ชี้แจงหลักเกณฑ์และวิธี
การจัดสรรเงินรางวัล ปี48
ผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548
ในรอบแรกของส่วนราชการ จังหวัด
และสถาบันการศึกษา รวมทั้งหลักเกณฑ์การจัดสรรเงิน
รางวัลประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2548 ได้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ก.พ.ร.
ครั้งที่ 2/2549
และครั้งที่ 3/2549
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2549 และ วันที่ 28 เมษายน 2549
ตามลำดับ ซึ่งหลังจากเรื่องดังกล่าวได้ผ่านความเห็นชอบของ ก.พ.ร. แล้วสำนักงาน
ก.พ.ร.
ก็ได้จัดส่งหนังสือแจ้งผลคะแนนการประเมินผลการปฏิบัติราชการฯ ไปให้หน่วยงานต่าง ๆ
เพื่อทำการยืนยันผลคะแนนดังกล่าวรวมทั้งแจ้งคะแนนเพิ่มเติมของบางตัวชี้วัด
ที่เพิ่งจะทราบผลคะแนนมายังสำนักงาน ก.พ.ร. ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม
2549
นอกจากนี้ในหนังสือแจ้งผลคะแนนดังกล่าวยังได้แจ้งจำนวนเงินรางวัลที่หน่วยงาน
จะได้รับ ซึ่งคำนวณตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินรางวัล ฯ ด้วย อย่างไรก็ตามจำนวนเงิน
ดังกล่าวอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้
หาก
ผลการยืนยันคะแนนของส่วนราชการ จังหวัด
และสถาบัน
การศึกษามีการเปลี่ยนแปลงไปซึ่งสำนักงาน ก.พ.ร.
จะแจ้งผลคะแนนและจำนวนเงินรางวัล
กลับไปยังหน่วยงานต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง
จากนั้นคาดว่าหน่วยงานต่างๆ จะได้รับเงินรางวัลประมาณ
เดือนมิถุนายน โดยกรมบัญชีกลางจะนำเงินเข้าระบบ GFMIS
เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ
สามารถเบิกจ่ายได้
เงื่อนไขและข้อจำกัดของการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 |
|
การจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2548 มีเงื่อนไขและข้อจำกัด ที่จะต้องทำความเข้าใจกับหน่วยงานต่าง
ๆ คือ
1. วงเงินที่ได้รับจัดสรรเพื่อใช้เป็นเงินรางวัลฯ นั้นมีจำนวน เท่ากับที่ได้รับจัดสรรในปีงบประมาณ พ.ศ.2547 คือ 5,550
ล้านบาท ในขณะที่ส่วนราชการที่เข้าสู่ระบบการจัดทำคำรับรอง
การปฏิบัติราชการและการประเมินผลนั้น มีจำนวนมากขึ้นกว่า
เมื่อปีงบประมาณ พ.ศ.
2547 คือ จากเดิม 238 แห่ง ในปี 2547 เพิ่มขึ้นเป็น 279 แห่ง ในปี 2548 โดย
แบ่งออกเป็น 3
กลุ่มได้แก่ ส่วนราชการ (กระทรวง/กรม) 142 แห่ง สถาบันการศึกษา 62
แห่ง และจังหวัด 75 จังหวัด |
|
2. ทุกหน่วยงานที่เข้าสู่ระบบการจัดทำคำรับรองฯ และประเมินผลในปีนี้
จะเข้าสู่ระบบ
การประเมินและการจัดสรรเงินรางวัลในหลักเกณฑ์เดียวกัน
โดยไม่มีการแบ่งเป็นกลุ่มภาคบังคับ
กลุ่มท้าทาย
และกลุ่มนำร่อง เหมือนเมื่อปี 2547 ดังนั้น จึงไม่มีการคูณ 2
เท่า ให้กับหน่วยงาน
ที่อยู่ในกลุ่มท้าทาย
และกลุ่มนำร่องเหมือนใน
ปีที่ผ่านมา
ซึ่งจะส่งผลให้หน่วยงาน
ที่เคยอยู่ใน
กลุ่มท้าทายและกลุ่มนำร่อง
ได้รับการจัดสรรน้อยลงอย่างใร
ก็ตาม
ก.พ.ร.
ได้มีมาตรการชดเชย
ในเรื่องนี้ ซึ่งเราจะกล่าวถึงอีกครั้งหนึ่ง
3. อัตราการจ่ายเงินรางวัล [B(Ri)] เปลี่ยนแปลงไปจากปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547
โดย
จะมีช่วงชั้นที่ละเอียดขึ้น
4. การแยกฐานเงินเดือนของตำรวจภูธร ออกจากฐานเงินเดือนของส่วนราชการ
ประจำจังหวัด
เนื่องจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการปรับเปลี่ยน
โครงสร้างตำรวจภูธรจังหวัด
ไปเป็นราชการบริหารส่วนกลาง
ตัวแปรที่ส่งผลจำนวนเงินรางวัลที่หน่วยงานจะได้รับ |
|
หน่วยงานที่จะได้รับการจัดสรรเงินรางวัลนั้น
จะต้องมีผลการประเมินการปฏิบัติราชการ
ตามคำรับรองฯ ไม่ต่ำว่ากว่า 3.00
คะแนน โดยจำนวนเงินรางวัลที่หน่วยงานจะได้รับขึ้นอยู่
กับตัวแปรต่าง ๆ ดังนี้
1. คะแนนผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองฯ (Ri) ซึ่งผลการประเมิน
การปฏิบัติราชการตามคำรับรองฯ ในรอบแรกของส่วนราชการ
จังหวัด และสถาบันการศึกษา
ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 สรุปได้ดังนี้
|
คะแนนสูงสุด |
คะแนนต่ำสุด |
คะแนนเฉลี่ย |
ส่วนราชการ |
5.00 |
3.73 |
4.65 |
จังหวัด |
4.58 |
3.56 |
4.11 |
สถาบันการศึกษา |
4.67 |
2.61 |
4.15 |
ผลรวม |
5.00 |
2.61 |
4.39 |
โดยหน่วยงานที่มีคะแนนผลการประเมินใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย
(4.39)
ก็จะได้รับเงิน
รางวัลประมาณ 20% ของฐานเงินเดือน
ในขณะที่หน่วยงานได้รับคะแนนผลประเมิน
สูงกว่าค่าเฉลี่ยก็จะ
ได้รับเงินรางวัลสูงกว่า
20% (ประมาณ 20% 30%) ของฐานเงินเดือน
และในทางตรงกันข้าม
ถ้าหน่วยงานมีคะแนนผลการประเมินต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก็จะได้รับเงิน
รางวัลประมาณ
10% - 20% ของฐานเงินเดือน
2. การแปลงคะแนนผลการประเมินเป็นอัตราการจ่ายเงินรางวัล
[B(Ri)] ซึ่งในปีนี้
มีช่วงชั้นที่ละเอียดขึ้น
จากเดิมที่แบ่งช่วงเป็น 0.5 เปลี่ยนมาเป็น 0.25 ดังนี้
อัตราการจ่ายเงินรางวัล [B(Ri)]
ปี 2548 |
Ri |
B(Ri) |
5 .00 |
3.00 |
4.75-4.99 |
2.75 |
4.50-4.74 |
2.50 |
4.25-4.49 |
2.25 |
4.00-4.24 |
2.00 |
3.75-3.99 |
1.75 |
3.50-3.74 |
1.50 |
3.25-3.49 |
1.25 |
3.00-3.24 |
1.00 |
2 |
0 |
1 |
0 |
3. ขนาดของหน่วยงาน
(เงินเดือนและค่าจ้างของข้าราชการและลูกจ้างประจำ
ของหน่วยงาน)
(Pi) โดยฐานในการคำนวณนั้น
จะใช้ฐานเงินเดือนและค่าจ้างของข้าราชการ
และลูกจ้าง
ประจำที่ได้รับจากเงินงบประมาณงบบุคลากร
(หมวดเงินเดือนและค่าจ้างเดิม)
ของข้าราชการ และลูกจ้างประจำทุกตำแหน่ง ณ วันที่ 1 กันยายน 2548
4.
ผลรวมของส่วนแบ่งทั้งหมดที่คิดจากอัตราการจ่ายเงินรางวัลคูณด้วยขนาด
ของหน่วยงาน
[B(Ri) x Pi] ซึ่งหากบางหน่วยงานมีการเปลี่ยนแปลงคะแนนการประเมิน
ผลก็จะกระทบกับการคำนวณเงิน
รางวัลทำให้ต้องคำนวณใหม่ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้
สำนักงาน ก.พ.ร.
จึงได้
ขอให้ทุกหน่วยงานยืนยันผลคะแนนของตนภายใน
วันที่ 15 พฤษภาคม 2549
ซึ่งหากมีหน่วยงานใด
หน่วยงานหนึ่งมีการเปลี่ยนแปลง
คะแนนจะทำให้
ต้องคำนวณเงินรางวัลใหม่ทั้งหมดส่งผลให้เงินรางวัลที่หน่วยงานต่างๆ จะได้รับในรอบแรกจะเปลี่ยนแปลง
ไปจากที่สำนักงาน ก.พ.ร.
ได้แจ้งไปแล้วในข้างต้น
แนวทางการคำนวณจัดสรรเงินรางวัล
แนวทางการคำนวณจัดสรรเงินรางวัลนั้น
จะจัดสรรให้กับทุกหน่วยงานที่ปรากฏตาม
กฎกระทรวง
แบ่งส่วนราชการ/กฎมหาวิทยาลัย/กฎทบวง
ที่มีส่วนราชการ
ตามกฎหมาย
โดยในกรณี
ของราชการบริหารส่วนกลางราชการบริหารส่วนกลางที่ปฏิบัติราชการอยู่ในภูมิภาค
และราชการบริหารส่วนภูมิภาคนั้นในการคิดคะแนนและการได้รับจัดสรรเงินรางวัลจะพิจารณาดังนี้
|
ตามที่ปรากฏในกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการ |
ส่วนกลาง |
ส่วนกลางที่ปฏิบัติราชการ
ในภูมิภาค |
ส่วนภูมิภาค |
1. คะแนน
การประเมินผล |
ส่วนราชการต้นสังกัด |
ใช้คะแนนเฉลี่ยของจังหวัด
ที่อยู่ในความรับผิดชอบ
ของหน่วยงาน
ส่วนกลางที่ปฏิบัติราชการ
ในภูมิภาคดังกล่าว
(เช่น ศูนย์/เขต/ภาค) |
จังหวัด |
2. ข้าราชการ
และลูกจ้างประจำ
จะได้รับเงินรางวัล |
ส่วนราชการต้นสังกัด |
ส่วนราชการต้นสังกัด |
จังหวัด |
สำหรับรายชื่อของหน่วยงานที่เป็นราชการบริหารส่วนกลางที่ปฏิบัติราชการ
อยู่ในภูมิภาคและราชการบริหารส่วนภูมิภาคนั้นสามารถดูได้จากเว็บไซต์ของสำนักงาน ก.พ.ร.
วิธีการจัดสรรเงินรางวัล
เพื่อเป็นการชดเชยให้กับหน่วยงานที่อาจจะได้รับเงินรางวัลลดลงอันเนื่องมาจาก
ข้อจำกัด
และเงื่อนไขต่างๆ
โดยเฉพาะหน่วยงานที่อยู่ในกลุ่มท้าทายและกลุ่มนำร่อง
ในปีงบประมาณ พ.ศ.
2547 ที่ประชุม ก.พ.ร. จึงได้เห็นชอบแนวทางดังนี้
แบ่งวงเงินรางวัลที่ได้รับจัดสรรทั้งหมด 5,550 ล้านบาท
ออกเป็น 3 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1 จำนวน 4,440 ล้านบาท (จัดสรรรอบแรก)
จัดสรรให้ทุกหน่วยงานตามผลการประเมินการปฏิบัติราชการและฐานเงินเดือน
และค่าจ้างของข้าราชการและลูกจ้างประจำ
โดยใช้สูตรการคำนวณดังนี้
โดยที่...
B(Ri) x Pi = อัตราการจ่ายเงินรางวัลของหน่วยงาน [B(Ri)] x
ฐานเงินเดือน
ของหน่วยงาน (Pi)
B(Ri) x Pi =
ผลรวมของอัตราการจ่ายเงินรางวัล x ฐานเงินเดือนของทุกหน่วยงาน
ส่วนที่ 2 จำนวน 550 ล้านบาท (จัดสรรรอบแรก)
เป็นเงินรางวัลชดเชย
โดยจัดสรรให้ส่วนราชการในกลุ่มท้าทายและกลุ่มนำร่อง
ในปี
งบประมาณ
พ.ศ.
2547
รวมทั้งส่วนราชการที่เป็นราชการบริหารส่วนกลางที่ปฏิบัติราชการ
อยู่ในภูมิภาคที่ส่วนราชการต้นสังกัดอยู่ในกลุ่มภาคบังคับในปีงบประมาณ
พ.ศ. 2547
ซึ่งได้
รับเงินรางวัลมากกว่ากลุ่มภาคบังคับ 2 เท่า โดยหลักของการชดเชย คือ
หน่วยงานใดที่มีผล
การประเมินในปี 2548
ที่สูงขึ้น
กว่าปี 2547
ก็จะได้รับเงินรางวัลชดเชยสูงกว่าหน่วยงาน
ที่มีผลการประเมินลดลง
ส่วนที่ 3 จำนวน 560 ล้านบาท (จัดสรรรอบสอง)
จะจัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆเป็นรอบที่2ประมาณเดือนสิงหาคม 2549 เนื่องจากคะแนน
ผลการประเมินในรอบแรกของบางหน่วยงานยังไม่สมบูรณ์โดยตัวชี้วัดบางตัวยังไม่ทราบผลคะแนน
เพราะต้องรอผลคะแนนจากการสำรวจหรือในกรณีของตัวชี้วัดของจังหวัด ซึ่งต้องรอข้อมูลจาก
หน่วยงานส่วนกลางเช่น ส.น.ง.คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นต้น
ผู้มีสิทธิได้รับจัดสรรเงินรางวัล |
|
ยังคงเหมือนในปีที่ผ่านมา
โดยยึดตามระเบียบกระทรวงการคลัง กล่าวคือ
ผู้มีสิทธิ
ได้รับเงินรางวัล
ได้แก่ ข้าราชการ และลูกจ้างประจำ ที่ได้รับเงินเดือน
และค่าจ้างจากเงิน
งบประมาณ งบบุคลากร
(หมวดเงินเดือนและค่าจ้างเดิม)
ของส่วนราชการนั้น ๆ
ณ วันที่ 1 กันยายน 2548
|
สำหรับพนักงานราชการและพนักงาน
มหาวิทยาลัยนั้น ไม่อยู่ในกลุ่มของผู้มีสิทธิได้รับเงินรางวัล เนื่องจาก
ไม่ได้รับค่าจ้างจากงบประมาณ งบบุคลากร (หมวดเงิน
เดือนและค่าจ้างเดิม) อย่างไรก็ตาม หากหน่วยงาน
ต้องการจะจัดสรรเงินรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าว ก็เป็นดุลพินิจของหน่วยงานนั้น ๆ โดยอาจจัดสรรจาก
เงินรางวัลที่หน่วยงานได้รับเพียงแต่ในการคำนวณ เงินรางวัลที่หน่วยงานจะได้รับจะไม่นำฐานเงินเดือน/
ค่าจ้างของเจ้าหน้าที่กลุ่มนี้มาใช้ในการคำนวณ |
ทั้งนี้
สำนักงาน ก.พ.ร. กำลังประสานกับกรมบัญชีกลาง เนื่องจากอาจจะ
ต้องแก้ไขระเบียบในเรื่องของการเบิกจ่ายเงินเพื่อให้เกิดความยืดหยุ่นให้หน่วยงาน
สามารถใช้ดุลพินิจ
ในการพิจารณาจัดสรรเงินรางวัลกับเจ้าหน้าที่กลุ่มดังกล่าวได้ |
การจัดสรรเงินรางวัลของหน่วยงานให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำ |
|
เมื่อหน่วยงานได้รับการจัดสรรเงินรางวัลแล้ว
จะต้องจัดสรรให้กับข้าราชการ
และลูกจ้าง
ประจำ
ตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2548
ที่สำนักงาน ก.พ.ร. ส่งให้กับหน่วยงานต่าง ๆ แล้ว โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้
1. ต้องไม่นำเงินรางวัลทั้งหมดที่ได้รับไปจัดสรรโดยวิธีการหารเฉลี่ย ให้ผู้มีสิทธิ
ได้รับเงินรางวัลได้รับเท่ากันแต่ต้องจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการ และหลักเกณฑ์วิธีการจัดสรรเงินรางวัล
ให้แก่ข้าราชการ
และลูกจ้างประจำ ทั้งนี้ ต้องประกาศ
หลักเกณฑ์ให้ข้าราชการและลูกจ้างประจำได้ทราบโดยทั่วกันด้วยทั้งนี้หน่วยงานจะต้องส่ง
หลักเกณฑ์และวิธีการประเมินผลการปฏิบัติราชการและหลักเกณฑ์วิธีการจัดสรรเงินรางวัล
ให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำให้กับสำนักงาน ก.พ.ร. ภายในวันที่ 15
สิงหาคม 2549
เพื่อช่วย
พิจารณาไม่ให้ขัดกับระเบียบกระทรวงการคลัง
2. ต้องนำไปจัดสรรให้แก่ผู้มีสิทธิได้รับจัดสรรเงินรางวัล ได้แก่ ข้าราชการและลูกจ้าง
ประจำ ทั้งนี้
ผู้บริหารที่มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มพิเศษไม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัลนี้
โดยใน
กรณีของเงินเพิ่มพิเศษ
ของผู้บริหารนั้น
เป็นงบประมาณคนละส่วนกับเงินรางวัล
จำนวน 5,550 ล้านบาทนี้
ซึ่งนอกจากจะเป็นการประเมินผลงานแล้ว
ยังเป็นการลดช่องว่าง
ของเงินเดือนผู้บริหารในภาคราชการ
ที่แตกต่างกับภาคเอกชนเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ภารกิจ
ติดตามฯ
จะสรุป FAQ
ในเรื่องดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.พ.ร.
เพื่อเป็นแนวทางใน
การตอบคำถามและให้คำแนะนำกับหน่วยงานต่าง ๆ
ในเรื่องดังกล่าวต่อไป
ในกรณีของสถาบันอุดมศึกษาอาจพิจารณาจัดสรรเงินรางวัลที่ได้รับ
ให้แก่พนักงาน
มหาวิทยาลัยที่มีส่วนร่วมในความสำเร็จของสถาบันการศึกษาด้วยก็ได้
สำหรับข้าราชการตำรวจนั้น นอกจากการแยกฐานเงินเดือนของ
ตํารวจภูธร ออกจาก
ฐานเงินเดือนของส่วนราชการประจําจังหวัดไป
เป็นฐานเงินเดือนของสำนักงานตำรวจแห่ง- ชาติ ทำให้เงินรางวัลของตำรวจภูธรจะคำนวณผลการดำเนินงานของจังหวัด แต่รับเงินรางวัล
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) แล้ว ยังมีกรณีอื่น ๆ อีก ได้แก่
|
-
ตำรวจรถไฟ รับเงินเดือนจากเงินงบประมาณ
หมวดเงินอุดหนุนทั่วไปของการ
รถไฟแห่งประเทศไทย
แต่ปฏิบัติงานโดยสะท้อนเป้าหมายของ สตช.
จะคำนวณผลการ
ปฏิบัติงานของ สตช. และได้รับเงินรางวัลจาก สตช.
-
ตำรวจทางหลวง รับเงินเดือนจากกรมทางหลวง
จะใช้คำนวณผลการดำเนินงานของกรมทางหลวง
และรับเงินรางวัลที่กรมทางหลวง
|
- ตำรวจท่องเที่ยวรับเงินเดือนจากสำนักพัฒนาการท่องเที่ยว(สพท.)
จะรับเงิน
รางวัลที่ สพท.
|
3.ผู้มีสิทธิได้รับการพิจารณาจัดสรรเงินรางวัลต้องได้รับการประเมินผลการปฏิบัติ
ราชการโดยแบ่งการประเมินเป็น
5 ระดับเช่นเดียวกันกับการประเมินผลการปฏิบัติราชการ
ของส่วนราชการ สถาบันอุดมศึกษา และ
จังหวัด
โดยที่ระดับที่ 5 คือ
มีผลการปฏิบัติ
ราชการดีเยี่ยมและระดับที่ 1 คือ
มีผลการปฏิบัติราชการไม่เป็นที่ยอมรับผู้ที่มีคะแนน
การประเมินผลการปฏิบัติราชการต่ำกว่า 3
ไม่มีสิทธิได้รับเงินรางวัล
4. จำนวนเงินรางวัลที่ผู้มีสิทธิจะได้รับขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมผลักดันให้ผลงาน
ของบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้
และผลการประเมินการปฏิบัติราชการของผู้สิทธินั้น
ๆ
การจัดสรรเงินรางวัลของหน่วยงานให้แก่สำนัก/กอง
หรือสำนักงาน |
|
การจัดสรรเงินรางวัลของหน่วยงานให้แก่สำนัก/กองหรือสำนักงานนั้นมีแนวทาง
ที่สำคัญคือ ประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 รางวัลสำหรับความร่วมมือเป็นรางวัลที่
สะท้อนถึงความร่วมมือกันในการสร้าง
ผลงาน
ให้ส่วนราชการ
/จังหวัด
ส่วนที่ 2 รางวัลสำหรับความโดดเด่นในการผลักดัน
งานของหน่วยงานให้บรรลุเป้าหมาย เป็นรางวัลที่สะท้อน
ถึงความโดดเด่นเฉพาะของสำนัก/กองหรือสำนักงานในการเป็น
ส่วนสำคัญที่ผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย |
|
ทั้งนี้ สัดส่วนของรางวัลทั้ง 2 ส่วนข้างต้น จะแตกต่างกันไปตามลักษณะวัฒนธรรม
และเป้าหมายของแต่ละหน่วยงานซึ่งการกำหนดสัดส่วนนั้นจะแล้วแต่การพิจารณาของหน่วยงาน
สิ่งที่ต้องดำเนินการต่อไป |
|
หลังจากที่ส่วนราชการจังหวัดและสถาบันการศึกษาได้รับการแจ้งผลคะแนน
การประเมินผลการปฏิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 แล้วทุกหน่วยงาน
จะต้องดำเนินการดังนี้
ส่วนราชการ/จังหวัดยืนยันคะแนนการประเมินผลการปฏิบัติราชการฯ
กลับไปยังสำนักงาน
ก.พ.ร. ภายในวันที่ 15 พฤษภาคม
2549 |
|
สำนักงาน ก.พ.ร.
ประมวลผลและคำนวณจัดสรรเงินรางวัลอีกครั้ง
แล้วแจ้งยืนยันไปยังส่วนราชการ/จังหวัดต่าง
ๆ |
|
ส่วนราชการ/จังหวัดกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินรางวัล
ให้แก่ข้าราชการและลูกจ้างประจำและประกาศให้ทราบทั่วกัน |
|
ส่วนราชการ/จังหวัดเบิกจ่ายเงินรางวัลให้แก่ผู้มีสิทธิ |
|
ส่วนราชการ/จังหวัดส่งหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินรางวัล
ไปยังสำนักงาน ก.พ.ร. ภายในวันที่ 15
สิงหาคม 2549 |
สำหรับรายละเอียดต่างๆของหลักเกณฑ์และวิธีการจัดสรรเงินรางวัลประจำปีงบประมาณ
พ.ศ. 2548 ทั้ง
การจัดสรรให้กับส่วนราชการ จังหวัด และสถาบันการศึกษา
รวมถึงการจัดสรรเงินรางวัลให้กับสำนัก/กอง หรือสำนักงานและการจัดสรรในระดับ
บุคคลสามารถอ่านรายละเอียดได้จากเว็บไซต์ของสำนักงานก.พ.ร.ที่
http://www.opdc.go.th ซึ่งนอกจากหลักเกณฑ์แล้วจะมีการรวบรวมประเด็น
คำถามต่าง ๆ
ในเรื่องนี้และเผยแพร่ในเว็บไซต์
ของสำนักงาน ก.พ.ร.
ด้วยค่ะ
|