่สุด คือ งานบริการไปรษณีย์/Pay at Post 18,742รายรองลงมาเป็นงานจัดทำบัตรประจำตัว ประชาชน 9,534 ราย และมีการสำรวจความพึงพอใจของประชาชน คิดเป็นร้อยละ 96.56 |
|
1.2 เคาน์เตอร์บริการประชาชนบริเวณศูนย์การค้าเซ็นทรัล แอร์พอร์ต
พลาซ่า จังหวัดเชียงใหม่ มีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนในจังหวัดที่เข้าร่วมให้บริการ 27 หน่วยงาน และมีงานบริการต่าง ๆ รวม 33 งานบริการ ซึ่งศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯ ให้ใช้พื้นที่โดย ไม่คิดค่าเช่าเป็นระยะเวลา 1 ปี โดยได้เปิดบริการในช่วง 3 เดือนแรกตั้งแต่เดือนต.ต
ถึง ธ.ค. 2548 มีประชาชนใช้บริการรวมทั้งสิ้น21,881 ราย งานบริการที่ประชาชน ใช้บริการมากที่สุด คืองานบริการไปรษณีย์ 20,266 ราย รองลงมาเป็นงานจัดทำ บัตรประจำตัวประชาชน 1,345 ราย และจะมีการเปิดเคาน์เตอร์บริการประชาชน อย่างเป็นทางการได้ในต้น เดือนกุมภาพันธ์ 2549 |
|
2. ปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงาน
|
มีบางส่วนราชการยังมีแนวคิดว่าหากนำงานบริการมาไว้ที่เคาน์เตอร์บริการ ประชาชนและมีผู้ใช้บริการมาก ทำให้งานบริการที่สำนักงานของตนเองมีความสำคัญ น้อยลง รวมทั้งยังมีข้อขัดข้องเกี่ยวกับการให้บริการผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ อีกทั้งในหลายงานบริการมีแนวโน้มที่จะถอนงานบริการออกไปหรือลดการให้บริการ
ลง เช่นการต่ออายุหนังสือเดินทาง เนื่องจากจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นหนังสือเดินทาง อิเล็กทรอนิกส์ หรือการปรับเวลาการให้บริการของการจัดทำบัตรทอง 30 บาท เป็น ให้บริการ ในวันอาทิตย์ วันพฤหัสบดี เวลา11.00 19.00 น.เป็นต้น |
|
ส่วนการจัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนยังไม่ได้ขยายให้ครอบคลุมในพื้นที่ี่ชุมชน ได้้อย่างเพียงพอ และมีงานบริการหลายประเภทไม่สามารถให้บริการได้เบ็ดเสร็จ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน ณ เคาน์เตอร์บริการประชาชนไม่มีอำนาจอนุมัติ อนุญาตได้ตามกฎหมาย ต้องส่งเรื่องให้ส่วนราชการที่รับผิดชอบเป็นผู้อนุมัติอนุญาต ก่อนซึ่งได้ดำเนินการแก้ไขโดยกำหนดไว้ในร่างพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ แผ่นดิน พ.ศ. .... ว่า ให้ผู้มีอำนาจในการอนุมัติ อนุญาต มอบอำนาจ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ปฏิบัติงานในศูนย์บริการร่วมหรือ ศูนย์ที่เรียกชื่อ อย่างอื่นได้
|
3. การดำเนินการในปีงบประมาณ 2549 สำนักงาน ก.พ.ร. จะดำเนินการดังนี้ |
(1) ได้ขอขยายระยะเวลาการใช้พื้นที่เคาน์เตอร์บริการประชาชนบริเวณรถไฟฟ้า หมอชิตต่อไป อีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549 โดยขอยกเว้นค่าเช่าพื้นที่รวม ทั้งเพิ่มงานบริการจาก 22 งานบริการ เป็น 25 งานบริการ และเพิ่มหน่วยงาน ที่ี่เข้าร่วมจากเดิม 17 หน่วยงาน เป็น 19 หน่วยงาน
|
(2) ติดตามผลการจัดตั้งและเปิดดำเนินการเคาน์เตอร์บริการของหน่วยงานและ จังหวัดต่าง ๆ ที่สามารถพัฒนาคุณภาพและรูปแบบของการให้บริการได้อย่างมี ประสิทธิภาพ โดยจะกำหนดมาตรฐานและรับรองคุณภาพมาตรฐานแก่หน่วยงาน และจังหวัดที่ให้บริการได้ตามเกณฑ์
|
(3) ดำเนินการให้มีการจัดตั้งศูนย์บริการร่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ให้มากขึ้น โดยกำหนดเป็นตัวชี้วัดตามคำรับรองการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ
พ.ศ.2549 ให้ส่วนราชการระดับกระทรวงและจังหวัดจัดตั้งศูนย์บริการร่วมไม่น้อยกว่า กระทรวง/จังหวัดละ 1 แห่ง
|
สำหรับปีงบประมาณ 2550 2551 สำนักงาน ก.พ.ร. จะขยายผลการจัดตั้ง เคาน์เตอร์บริการประชาชน โดย
ปีงบประมาณ 2550 จัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชน จำนวน 15 แห่ง
งบประมาณแห่งละ 4 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 60 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2551 จัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชน จำนวน 20 แห่ง
งบประมาณแห่งละ 4 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 60 ล้านบาท
ปีงบประมาณ 2551 จัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชน จำนวน 20 แห่ง
งบประมาณแห่งละ 4 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 80 ล้านบาท
ซึ่งจะประสานให้มีหน่วยงานเข้ารับช่วงดำเนินงาน เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด ซึ่งอาจมีรายได้จากงานบริการเพียงพอในการนำมาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน โดยไม่ต้องขอใช้งบประมาณประจำปีแต่หากไม่เพียงพอก็อาจจำเป็นต้อง
ของบอุดหนุน เพิ่มเติมต่อไป
|
1. การจัดตั้งศูนย์บริการร่วมในรูปแบบเคาน์เตอร์บริการประชาชนนี้เป็น การดำเนินการในลักษณะการนำบริการของหน่วยงานภาครัฐไปสู่ประชาชนซึ่งจะเป็น การอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนและกระบวนการทำงาน และขยายการให้บริการประชาชน เป็นการพัฒนารูปแบบการให้บริการประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย ในระยะเริ่มแรก มีการจัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนนำร่องในพื้นที่ี่แหล่งชุมชน 2 แห่งจากผลการดำเนินการปรากฏว่าสร้างความพึงพอใจให้แก่ประชาชนเป็นอย่างมาก ควรที่จะมีการขยายผลการจัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนเพิ่มเติมต่อไป
|
2. การขยายผลการจัดตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนเพิ่มเติมปีงบประมาณ 2550 2551 มีภาระใช้งบประมาณค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นอกจาก ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการก่อสร้างวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้ และค่าตอบแทนเจ้าหน้าที่ แล้ว ค่าใช้จ่ายการเช่าพื้นที่เพื่อตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชนในห้างสรรพสินค้า จะเป็นภาระงบประมาณต่อเนื่อง ดังนั้น ในการจัดหาสถานที่ในการดำเนินการจัดตั้ง เคาน์เตอร์บริการประชาชนในพื้นที่ต่างๆ สมควรพิจารณา จากสถานที่ที่เจ้าของพื้นที่ ยกเว้นค่าเช่าพื้นที่ี่ให้เพื่อมิให้ เป็นภาระผูกพัน งบประมาณระยะยาว และควรคำนึงถึง สถานที่ที่เป็นแหล่งชุมชน หรือที่มีประชาชนมาใช้บริการต่าง ๆ อยู่แล้ว เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการบริการประชาชน เช่น ห้างสรรพสินค้า เป็นต้น
|
3. ขณะนี้กฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งกำหนดรับรองการทำธุรกรรม ทางอิเล็กทรอนิกส์ มีผลใช้บังคับแล้ว ทำให้มีการติดต่อสื่อสารกันทางอิเล็กทรอนิกส์ มากขึ้น โดยเฉพาะในภาคเอกชน สำหรับในภาครัฐสามารถดำเนินการได้ โดยพระราชกฤษฎีกา และคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา ในเรื่องดังกล่าวแล้ว หากร่างพระราชกฤษฎีกามีผลใช้บังคับแล้วประชาชนจะสามารถ ติดต่อทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กับหน่วยงานของรัฐได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งจะมีผลให้
หน่วยงานของรัฐสามารถให้บริการแก่ประชาชนได้กว้างขวางขึ้นและสามารถแบ่งเบา ภาระและปริมาณงานของเคาน์เตอร์บริการประชาชนได้ สมควรนำไปพิจารณาเพื่อ ปรับปรุงการดำเนินการของเคาน์เตอร์บริการประชาชนด้วย
|
4. การบริการประชาชนในเรื่องใดที่ได้มอบหมายให้องค์กรปกครองท้องถิ่นรับไป ดำเนินการแล้วควรพิจารณาส่งเสริมสนับสนุนให้ท้องถิ่นตั้งเคาน์เตอร์บริการประชาชน ในท้องถิ่นด้วยโดยมอบให้องค์กรปกครองท้องถิ่นรับไปพิจารณาดำเนินการแทน ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับบริการจากรัฐได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็ว ยิ่งขึ้น
|
สำหรับงบประมาณที่จำเป็นต้องใช้จ่ายให้ทำความตกลงกับสำนักงบประมาณ ตามความเหมาะสมเป็นแห่ง ๆ ไป
|
E-Searching เพิ่มเติมได้ที่ http://www.thaigov.go.th/ |